บทที่ 382 อิจฉา
บทที่ 382 อิจฉา
เมื่อกลับบ้านในตอนเย็น เซี่ยชิงหยวนก็บอกเรื่องนี้กับเสิ่นอี้โจว นั่นทำให้เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้วทันที “คุณสงสัยว่าซือถงไม่ใช่ลูกทางสายเลือดของพี่รองเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “หลายคนบอกว่าลูกสาวจะเหมือนพ่อ แต่ซือถงดูไม่เหมือนพี่รองของฉันเลย และไม่เหมือนแม้แต่กับจางอวี้เจียวด้วย”
แน่นอนหากลองมองดูซือเหยียนแทน ก็จะสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าเธอเป็นลูกของพี่ชายคนรองของเธอ
“ท้ายที่สุดแล้วตอนที่จางอวี้เจียวตั้งครรภ์ซือถงนั้นมันบังเอิญเกินไป และพวกเขาก็ขอสิทธิ์การดูแลซือถงทันทีหลังจากการหย่าร้าง ฉันคิดว่ามันแปลกมาก มันไม่น่าเชื่อเท่าไหร่เลย”
ตามนิสัยของตระกูลจาง พวกเขาน่าจะต้องการทิ้งเด็กให้กับตระกูลเซี่ยมากกว่าเพื่อให้จางอวี้เจียวไปหาบ้านใหม่ได้เร็ว ๆ
มันต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติกับเรื่องนี้ ความสงสัยของเซี่ยชิงหยวนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ต้องการให้ตระกูลจางใช้เด็กเป็นข้ออ้างในการหาประโยชน์จากครอบครัวของเธออีกต่อไป
หากเซี่ยซือถงเป็นลูกของเซี่ยจิ่งเฉินจริง เธอก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์การดูแลเด็ก
มิฉะนั้นแม้ว่าเซี่ยซือถงจะเติบโตในครอบครัวของคนพวกนั้น แต่เด็กหญิงก็อาจเดินตามรอยเท้าของจางอวี้เจียวหรือถูกตระกูลจางขายเพื่อเงิน
แต่หากเซี่ยซือถงไม่ใช่ลูกทางสายเลือดของเซี่ยจิ่งเฉินก็ควรถูกตัดออกไปซะ เพื่อที่ตระกูลจางจะได้หยุดพยายามใช้เด็กเป็นเครื่องมือข่มขู่เพื่อรับผลประโยชน์เสียที
หรืออีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าเซี่ยซือถงไม่ใช่ลูกสาวของเซี่ยจิ่งเฉินจริง ๆ และหากตระกูลจางตกลงที่จะไม่มายุ่งวุ่นวายอีกต่อไป เธอก็ยินดีที่จะให้เงินจำนวนหนึ่งแก่คนเหล่านั้นเพื่อตัดความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยซือถงและพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลเซี่ยของเธอมีความรู้สึกต่อเซี่ยซือถงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ก็จริง”
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เซี่ยจิ่งเฉินกับจางอวี้เจียวไม่ได้หย่าร้าง แต่ชีวิตคู่ของพวกเขาวุ่นวายมาก และตระกูลเซี่ยทั้งหมดก็ถูกลากลงไปด้วย
มันจะดีกว่าสำหรับทุกคนถ้าสามารถตัดตระกูลจางออกไปได้
เซี่ยชิงหยวนยื่นนิ้วออกมาแล้วแหย่เขา “ฉันก็เลยคิดว่าจะขอให้ฉีจิ่นจือช่วยได้ไหมน่ะ ในช่วงตรุษจีนเมื่อพี่รองกลับไปบ้าน ฉันจะให้พี่สะใภ้เก็บตัวอย่างทั้งพ่อและลูกสาวให้นำไปตรวจสอบที่สำนักงานความมั่นคงสาธารณะหน่อย”
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีดีเอ็นเอใช้ในการตรวจจับคดีอาญาโดยสำนักงานความมั่นคงสาธารณะเป็นหลัก หากเธอต้องการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเซี่ยจิ่งเฉินและเด็กอีกสองคน เธอจะต้องดำเนินการผ่านสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ
นั่นเป็นสาเหตุที่เธอจะใช้เหตุผลธรรมดา ๆ ไม่ได้ เธอจึงได้แต่พึ่งพาผ่านความสัมพันธ์เท่านั้น
หากเธอไม่คุยกับฉีจิ่นจือ วิธีที่ดีที่สุดคือใช้ทางผ่านอย่างความสัมพันธ์ของฉีหยวนซาน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครภายใต้ฉีหยวนซานรอดสายตาของเขาไปได้
เพียงว่าเมื่อถึงเวลา ฉีหยวนซานอาจมีความคิดที่ไม่ดีอยู่ในใจ
เธอเห็นได้ว่าเสิ่นอี้โจวไม่ได้วางแผนที่จะขึ้นเรือลำเดียวกับฉีหยวนซานในขณะนี้ การใช้มิตรภาพระหว่างฉีจิ่นจือจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หากเธอไม่ต้องการสร้างช่องว่างระหว่างเสิ่นอี้โจวและฉีหยวนซาน ทางที่ดีเธอควรขอความช่วยเหลือจากฉีจิ่นจือ ท้ายที่สุดแล้วในสายตาของฉีหยวนซาน ฉีจิ่นจือก็ยังเป็นคนของตระกูลฉี
เสิ่นอี้โจวพึมพำ “ผมจะหาเวลาคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้นะ”
เมื่อเสิ่นอี้โจวรับปากแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้ว่าเรื่องนี้จะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแน่นอน
เธอโอบแขนรอบคอเขาอย่างมีความสุข พร้อมหอมแก้มเขาแรง ๆ แล้วพูดว่า “รอเดี๋ยวก่อนนะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ปีนออกจากเตียงแล้วหยิบถุงของขวัญที่ดูมีระดับออกมาจากตู้
เธอยกถุงขึ้น “เราขอความช่วยเหลือจากเขาโดยไม่มีของตอบแทนไม่ได้ นี่คือสินค้าที่ฉันสั่งมาล่าสุดในครั้งนี้ เมื่อถึงเวลาก็บอกกับเขานะว่าคุณมอบให้เป็นสินน้ำใจ”
ตั้งแต่การเจอโดยบังเอิญครั้งนั้น เธอก็เห็นฉีจิ่นจือเป็นครั้งคราวที่ถนนหลินไห่
เขามากับเพื่อนร่วมงานตามปกติ เดินลาดตระเวนไปมาผ่านหน้าร้านของเธอ
แต่เขาไม่ได้เดินเข้าร้านอีก เขาเพียงแต่เหลือบสายตามาสบกับเธอ พยักหน้าให้เธอแล้วเดินต่อไป
เซี่ยชิงหยวนเห็นว่าฉีจิ่นจือสวมเครื่องแบบที่เป็นเพียงเสื้อเชิ้ตบาง ๆ ข้างใต้ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวแทน แม้แต่อาเซียงก็พูดว่า “ไม่ใช่ว่าตระกูลฉีรวยหรอกเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวน “หืม?”
อาเซียงพันเสื้อคลุมของตัวเอง “ฉันรู้สึกมาตลอดเลยว่าคุณชายฉีคนนี้ดูเหมือนไม่มีเงินที่จะซื้อเสื้อผ้าใส่”
การไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าใส่ก็ไม่แน่นะ
แต่เธอเดาว่าฉีจิ่นจือเคยชินกับการอยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว และไม่สนใจเรื่องนี้มากกว่า
นอกจากนี้คุณนายฉีและฉีจิ่นจือไม่ใช่แม่ลูกแท้ ๆ กัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณนายฉีจะดูแลเขา
การให้เงินฉีจิ่นจือก็เป็นการตอบแทนที่ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ดังนั้นหากใช้โอกาสนี้การให้เสื้อผ้าแก่เขาก็น่าจะเหมาะสมกว่า
เสื้อผ้าที่เธอเตรียมให้เป็นเสื้อสเวตเตอร์แคชเมียร์เนื้อดีที่เหล่าไต้หามาให้
ตัวหนึ่งเป็นสีน้ำเงินและอีกตัวเป็นสีเทาอ่อน ชั้นในระบายความร้อนสองชุด และเสื้อโค้ตกระดุมสองแถวยาว
เสิ่นอี้โจวหยิบถุงใหญ่ที่มีของเต็มข้างใน พลิกดูสั้น ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณนี่ช่างคิดเผื่อเขามากจริง ๆ เลย ผมชักเริ่มอิจฉาแล้วสิ”
เซี่ยซิงหยวนผลักเขาและดุด้วยรอยยิ้ม “เขาเป็นพ่อทูนหัวของลูกคุณนะ จะอิจฉาไปทำไม? นอกจากนี้ ถ้าคุณให้เงินเขา คุณไม่รู้เหรอว่าคนอื่นจะมองเรายังไงถ้ารู้เข้า ติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐรึไง?”
เสิ่นอี้โจวหยอกล้อโดยเอามือกุมจุดที่เซี่ยชิงหยวนผลักเขา และกอดเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน “ภรรยาของผมเป็นคนรอบคอบที่สุดเลย”
เซี่ยชิงหยวนเชิ่ดหน้าขึ้น “แน่นอน”
เสิ่นอี้โจวใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ตอนที่หญิงสาวเคลื่อนศีรษะลงแล้วจูบเธอ
มือใหญ่ของเขายังคงลูบไล้อยู่ที่สะโพกของภรรยาเบา ๆ ทำให้เกิดอาการสะดุ้งวาบ
ตั้งแต่รู้ว่าเธอท้อง เสิ่นอี้โจวก็จูบเธอทุกวัน หรือไม่ก็อุ้มเธอเข้านอนเท่านั้น การจูบอันเร่าร้อนเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าลมหายใจกำลังจะหมดลง และเริ่มหายใจไม่ออก
เมื่อเธอเอื้อมมือออกไปเพื่อจะผลักเขาออก เสิ่นอี้โจวก็ปล่อยเธอแล้ว
เสิ่นอี้โจวมองเธออย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่ความปรารถนาเพิ่มขึ้นในดวงตาของเขานั้นเกือบจะสามารถกลืนกินเธอได้เลย
เซี่ยชิงหยวนกระชับขาโดยไม่รู้ตัวและพูดติดอ่าง “ฉัน…ฉันท้องลูกอยู่ รอหลังคลอดสักสามเดือนได้ไหม?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มก่อนจะหัวเราะจนไม่สามารถหยุดตัวเองได้ “ชิงหยวน คุณกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?”
ขณะที่เขาพูด ลมหายใจร้อนชื้นของชายหนุ่มก็รดบนผิวของเธอ ทำให้หญิงสาวอยากจะหดคอหนี
โดยไม่คาดคิดเลยว่า การกระทำนี้ทำให้ดึงเขาเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น จากนั้นริมฝีปากที่อบอุ่นและอ่อนนุ่มก็กดลงบนคออันเนียนสวย
เซี่ยชิงหยวนตัวแข็งค้างและไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ
เธอพยายามอย่างหนักที่จะไม่สนใจความรู้สึกไม่สบายทางกายที่เกิดจากการจูบ และกระแอมในลำคอ “อี้โจว?”
วินาทีต่อมา เสิ่นอี้โจวก็ปล่อยเธอทันที
หลังจากปล่อยแล้ว เขาก็ลุกจากเตียงแล้วพูดว่า “คุณนอนก่อนเถอะ”
แล้วเขาก็ไปเข้าห้องน้ำ
สักพักก็มีเสียงน้ำดังมาจากข้างใน
เซี่ยชิงหยวนนอนอยู่บนเตียง มองแสงที่มาจากประตูห้องน้ำ และซุกหน้าไว้ในผ้าห่ม
อันที่จริงเธอแค่อยากจะบอกว่ามันไม่เป็นไรหรอกนะถ้าทำกันอย่างระมัดระวัง
ใช่แล้ว เธอก็คิดเรื่องลามกในหัวเหมือนกัน
เซี่ยชิงหยวนถอยตัวเองเข้าไปในผ้าห่มอย่างเงียบ ๆ
…
ในโรงน้ำชาด้านนอกสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ เสิ่นอี้โจวและฉีจิ่นจือนั่งตรงข้ามกัน
ทันทีที่เสิ่นอี้โจวบอกฉีจิ่นจือถึงจุดประสงค์ของการมา ฉีจิ่นจือก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล
ฉีจิ่นจือพยักหน้าและพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่บอกผมล่วงหน้าก่อนก็พอ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “เรื่องนี้ต้องรบกวนคุณแล้ว”
ฉีจิ่นจือเหลือบมองที่เสิ่นอี้โจวแล้วยิ้มก่อนจะถามกลับ “ความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัวของคุณคืออะไร? ทำไมคุณต้องสุภาพขนาดนี้ด้วย?”
เมื่อได้ยินเสิ่นอี้โจวก็เลิกคิ้ว “พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วผมก็อยากรู้อะไรบางอย่าง”
ฉีจิ่นจือใช้นิ้วของเขาเคาะโต๊ะเบา ๆ บ่งบอกว่าให้พูดต่อได้
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “คุณชายฉีตกลงที่จะเป็นพ่อทูนหัวลูกของผม ผมดีใจจริง ๆ แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณชายฉีจะบอกเหตุผลกับผมได้ไหม?”
เสิ่นอี้โจวมองเขาด้วยดวงตาที่เหมือนจะทะลุทะลวงพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ซึ่งรอยยิ้มนี้ไม่อาจคาดคิดได้เลย
————————————