บทที่ 381 เจอโดยบังเอิญ
บทที่ 381 เจอโดยบังเอิญ
อาเซียงเห็นคนใส่ชุดตำรวจสองสามคนเดินมาทางร้าน
แม้ในวันที่อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ กระดุมทั้งสองเม็ดที่ปกเสื้อของชายผู้นำกลุ่มตำรวจยังคงถูกปลดออกเผยให้เห็นผิวหนังระหว่างคอเรียวและกระดูกไหปลาร้าของเขา
ด้วยมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ดวงตาดอกท้อของเขามองอย่างสบาย ๆ บรรยากาศทั้งตัวของเขาดูเป็นกันเอง
บังเอิญชายคนนั้นเหลือบมองมาทางนี้ ซึ่งเป็นทิศทางของเคาน์เตอร์ร้านพอดี
ริมฝีปากสีแดงบางเรื่อของเขาเผยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า
เขาหันเท้าแล้วเดินมาทางนี้
อาเซียงตกตะลึงเมื่อมองดูเขาก้าวมาทีละก้าว มาทางร้านของเธอ
ทันทีที่ฉีจิ่นจือเดินผ่านประตูเข้ามา สายตาของเขาก็มองไปยังเซี่ยชิงหยวนที่กำลังนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์
เธอก้มศีรษะลงและคำนวณบัญชีของวันนี้อยู่
หลายคนที่ติดตามฉีจิ่นจือยืนรออยู่ที่ประตูและไม่ได้ตามเข้ามา
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวและตะโกน “ยินดีต้อนรับ เชิญ…เอ๊? คุณชายฉี ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะคะ?”
เมื่อเห็นชัดเจนว่าคนที่มาคือฉีจิ่นจือ เธอก็ตกตะลึงราวกับไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นตำรวจมาอย่างกะทันหัน ลูกค้าในร้านก็เริ่มเขินอายและตื่นเต้นหลังจากตื่นตระหนกในตอนแรก
ใบหน้าของฉีจิ่นจือทำให้พวกลูกค้าสาวในร้านลืมความกลัวไปชั่วขณะ และสายตาของพวกเธอที่มองเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ในเวลานี้อาเซียงก็รีบเดินมาหาเซี่ยชิงหยวนและมองดูฉีจิ่นจืออย่างตั้งรับ
แม้เซี่ยชิงหยวนจะบอกเธอว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือฉีจิ่นจือลูกชายคนเล็กของตระกูลฉี ไม่ใช่โจวจิ่นจือจากเมืองกว่างโจว แต่อาเซียงก็อดไม่ได้ที่จะกลัวทุกครั้งที่เห็นเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองของผู้หญิงคนอื่น ๆ ในร้าน ฉีจิ่นจือไม่แม้แต่กะพริบตา ดวงตาของเขากวาดไปที่ใบหน้าของอาเซียงด้วยสายตาที่สุขุมมาก
เขาพูดกับเซี่ยชิงหยวน “ผมกำลังลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ และบังเอิญเห็นคุณน่ะ ก็เลยลองเดินเข้ามาดูหน่อย”
คำพูดนั้นเรียบง่ายราวกับว่าเป็นเพียงการอธิบายการมาอย่างกะทันหันของเขา และไม่มีอารมณ์ความสัมพันธ์มากนักระหว่างทั้งสอง
เซี่ยชิงหยวนตอบสนอง ตบไหล่อาเซียงและโบกมือให้ไปดูลูกค้าแทน
อาเซียงย่อมไม่ขัดคำสั่งของเซี่ยชิงหยวน ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่โซฟาเพื่อแนะนำสไตล์ที่เหมาะสมให้กับลูกค้า
แต่การที่ฉีจิ่นจือปรากฏตัวเช่นนี้ ทำให้เหล่าลูกค้าสาวหลายคนสนใจมากและพวกเธอทั้งหมดถามแต่เกี่ยวกับตัวตนของฉีจิ่นจือ
อาเซียงไม่กล้าพูดไร้สาระและแค่พูดว่า “เขาเป็นคนที่เจ้านายของเรารู้จักน่ะค่ะ”
นั่นหมายความว่าเธอไม่รู้ชัดเจน และคนอื่นไม่มีโอกาสได้รับข้อมูลจากเธอแน่นอน
ลูกค้าสาว ๆ ไม่ถามอีกต่อไป และยังคงดูเสื้อผ้าของพวกเธอต่อ
แน่นอนว่าเสียงกระซิบของผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ อาเซียงไปถึงเซี่ยชิงหยวนและฉีจิ่นจือในระดับหนึ่ง
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ค่อนข้างบังเอิญเลยนะคะ”
แต่เดิมพื้นที่ลาดตระเวนของเขาครอบคลุมแค่ตลาด แต่ตอนนี้กลายมาเป็นถนนหลินไห่
ฉีจิ่นจือพยักหน้า “ผมจะรับผิดชอบพื้นที่นี้ต่อจากนี้ไปน่ะ และเราจะมีโอกาสมากมายที่จะพบกันอีกแน่”
เขามองออกไปข้างนอก “ใกล้จะปีใหม่แบบนี้การรักษาความปลอดภัยสาธารณะจะยิ่งเข้มงวดขึ้นด้วย”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังเพื่อนร่วมงานของตนที่ยืนอยู่ตรงประตู ซึ่งคนเหล่านั้นกำลังมองไปรอบ ๆ “ไม่ต้องกังวลนะ มีเราอยู่ที่นี่จะไม่มีปัญหาใด ๆ แน่นอน”
เมื่อเห็นฉีจิ่นจือชี้มา บรรดาเพื่อนร่วมงานของเขาที่ประตูก็ยิ้มและพยักหน้าให้เซี่ยชิงหยวนเพื่อเป็นการทักทาย
เมื่อใกล้ถึงช่วงตรุษจีนจะมีขโมยและพวกคนโกงมากกว่าปกติ เซี่ยชิงหยวนยังคงคิดอยู่ทุกวันนี้ว่าจะจ้างผู้ชายสักคนมาเฝ้าร้านที่นี่ตอนกลางคืนดีไหม
ท้ายที่สุดอาเซียงยังเป็นเด็กผู้หญิง เธอจึงกังวลไม่น้อย
เซี่ยชิงหยวนถามว่า “คุณจะมาลาดตระเวนตอนกลางคืนด้วยเหรอ?”
ฉีจิ่นจือพยักหน้า “ใช่”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเซี่ยชิงหยวนก็ผ่อนคลายลงในที่สุด
เธอยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณมากค่ะ”
ฉีจิ่นจือแตะจมูกของเขา “ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
เขาสวมหมวกตำรวจในมือแล้วพูดว่า “คุณกำลังยุ่งอยู่ ผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน”
เซี่ยชิงหยวนรีบลุกขึ้นจะออกไปส่งเขา
ฉีจิ่นจือทำราวกับเหมือนมีดวงตาหลัง เขาหันกลับมาพูด “นั่งลงเถอะ ไม่จำเป็นต้องส่งผมหรอก”
หลังจากพูดอย่างนั้น ชายหนุ่มก็เดินออกไป
พอเห็นแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็นั่งลงบนเก้าอี้เหมือนเดิม
หญิงสาวยังคงสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ฉีจิ่นจือเดินเข้ามาเหมือนว่าเขาพบเธอโดยบังเอิญจริง ๆ และพูดกับเธอเพียงไม่กี่คำก็จากไป
หลังจากที่ฉีจิ่นจือจากไป ลูกค้าหญิงที่รอคอยโอกาสก็รีบเดินเข้ามาทีละคนเพื่อสอบถามเกี่ยวกับตัวฉีจิ่นจือ
สาวโสดอยากรู้ว่าตัวเองยังมีโอกาสอยู่ไหม ส่วนคนที่แต่งงานแล้วอยากแนะนำให้ญาติ ๆ ที่บ้านรู้จัก
เซี่ยชิงหยวนเพียงยิ้มและส่ายหัว “ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของเขากำลังตัดสินใจการแต่งงานของเขาอยู่ ส่วนที่เหลือฉันไม่รู้แล้วค่ะ”
นี่หมายความว่าถ้าใครชอบเขาจะต้องผ่านการกรองจากผู้เฒ่าตระกูลฉีก่อน
เมื่อได้ยินเช่นนี้พวกผู้หญิงก็หมดความสนใจทันที
นี่มันกี่ปีผ่านมาแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนใหม่? แต่ยังคงมีบางตระกูลที่ปฏิบัติตามธรรมเนียมเดิมที่ให้พ่อแม่เป็นคนเลือกคู่อีกเหรอ?
หลังจากที่คนอื่นแยกย้ายกันไป อาเซียงก็แอบเข้ามาหาเซี่ยชิงหยวนและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่สาวเซี่ย ฉันคิดว่าคุณชายฉีคล้ายกับลูกพี่ใหญ่เมืองกว่างโจวมากเลยนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนตีแขนของอาเซียงเบา ๆ และยืนกรานที่จะโกหกต่อไป “พวกเขาแค่หน้าตาเหมือนกัน ไม่สังเกตเหรอว่าเขาผิวสีเข้มกว่าลูกพี่ใหญ่คนนั้นอีก”
แสงแดดในมณฑลอวิ๋นนั้นแรงกว่าที่เมืองกว่างโจว ฉีจิ่นจืออยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้วและมักจะลาดตระเวนข้างนอก ดังนั้นสีผิวของเขาจึงเข้มขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังหยุดความหล่อที่เขามีไม่ได้
อาเซียงพยักหน้าอย่างลังเล “ดูเหมือน…จะใช่”
เธอถามเสริม “ว่าแต่พี่เซี่ย พ่อของคุณชายฉีคนนี้ไม่ใช่คนระดับผู้อำนวยการสำนักงานหรอกเหรอคะ? ทำไมเขาไม่จัดตำแหน่งที่สูงกว่านี้ให้ลูกชายของเขาล่ะ?”
จัดตำแหน่งให้ได้นั่งในสำนักงานหรือมีส่วนร่วมจัดการคดีมันย่อมดีกว่าหน้าที่นี้ไม่ใช่เหรอ?
และในวันที่อากาศหนาวมากเช่นนี้ ฉีจิ่นจือดูเหมือนจะสวมเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าเขาหนาวหรือไม่
ครอบครัวที่ร่ำรวยย่อมไม่ลังเลที่จะซื้อเสื้อผ้าเพิ่มอยู่แล้ว
แน่นอนว่าสำหรับประเด็นนี้เซี่ยชิงหยวนไม่สะดวกที่จะพูดคุย
หากเธอบอกอาเซียงว่าฉีจิ่นจืออาจตั้งใจทำตำแหน่งนี้ อาเซียงจะถามอย่างแน่นอนว่าทำไม จากนั้นเธอก็ต้องอธิบายหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งนั่นคงไม่ใช่เรื่องดีนัก
เซี่ยชิงหยวนเพียงแต่พูดว่า “บางทีอาจเป็นการฝึกลูก ๆ ล่ะมั้ง”
อาเซียงไม่ถามคำถามอีกต่อไปหลังจากได้ยิน และกลับไปทำงาน
เซี่ยชิงหยวนก้มหน้าลงมองดูบัญชี วันนี้ยังคงเป็นช่วงโปรโมชันเปิดร้านอยู่ ดูจากการขายในช่วงเช้า คาดว่ายอดขายวันนี้น่าจะได้มากกว่า 4,000 หยวน
ภายในวันพรุ่งนี้น่าจะลดลงเหลือ 4,000 หยวน และหลังจากผ่านไปสักสามวัน ยอดขายรายวันอาจจะคงอยู่ที่มากกว่า 3,000 หยวน
เมื่อดูข้อมูลที่คำนวณได้เหล่านี้ คิ้วของเซี่ยชิงหยวนก็คลายลง
คาดว่าก่อนเทศกาลตรุษจีน เธอจะสามารถสร้างรายได้นับหมื่นหยวน ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการเริ่มต้นธุรกิจหยกให้อาจารย์ของเธอได้
อาจารย์คงไม่รังเกียจกับทุนหลายหมื่นหยวนใช่ไหม?
เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกับปี่ฟู่หมานและเขาเป็นยังไงบ้าง
…
ทุกวันผ่านไปเช่นนี้และยอดขายของร้านยามต้องมนต์ก็เป็นไปตามที่เซี่ยชิงหยวนคาดไว้ โดยมียอดขายมากกว่า 3,000 หยวนต่อวัน
ตอนที่เซี่ยชิงหยวนเลือกซื้อเสื้อผ้ามา เธอเลือกเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ เมื่อเปิดร้านเธอไม่ได้เอาเสื้อผ้าทั้งหมดออกมาจัดวาง แต่เธอเลือกที่จะค่อย ๆ เอาแบบใหม่ออกมาทุก ๆ สองสามวัน
การทำแบบนี้ทำให้ลูกค้าที่เพิ่งซื้อเสื้อผ้าไปเมื่อไม่กี่วันก่อนอดไม่ได้ที่จะแวะมาซื้อเสื้อผ้าแบบใหม่หลังจากเห็นอีกครั้ง
ช่วงใกล้ตรุษจีนจะมีญาติมาเยี่ยมเยอะมาก บรรดาลูกค้าจึงอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ทุก ๆ สองวัน
เซี่ยชิงหยวนก็เห็นด้วยกับคำขอของพวกเขา และขอให้เหล่าไต้ส่งเสื้อผ้าผู้ชายมาให้ด้วยจำนวนหนึ่ง
เมื่อผู้หญิงแต่งตัว ผู้ชายมักจะต้องไม่ด้อยกว่าตอนออกไปข้างนอกเช่นกัน
เธอได้ดูเสื้อผ้าผู้ชายมาบ้างเมื่อไปกว่างโจวรอบที่แล้ว แต่เซี่ยชิงหยวนต้องการมุ่งเน้นไปที่เสื้อผ้าผู้หญิง ดังนั้นเธอจึงยังไม่รับสินค้าชายมาขายและหยิบมาเพียงไม่กี่ตัวให้เสิ่นอี้โจว
ครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการที่ได้รับความนิยม ดังนั้นเธอจึงสามารถเติมสต๊อกได้อย่างมั่นใจ
ดังนั้นด้วยการที่มีเสื้อผ้าผู้ชายวางขาย จึงถือเป็นจุดไคลแม็กซ์เล็ก ๆ ของร้านยามต้องมนต์น้อย ๆ หลังจากเปิดตัว
เซี่ยชิงหยวนยังเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับสมาชิกในตระกูลเซี่ยของเธอจากเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงตามขนาดของพวกเขา และส่งพวกมันไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวาพร้อมกับเสื้อผ้าให้เด็ก ๆ สวมใส่เล่นในช่วงปีใหม่
เมื่อโทรออก เซี่ยชิงหยวนยังเตือนกงเหลียนซินว่า “พี่สะใภ้คะ ถ้าพี่รองกลับมาพี่อย่าลืมบอกฉันนะ หลังจากที่พี่รองกลับมาแล้วช่วยพูดให้เขาไปรับซือถงกลับมาที่บ้านที และให้ค้างสักสองวัน”
กงเหลียนซินงงงวย “พาซือถงกลับมา?”
พวกเขาทุกคนล้วนรู้ว่าตระกูลจางนั้นคุยยากแค่ไหน ทุกครั้งที่พยายามคุยเรื่องเด็ก อีกฝ่ายจะอ้างแต่เรื่องผลประโยชน์ และถ้าไม่ได้ดั่งใจก็ไม่ให้เจอเด็ก
หากต้องการเจอเด็กจริง ๆ มีทางเดียวคือต้องเอาข้าวของไปให้
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “อืม เมื่อถึงเวลาพี่สะใภ้บอกตระกูลจางได้เลยค่ะ ว่าฉันซื้อเสื้อผ้าและอาหารให้กับเด็กแล้ว ให้พวกเขามาเอาของไป”
ตระกูลจางชอบหาประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยของดีที่เธอส่งไป เพราะงั้นพวกเขาจะไม่ปฏิเสธแน่นอน
กงเหลียนซินไม่ได้ถามคำถามอะไรอีกและตอบว่า “พี่ได้ยินจากพี่ใหญ่เธออยู่ว่าเขาน่าจะกลับบ้านในวันที่ยี่สิบเจ็ดหรือไม่ก็ยี่สิบแปดเนี่ยแหละ แล้วเอาไว้พี่จะโทรหาอีกทีนะ”
เซี่ยชิงหยวนขอบคุณ “รบกวนพี่สะใภ้ด้วยนะคะ”
ส่วนเรื่องที่ว่าเซี่ยซือถงเป็นลูกทางสายเลือดของพี่รองของเธอจริงหรือไม่นั้น เธอเชื่อว่าอีกไม่นานจะรู้คำตอบแน่นอน
ไม่เพียงแต่เซี่ยซือถงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเซี่ยซือเหยียนด้วย เธอยังวางแผนที่จะส่งตัวอย่างไปทดสอบด้วยเช่นกัน
————————————