บทที่ 443 ไม่มีใครสำคัญมากไปกว่าเธอ
บทที่ 443 ไม่มีใครสำคัญมากไปกว่าเธอ
เสิ่นอี้โจวอธิบาย “กำหนดการเดินทางได้กำหนดเมื่อวานนี้น่ะ เสี่ยวฉู่ไปที่นั่นก่อนแล้วล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมการ ผมจะไปพบกับผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านเศรษฐศาสตร์และเสี่ยวตงบังเอิญเป็นนักเรียนของเขาพอดี ดังนั้นเธอจึงมากับเราด้วย”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ปรากฏว่าเป็นแบบนี้นี่เอง”
ตงวั่งชุนพูดว่า “เลขาธิการเสิ่น คุณนายเสิ่น นี่คือตั๋วรถไฟของเราค่ะ”
เธอหยิบตั๋วรถไฟออกจากซองราวกับว่าเปิดมันเป็นครั้งแรกแล้วแจกจ่าย โดยยื่นให้แต่ละคน เซี่ยชิงหยวน เสิ่นอี้โจว และทิ้งอันสุดท้ายไว้กับตัวเอง
ตงวั่งชุนซื้อตั๋วนอนมาสามที่ ตั๋วนอนสองใบอยู่ในช่องที่นั่งเดียวกันและรถคันเดียวกัน แต่อีกใบอยู่รถคนละคันที่ถัดออกไปถึงสองช่วงรถ
ตั๋วของเสิ่นอี้โจวกับตงวั่งชุนนั่งด้วยกัน ในขณะที่ตั๋วของเซี่ยชิงหยวนต้องออกไปนั่งแยกเพียงลำพัง
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังตั๋วในมือของเธอ จากนั้นมองไปที่เสิ่นอี้โจว ดวงตาของเธอพลันกระตุกขึ้นมา
เสิ่นอี้โจวพูดก่อนว่า “ทำไมพวกเราทุกคนถึงไม่อยู่ในรถคันเดียวกันล่ะ?”
ตงวั่งชุนหยิบตั๋วขึ้นมาแล้วมองดู “อ้าว!” จากนั้นตบหน้าผากตัวเอง
เธอมองดูเสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนอย่างขอโทษ “สองวันนี้ฉันยุ่งเกินไป เลยขอให้เสี่ยวหวังช่วยฉันซื้อตั๋วน่ะค่ะ อาจเป็นเพราะตั๋วของคุณนายถูกเพิ่มในภายหลังก็เลยไม่ทันซื้อตั๋วรถคันเดียวกับเรา”
“แล้ววันนี้ตอนเช้าฉันก็รีบมาก จึงไม่มีเวลาตรวจสอบ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเองค่ะ ถ้าแบบนี้ไม่เหมาะสม งั้นเดี๋ยวฉันจะเอาตั๋วไปขอเงินคืนแล้วซื้อใหม่ให้นั่งอยู่ด้วยกันนะคะ”
จากนั้นเธอมองยังเซี่ยชิงหยวนอีกครั้งด้วยสีหน้าว่าเธอทำผิดจริง ๆ “คุณนายเสิ่น ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ”
คำขอโทษของเธอจริงใจมากจนไม่มีใครสามารถตำหนิเธออย่างรุนแรงได้
เซี่ยชิงหยวนยิ้มตอบ “มันไม่สำคัญหรอกค่ะ ยังไม่มีชื่อบนตั๋วนี่ งั้นคุณตงแลกตั๋วของคุณกับฉันได้ไหมคะ?”
ตงวั่งชุนทำหน้าตากระอักกระอ่วนทันที “แต่ฉันยังมีงานอีกมากที่ต้องรายงานกับเลขาธิการเสิ่นนะคะ”
การเดินทางไปเมืองกว่างโจวคราวนี้เร่งรีบมาก ทุกคนมีเวลาเตรียมข้อมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและเธอยังต้องยืนยันอีกหลายอย่างกับเสิ่นอี้โจว การเดินทางไปเมืองกว่างโจวครั้งนี้ไม่อนุญาตให้มีข้อผิดพลาดใด ๆ อย่างเด็ดขาด
ตงวั่งชุนรู้เรื่องนี้และเสิ่นอี้โจวก็เช่นกัน
ในใจของเธอ เสิ่นอี้โจวให้ความสำคัญกับงานเป็นอันดับแรกในทุกสิ่ง ดังนั้นเขาจะปฏิเสธอย่างแน่นอน
แต่โดยไม่คาดคิด เสิ่นอี้โจวเหลือบมองเธอแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ไม่จำเป็น ผมจะขอให้เจ้าหน้าที่รถไฟเปลี่ยนตั๋วในภายหลัง แล้วผมจะจ่ายค่าโดยสารเพิ่มเอง”
เมื่อพิจารณาจากตั๋วรถที่พวกเขามีอยู่ พวกเขานั่งในรถนอน
สมัยนี้คนที่จะซื้อตั๋วรถนอนได้ส่วนใหญ่จะเป็นคนรวย เนื่องจากที่นี่เป็นสถานีต้นทางจึงควรจะมีที่ว่างสำหรับในรถนอนอีก
ตงวั่งชุนแย้งทันที “เลขาธิการเสิ่นจะทำแบบนี้ได้ยังไงล่ะคะ?”
เซี่ยชิงหยวนเชิดหน้าใส่อีกฝ่ายแล้วยิ้มอย่างสดใสทันทีที่ได้ยินคำพูดนั่น “ผู้ช่วยตงมีปัญหาอะไรอีกงั้นเหรอคะ?”
ตงวั่งชุนพยายามเอาชนะ “แต่เลขาธิการเสิ่น ฉันยังจำเป็นต้องอธิบายข้อมูลบางส่วนให้คุณฟัง… ”
เสิ่นอี้โจวเหลือบมองเธอด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างมาก “ไม่เป็นไร ผมจะเก็บเอาไว้ถามคุณเองถ้าผมมีอะไรที่ไม่เข้าใจ”
สีหน้าของตงวั่งชุนซีดลงทันที และตอบด้วยเสียงเบา “เข้าใจแล้วค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนกอดเขาด้วยความพึงพอใจ “งั้นเรารีบขึ้นรถกันเถอะ รถจะออกเร็ว ๆ นี้แล้ว”
“จริงด้วยนะ” เสิ่นอี้โจวกอดภรรยาแล้วทั้งสองก็ขึ้นรถไปด้วยกัน
ตงวั่งชุนมองดูคนทั้งสองเดินผ่านตัวเองไป เธอเม้มปากสงบอารมณ์ และติดตามพวกเขาไปอย่างเงียบๆ
เธอยังคงพูดคำอำลาทั้งสองอย่างสุภาพเมื่อเดินผ่านตู้นอนของพวกเขา ก่อนจะกลับไปที่ตู้นอนของเธอเอง
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม ทว่าก็มองไปที่ตงวั่งชุนอย่างเย็นชาและรู้สึกว่าเหตุการณ์เมื่อครู่มันช่างน่าขันนัก
ตามตั๋วที่ตงวั่งชุนซื้อแต่แรก ที่นั่งของตัวเองและเสิ่นอี้โจวเป็นเตียงชั้นล่างสองเตียงหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งสะดวกมากสำหรับการสนทนาหรือทำสิ่งอื่นต่าง ๆ
นอกจากนี้หากทั้งสองคนนอนราบในทิศทางตรงกันข้าม พวกเขาจะมองเห็นกันทันทีเมื่อหันมาอีกด้าน
มันใกล้แค่เพียงเอื้อมมือเหมือนอีกฝ่ายนอนอยู่ข้าง ๆ
หากเสิ่นอี้โจวและตงวั่งชุนอยู่ในรถคันเดียวกันเช่นตอนแรกเป็นเวลาสามหรือสองวัน เซี่ยชิงหยวนคงรู้สึกว่าตัวเองอาจถูกใครสักคนแทงอยู่ข้างหลังเมื่อไหร่ก็ได้
ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนเตียงสองชั้นของรถนอน ยืดเส้นยืดสายด้วยความพึงพอใจ
ตั๋วที่เพิ่มเงินแล้วของเสิ่นอี้โจวไม่เพียงแต่เป็นรถนอนธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นรถนอนระดับพิเศษอีกด้วย
มันเป็นห้องส่วนตัวแบบปิดเล็ก ๆ ซึ่งภายในห้องมีเพียงสองเตียง เมื่อเทียบกับรถแบบอื่นที่ต้องนั่งอัดแน่นกันแล้ว ที่นี่อากาศสดชื่นกว่ามาก
แต่ตู้โดยสารดังกล่าวก็มีข้อเสียเช่นกัน คือมันปิดชิดเกินไปส่งผลให้ผู้หญิงบางคนถูกทำร้ายได้
โชคดีที่ประเทศได้นำปัญหานี้ไปแก้ไขทันที
เธอเหยียดเท้าออกแล้วเตะเสิ่นอี้โจวที่กำลังปูเบาะให้ “นี่ คุณกับผู้ช่วยสาวน้อยคนนั้นเป็นอะไรกันแน่?”
มือของเสิ่นอี้โจวไม่หยุดและแววตาของเขาก็อ่อนโยน “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นี่ไม่น่าจะใช่ความผิดพลาดโดยบังเอิญแน่”
ในสายตาของเขายกเว้นเซี่ยชิงหยวน คนที่เป็นเพศตรงข้ามทั้งหมดไม่สำคัญเลย ทุกคนเพียงแค่ต้องทำตามหน้าที่ตัวเองและไม่มีอะไรอื่น
ตั้งแต่ตงวั่งชุนมาที่สำนักงานมณฑล เธอทำได้ดีและประพฤติตัวดีมาเสมอ ยกเว้นวันนี้
นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดที่เธอพึงกระทำ และเธอก็ไม่ควรทำด้วย
เห็นได้ชัดว่าคำตอบของเสิ่นอี้โจวไม่เป็นที่พอใจของเซี่ยชิงหยวนเท่าไหร่นัก
เธอถอดรองเท้าพื้นนุ่มที่เสิ่นอี้โจวเตรียมไว้ให้ออกด้วยสายตาชั่วร้าย จากนั้นใช้นิ้วเท้าไล่ไปตามน่องขาของเขาไปจนถึงต้นขาอันแข็งแกร่ง และไล่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อนิ้วเท้าของเธอกำลังจะแตะจุดนั้นของเขา ทว่าขาของเสิ่นอี้โจวก็หุบลงอย่างแรงทันที และหนีบเท้าของเธอไว้
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอขัดขืน แต่ก็ไม่เป็นผล
เซี่ยชิงหยวนพยายามควบคุมเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และพูดว่า “ปล่อย”
เสิ่นอี้โจวเอี้ยวตัววางหมอนที่เขานำมาไว้ด้านบนก่อนจะหันกลับ
ทันทีที่เขาอ้าขา เขาก็คว้าข้อเท้าของเซี่ยชิงหยวนและจับไว้แน่น
เขามองดูภรรยา และทันใดนั้นดวงตาก็มืดลง “ชิงหยวน ประตูห้องของเราปิดแล้วนะ”
เซี่ยซิงหยวน “…”