กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 418 แยกกันอยู่ (ครึ่งแรก)

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 418 แยกกันอยู่ (ครึ่งแรก)

บทที่ 418 แยกกันอยู่ (ครึ่งแรก)

เวลาเกือบเที่ยงตรง เสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ ก็กลับมาในที่สุด

เซี่ยชิงหยวนลุกขึ้นพลางมองดูสีหน้าของพวกเขาก็รับรู้ได้ว่าเรื่องราวนี้จบแล้ว

เซี่ยจิ่งเฉินมอบเอกสารรับรองที่ออกโดยสำนักงานกิจการพลเรือนให้กับเซี่ยชิงหยวน และกล่าวว่า “สำหรับเรื่องในวันนี้ ขอบคุณเธอและน้องเขยมากนะ”

เซี่ยชิงหยวนมองไปยังเอกสารรับรองที่ได้มาอย่างยากลำบากพร้อมหยักหน้าไม่หยุด “จัดการเรียบร้อยแล้วก็ดีแล้วค่ะ จัดการเรียบร้อยแล้วก็ดีแล้ว”

เธอมองเสิ่นอี้โจว แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักและขอบคุณ “ลำบากคุณแล้วนะ”

เสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาจับมือของภรรยา วางไว้ในฝ่ามือของเขาแล้วจับไว้แน่น “เรื่องของครอบครัวคุณก็คือเรื่องของผมเหมือนกัน ในอนาคตหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก คุณก็ไม่ต้องเก็บความกังวลนั้นไว้เพียงลำพังอีกแล้วนะ”

ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนแดงก่ำ “ค่ะ”

เซี่ยโยว่หมิงก็มีความสุขมากเช่นกัน เขาเอ่ยขึ้นว่า “พ่อจะไปโทรหาพี่ใหญ่ของลูก ให้พวกเขากลับมาที่นี่ในบ่ายวันนี้เลยแล้วกัน”

เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนพลันแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอรับรู้

เซี่ยจิ่งเฉินเข้าใจดีว่าเซี่ยชิงหยวนและหวังผิงนั้นบาดหมางกันก็เพราะเรื่องของตัวเขา

เขาเอ่ยโน้มน้าว “แม่คิดไม่ตกมาสักพักแล้ว แต่จริง ๆ แล้วทั้งหมดที่แม่ทำก็เพื่อพวกเรา รอให้แม่กลับมาแล้วพี่จะโน้มน้าวแม่เอง”

ตั้งแต่เรื่องหย่าร้างของเซี่ยจิ่งเฉิน เซี่ยชิงหยวนก็มีเรื่องมีราวกับหวังผิง ทั้งสองยังคิดว่าไม่มีอะไรที่พวกเธอจะต้องพูดคุยหรือผูกสัมพันธ์กันอีกแล้ว

แต่ถึงกระนั้น ในฐานะแม่และลูกสาวยังคงหวังว่าเมื่อได้พบกันอีกครั้ง ทั้งสองจะยังคงรักษาภาพจำของความรักใคร่กลมเกลียวเอาไว้ได้ดังเดิม

แต่เมื่อคืนที่เธอมีสัญญาณว่าอาจจะแท้ง หวังผิงกลับไม่เอ่ยถามอะไรเธอเลยสักนิด นั่นทำให้หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเจ็บปวดรวดร้าวอย่างมาก

หากแม่รักเธอจริง ทำไมความคับอกคับใจถึงสำคัญกว่าความปลอดภัยของลูกสาวและหลานของตัวเองได้ล่ะ?

เสิ่นอี้โจวรู้ถึงความทุกข์ทรมานของเซี่ยชิงหยวน จึงเอ่ยเบี่ยงประเด็น “ผมจะพักผ่อนกับคุณข้างในนะ”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อื้ม”

เมื่อเห็นทั้งสองกลับเข้าห้องไป เซี่ยโหย่วหมิงซึ่งอยู่ข้าง ๆ ก็ถอนหายใจ “แม่กับน้องสาวของลูกต่างก็หัวแข็งกันทั้งคู่เลย”

หวังผิงข่มใจไม่ให้ไปเอ่ยถามเซี่ยชิงหยวนอยู่ทั้งคืน พอเช้ามาเธอลุกขึ้นก่อนรุ่งสางเพื่อต้มโจ๊กซึ่งช่วยปรับพลังชี่ รวมถึงปรับเลือดลมของเซี่ยชิงหยวนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่วนผสมที่ใส่ลงไปนั้นล้วนเป็นสิ่งที่แพทย์สั่งเมื่อคืนทั้งสิ้น

แม้ว่าเขาจะพูดกับเซี่ยชิงหยวนถึงเรื่องราวเหล่านี้ หวังผิงก็ยังทำหน้านิ่งเช่นเดิม แล้วใครจะโน้มน้าวเธอได้?

….

หลังมื้อกลางวันผ่านไป เซี่ยจิ่งเยว่ก็กลับมาพร้อมแม่ สะใภ้ และเด็ก ๆ

เซี่ยโยว่หมิงได้พูดถึงเรื่องตระกูลจางไปทางโทรศัพท์แล้ว นอกจากหวังผิงแล้ว คนอื่นที่เหลือล้วนมีความสุขกันเป็นพิเศษ

เกี่ยวกับภูมิหลังของเซี่ยซือถง นอกเหนือจากผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องนี้แล้ว เด็ก ๆ รู้เพียงว่าในที่สุดอาและอาเขยของพวกเขาได้ขับไล่ตระกูลจางที่น่ารังเกียจออกไป และซือถงก็จะเป็นคนของครอบครัวพวกเขาต่อจากนี้ไป ไม่ต้องกลับไปที่ไหนอีกแล้ว

เซี่ยซือถงรู้สึกราวกับว่าได้ประสบกับทุกข์สุขของการพบพานและพรากจากของชีวิตในช่วงสองวันที่ผ่านมา และเมื่อเธอถูกอุ้มลงจากรถแทรกเตอร์ ก็เหมือนกับว่าเธอกำลังเหยียบบนก้อนเมฆ ทุกสิ่งราวกับฝัน

เซี่ยจิ่งเฉินก้าวเข้าไปกอดเธอแน่น น้ำตาไหลเอ่อล้นออกมาไม่ขาดสาย “ถงถง”

เซี่ยซือถงกัดริมฝีปากไว้ แต่สุดท้ายก็อดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ “พ่อ…”

พวกเด็ก ๆ ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมคนสองคนตรงหน้าพวกเขาถึงดูตื่นเต้นกันขนาดนี้

ที่ร้องไห้อย่างมีความสุขก็เพราะไม่จำเป็นต้องกลับไปบ้านตระกูลจางเพื่อให้โดนรังแกอีกใช่ไหม?

เซี่ยจิ่งเฉินกอดถงถงเอาไว้ และเมื่อเขาเห็นหวังผิงลงจากรถ เขาก็ตะโกนเรียก “แม่ครับ”

หวังผิงไม่ได้โต้ตอบ เธอเพียงเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่ลังเล

คราวนี้แม้แต่เซี่ยจิ่งเฉินเองก็รู้สึกรำคาญ

เซี่ยจิ่งเฉินเกาหัวพลางเอ่ยกับพี่ชายและพี่สะใภ้ว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ลำบากพวกพี่แล้วนะครับ”

เซี่ยจิ่งเยว่ยิ้ม “เราพี่น้องกัน ต้องมีอะไรลำบากด้วยล่ะ”

กงเหลียนซินไม่รอช้า รีบกล่าวว่า “น้องรอง ต่อจากนี้ไปเข้มแข็งให้มากนะ จะให้ใครตกลงไปในหลุมพรางอีกไม่ได้เด็ดขาด”

เธอรู้อยู่เต็มอกว่าการที่เซี่ยชิงหยวนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้ ถือเป็นความเมตตากรุณาและคุณธรรมสูงสุดแล้ว

แม่สามีเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์นัก มีอย่างที่ไหนกันที่ยอมทำร้ายลูกสาวตัวเองเพื่อคนนอกและชื่อเสียงอันสูงส่ง

หากไม่ใช่เพราะพ่อสามีที่เข้าใจทุกเรื่องราวอย่างชัดเจน เข้ามามีบทบาทในช่วงเวลาวิกฤต ทั้งยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมแม่สามีให้ เพราะหากพวกเขาพึ่งพาเซี่ยจิงเยว่กับเซี่ยจิ่งเฉินเพียงอย่างเดียว ครอบครัวนี้คงต้องบ้านแตกสาแหรกขาดไปแล้วแน่ๆ

หลังจากเหตุการณ์นี้ ความคิดที่เคยมีแต่เดิมของเซี่ยโยว่หมิงบางอย่างพลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เสิ่นอี้โจวยุ่งอยู่กับหน้าที่ราชการของเขาและไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาได้ตลอดเวลา เขาจึงใช้ประโยชน์จากการที่พวกเด็ก ๆ ต่างอยู่ที่นี่พร้อมหน้าเพื่อเสนอการตัดสินใจของเขา

“แยกบ้านเหรอ?” หวังผิงผู้ซึ่งหน้าตาบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลากลับกลายเป็นคนแรกที่นั่งไม่ติด

เธอลุกขึ้นยืนก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตวาดลั่น “จะต้องแยกบ้านทำไม? ฉันไม่เห็นด้วย!”

ดังคำที่ว่าพ่อแม่ยังอยู่ก็ไม่แยกกันอยู่ มีครอบครัวไหนบ้างรึไงที่ไม่รอจนพ่อแม่ลาลับไปจากโลกแล้วจึงจะแยกบ้านออกไป?

คนที่แยกทางกันตั้งแต่เนิ่น ๆ คือคนที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำ เพราะครอบครัวไม่ลงรอยกันจนไม่อาจทนอยู่ร่วมกันได้อีกไม่ใช่รึไง?

ลูกชายทั้งสองเพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่ปีก็จะแยกบ้านออกไปเสียแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องการหย่าร้างของเซี่ยจิ่งเฉิน หากตอนนี้ยังจะมาแยกบ้านกันอยู่อีก ตระกูลเซี่ยจะยังสามารถอยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาได้อีกเหรอ?

สำหรับเรื่องนี้แล้วนั้น เธอจึงเป็นคนแรกที่คัดค้าน

หากไม่นับหวังผิงแล้ว คนที่เหลือต่างก็ประหลาดใจไม่น้อย เว้นก็แต่เสินอี้โจวที่ไม่แปลกใจเลย

เซี่ยจิงเยว่ยังกล่าวอีกว่า “นั่นสิครับพ่อ มีเหตุผลอะไรที่ต้องพูดถึงการแยกบ้านขึ้นมาด้วย?”

ทันทีที่คำพูดหลุดจากปากของเขา กงเหลียนซินก็เตะเขาจากใต้โต๊ะทันที

เขามองไปที่กงเหลียนซินด้วยความงุนงงแสนเข็ญ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

กงเหลียนซินเห็นว่าคนพวกนี้ช่างใช้การไม่ได้ เธอจึงจำต้องเป็นคนนำด้วยตัวเอง “ฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อพูด”

“เหลียนซิน!”

“สะใภ้ใหญ่!”

เซี่ยจิ่งเยว่และหวังผิงตะโกนเรียกโดยพร้อมเพรียง

เซี่ยจิ่งเยว่ไม่แน่ใจว่าภรรยาของเขาต้องการจะทำอะไร ในขณะที่หวังผิงรู้สึกครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอำนาจของเธอถูกท้าทาย แถมยังรู้สึกเหมือนถูกทรยศ

เธอสามารถพูดได้เลยว่าตัวเองปฏิบัติต่อกงเหลียนซินไม่แย่ ทั้งสองเป็นแม่สามีและลูกสะใภ้ที่เข้ากันได้ดียิ่ง ทั้งยังเป็นความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้ที่ทุกคนในหมู่บ้านต่างยกย่อง

แต่จู่ ๆ วันหนึ่ง ลูกสะใภ้กลับกล้าดียังไงถึงมาบอกว่าตัวเองเห็นด้วยกับการแยกบ้านกันอยู่?

หรือว่าพฤติกรรมดี ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นล้วนเสแสร้งแกล้งทำ?

ความคิดเช่นนี้ของหวังผิงนั้นนับเป็นการกล่าวโทษกงเหลียนซินไปเอง

ตั้งแต่หญิงสาวแต่งงานเข้าตระกูลเซี่ย สามีซื่อสัตย์ พ่อสามีใจดี แม่สามีไม่หาเรื่อง น้องเขยและน้องสะใภ้ต่างก็ให้ความเคารพเธอ เธอบอกครอบครัวของตนหลายต่อหลายครั้งว่าเธอได้แต่งงานกับตระกูลที่ดี

แม้ว่าจางอวี้เจียวจะเข้ามาในบ้านในภายหลัง แต่ท่าทีของตระกูลเซี่ยที่มีต่อเธอก็ไม่เปลี่ยนแปลง

ตัวเธอเองอยากจะบริหารจัดการภายในครอบครัวให้ดี แต่เงื่อนไขแรกคือการที่ครอบครัวนี้ควรพัฒนาไปในทิศทางที่เธอคาดหวัง

การที่หวังผิงคอยให้ท้ายส่งเสริมจางอวี้เจียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงการที่ตระกูลจางข่มเหงตระกูลเซี่ยครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เธอเหนื่อยล้าเต็มทน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งนั้นที่เธอเดินทางไปเตียนเฉิง ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมีมากจนทำให้เธอมุ่งมั่นที่จะไปจากหมู่บ้านซิ่งฮวามากยิ่งขึ้น

กงเหลียนซินตั้งสติ ก่อนเอ่ย “การแยกบ้านกันอยู่ไม่ได้ทำให้ญาติห่างกัน เพียงแต่จิ่งเยว่และฉันมีสิ่งที่เราอยากทำ หากเราอยู่ที่หมู่บ้านซิ่งฮวาตลอดไป เกรงว่าคงไม่มีวันได้ทำ ในตอนนี้ รัฐกำลังประชาสัมพันธ์ว่าการเรียนเป็นหนทางแห่งการก้าวหน้า หากเด็ก ๆ อยู่ที่หมู่บ้านซิ่งฮวากันไปตลอด แล้วจะเป็นคนที่มีอนาคตไกลได้ยังไงกัน? ฉันต้องต่อสู้เพื่อลูก ๆ ของฉัน ไม่ใช่เพื่อตัวฉันเอง”

คำพูดของกงเหลียนซินทำให้เซี่ยจิงเยว่ ซึ่งแต่เดิมต้องการคัดค้านต้องเงียบปากไป

ไม่ใช่ว่ากงเหลียนซินไม่ได้บอกเขาก่อน แต่เขาทำใจไม่ได้เมื่อคิดว่าพ่อแม่ที่แก่ชราต้องอยู่บ้านและดูแลลูก ๆ ของน้องชายเขา

ในฐานะครอบครัวเดียวกัน มีเหตุผลอะไรที่จะไม่สนับสนุนซึ่งกันและกัน?

ดังนั้นปัญหานี้จึงถูกลากออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่คาดคิดว่าเซี่ยโยว่หมิงจะเป็นฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมากลางวง

เมื่อเห็นว่าเซี่ยจิ่งเยว่ไม่ได้พูดอะไร หัวใจของหวังผิงพลันหนักอึ้ง “สะใภ้ใหญ่ ความหมายของเธอคือพวกเราเป็นภาระของพวกเธองั้นสิ?”

ถ้อยคำของหวังผิงนั้นรุนแรงไม่น้อย

ลูกสะใภ้ไม่ไม่ชอบพ่อสามีและแม่สามี ดังนั้นจึงต้องการแยกบ้านออกไป หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป กงเหลียนซินคงถูกนินทาลับหลังแน่

ไม่ใช่แค่กงเหลียนซิน แต่สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวพลันแปรเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

เซี่ยจิ่งเฉินอดไม่ได้จะโอดครวญขึ้นมา “แม่ครับ”

หวังผิงจ้องมองเขาอย่างเกลียดชัง สีหน้าที่แสดงออกมานั้นมีทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ “คงไม่ใช่ว่าแกกำลังพยายามบอกฉันว่าอยากจะแยกบ้านด้วยอีกคนหรอกนะ?”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท