ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 92

ตอนที่ 92

ตอนที่ 92 มนุษย์อินทรี

ชายที่อยู่บนหลังพยัคฆ์ขาวผู้นั้นไม่ใช่ใครนอกจากหลินเซวียน เมื่อเช่าวิหควิญญาณไม่ได้ เช่นนั้นจึงต้องเดิน หลังจากได้รับคำชี้แนะจากเซียนสุรา เขาก็ได้บรรลุพลังใหม่ มันเรียกว่าขอบเขตแห่งจิตวิญญาณ

พื้นฐานพลังนี้มาจากเมล็ดพันธุ์แห่งดาบในตัวของเขา นอกจากจะเสริมพลังให้การโจมตีแล้ว มันยังเสริมพลังวิญญาณด้วย เมื่อฝึกฝนมันได้ระดับหนึ่ง หลินเซวียนสามารถใช้ประโยชน์จากกระแสวิญญาณในตัว

อย่างเช่นการสะกดจิต หรือควบคุมจิตใจเป็นต้น

สัตว์อสูรระดับหนึ่งย่อมเป็นเหยื่อที่ดีในการควบคุม หลินเซวียนเดินทางมาด้วยตนเองและศึกษามันไปในเวลาเดียวกัน

ครึ่งวันผ่านไป เขาใกล้จะออกจากพื้นที่ป่าแล้ว

เขาแตะไปที่ตัวของพยัคฆ์ขาวเพื่อให้มันเร่งความเร็วขึ้นอีก

ฟุบ ฟุบ ฟุบ

ทันใดนั้นได้เกิดเสียงขึ้นตรงหน้า อีกทั้งยังมีเงาการเคลื่อนไหวในป่า

หลินเซวียนมองไปรอบด้านอย่างระมัดระวังพร้อมโคจรพลังวิญญาณเตรียมสู้

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ลูกธนูสีดำถูกยิงมาทางหลินเซวียน

ฝ่ามืออัสนี!

เขายังไม่ขยับตัวแต่โคจรพลังไปยังฝ่ามือ

ปั้ง! ปั้ง!

ลูกธนูสีดำปะทะเข้ากับเงาฝ่ามือของเขา คลื่นพลังงานได้ระเบิดออกจากจุดที่ปะทะจนต้นไม้ใบหญ้ารอบด้านถูกพัดออก

ฟูม! ฟูม!

หลังจากการลอบโจมตี เงาดำที่ซ่อนอยู่หลังกิ่งไม้ก็แสดงให้เห็นร่าง

ใบหน้าหลินเซวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็น

เพราะมันมีร่างสีดำหลายสิบตัว ทั้งหมดลอยอยู่บนท้องฟ้า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีหัวเป็นนกอินทรีและปกคลุมไปด้วยขนสีดำ แต่ร่างกายเป็นมนุษย์ ด้านหลังปีกสีดำขนาดใหญ่คู่หนึ่งที่กำลังกระพืออย่างต่อเนื่อง

“สัตว์อสูร!” หลินเซวียนสูดหายใจลึก เขายืนขึ้นบนหลังพยัคฆ์และมองสัตว์อสูรตรงหน้า

“อินทรีเหล่านี้เป็นสัตว์อสูรระดับสอง ความแข็งแกร่งของพวกมันทัดเทียมได้กับขั้นเปิดชีพจรระดับเก้า เจ้าน่าจะหนีดีกว่านะ” เซียนสุราเอ่ยขึ้น

ร่างของหลินเซวียนสั่นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะใช้ก้าวอัสนี เขาทิ้งเงาสายฟ้าไว้ก่อนจะพุ่งออกไปจากป่า

ด้านหลังเขามีมนุษย์อินทรีกำลังไล่ตามมา

ฟูม! ฟูม!

สัตว์อสูรอินทรีระดับสองนั้นรวดเร็วอย่างมาก อีกทั้งยังมีธนูอยู่ในมือ พวกมันทั้งโจมตีและไล่มาด้านหลัง

โชคดีที่มันเป็นป่า ดังนั้นจึงมีต้นไม้อยู่หลายต้น หลินเซวียนจึงโยกหลบไปมาได้หลายทาง

แต่เขาก็ยังอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยสู้ดี

“ไม่ หากยังวิ่งแบบนี้ ถึงจะออกจากป่าได้ เราก็จะโดนล้อมอยู่ดี” ดวงตาหลินเซวียนเปลี่ยนท่าที เขาไม่คิดจะหนีและได้หาโอกาสจัดการกับอินทรีเหล่านี้

“ต้องลองดู!” หลินเซวียนกระโดดขึ้นไปบนอากาศก่อนจะพุ่งไปทางมนุษย์อินทรีตัวหนึ่ง

ทันใดนั้น ประกายดาบได้ปรากฏขึ้นและแทงไปยังหน้าอกของมนุษย์อินทรีอย่างรวดเร็ว

มนุษย์อินทรีร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนจะร่วงลงพื้น เมื่อเห็นเช่นนั้นกลุ่มมนุษย์อินทรีที่เหลือได้พุ่งไปหาหลินเซวียนอย่างโกรธเกรี้ยว

“ก้าวอัสนี!”

หลินเซวียนสร้างร่างเงาไว้เต็มอากาศเพื่อปั่นหัวพวกมัน ขณะเดียวกัน ร่างจริงของเขาได้กระโดดออกมาจากกิ่งไม้และฟันลงไปยังอินทรีอีกตัว

ฉัวะ!

มนุษย์อินทรีถูกหลินเซวียนฟันจนตัวเกือบขาด

ฟูม! ฟูม!

มนุษย์อินทรีสองตัวถูกโจมตีจนร่วงลงกับพื้น

พวกมนุษย์อินทรีที่เหลือรีบเข้าไปโจมตีหลินเซวียนต่ออย่างบ้าคลั่ง

“วายุสะบั้นเมฆา!”

หลินเซวียนตวัดดาบอีกครั้ง จากนั้นลมพายุได้ก่อตัวขึ้นบนพื้น ลมพายุสีเขียวที่แฝงไปด้วยคมมีดพุ่งออกไปทันที

มันทำให้ต้นไม้รอบด้านล้มลงระเนระนาด มนุษย์อินทรีพยายามกระพือปีกเพื่อคุมการทรงตัว

“โอกาสนี้แหละ!” หลินเซวียนกลายเป็นประกายแสงพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

“ดาบวายุสามวิถี!”

“ปราณดาบคุ้มภัย!”

ปราณดาบสีเขียวปรากฏขึ้นรอบตัวเขาขณะแทงดาบ

แผนของเขามีอยู่สามจังหวะ จังหวะแรกทำให้มนุษย์อินทรีบาดเจ็บก่อน จังหวะที่สองค่อยลงมือสังหาร และจังหวะที่สามก็สามารถหนีได้

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บรรดามนุษย์อินทรีที่เหลือเห็นเงาดาบในลมพายุและต้องรับมือกันอย่างชุลมุน ขณะเดียวกันร่างของหลินเซวียนเองก็ได้หายไปจากสายตาพวกเขาแล้ว

หลังจากโจมตีสำเร็จ หลินเซวียนไม่คิดจะสู้ต่อ เพราะสู้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร

ด้านหลังเขา มนุษย์อินทรีที่เหลืออยู่ถึงกับโกรธจัดจนส่งเสียงร้องดังออกมา พวกมันบินตามมาด้านหลังอย่างบ้าคลั่ง

……

เมืองเป่ยเหว่ย คือเมืองที่มนุษย์ใช้เป็นที่มั่น มันมีนักสู้และทรัพยากรมากมายในเมืองนี้

อีกทั้งยอดฝีมือส่วนใหญ่ยังอยู่ขั้นสมุทรวิญญาณ มันจึงทำให้เมืองนี้เป็นที่ปลอดภัย ดังนั้นสัตว์อสูรจึงไม่ค่อยเข้าใกล้เมืองนี้เท่าไหร่นัก

ในเวลานี้ บนกำแพงเมือง ชายติดอาวุธในชุดเกราะกำลังเดินลาดตระเวน ส่วนใหญ่พวกเขาจะติดตามสถานการณ์จากแรงลม

แน่นอนว่ามีใครบางคนพบสิ่งผิดปกติ

ด้านนอกของกำแพงเมืองมีลมหายใจมากมายเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ทหารบนกำแพงต่างตื่นตัวและเตรียมพร้อมสู้

“เจ้าจะส่งสัญญาณออกไปไหม?” เสียงใครบางคนเอ่ยขึ้น

“รอดูก่อน มันดูเหมือนไม่ใช่สัตว์อสูรกลุ่มใหญ่ แต่เป็นแค่สัตว์อสูรไม่กี่ตัว” หนึ่งในนายทหารกล่าว

พวกเขามองอย่างระมัดระวังก่อนจะพบบางอย่าง

ชายหนุ่มในชุดดำกำลังวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาราวกับสายฟ้าสีทอง ด้านหลังเขามีมนุษย์อินทรีที่โกรธเกรี้ยวอยู่หกตัว

“วิชาตัวเบาของเขาไม่เลว แม้แต่มนุษย์อินทรีที่อยู่ระดับสองยังตามไม่ทัน!” ทหารบางคนเอ่ยขึ้น

“มันไม่ง่ายที่จะหนีรอดจากอินทรีเหล่านั้น!” พวกเขามองอย่างตกตะลึง

“สังหารมนุษย์อินทรีก่อน จากนั้นค่อยตรวจสอบชายคนนั้น”

ทันใดนั้นทหารบนกำแพงได้เริ่มเคลื่อนไหว เพียงไม่นาน หน้าไม้ทั้งหกได้เตรียมพร้อมยิง

ยิงได้!

เสียงออกคำสั่งดังขึ้น จากนั้นลูกธนูขนาดใหญ่ได้ถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็ว

หลินเซวียนใช้ก้าวอัสนีและหนีโดยไม่หันไปมองแม้แต่น้อย เขาสังหารไปสามตัว แต่อีกหกตัวที่เหลือกลับไม่กระจายกันออก ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสจะสู้

โชคดีที่เมืองเห็นและช่วยเขาไว้

เวลานี้มนุษย์อินทรีทั้งหกตัวได้บินมาอย่างรวดเร็วราวกับหอก

ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

ทันใดนั้นมนุษย์อินทรีทั้งหมดได้ถูกลูกธนูยิงเข้าและปักลงบนพื้น ร่างของพวกมันบิดเบี้ยวไปมา

“แข็งแกร่งมาก!” ม่านตาหลินเซวียนจมลง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังในลูกธนู ‘เราคิดว่าผู้ที่ยิงมาน่าจะอยู่ขั้นสมุทรวิญญาณขึ้นไป’

“เจ้าเป็นใคร?” บนกำแพงเมืองได้มีเสียงดังขึ้น

“ข้าคือหลินเซวียน เป็นศิษย์สำนักซวนเทียน และได้ออกมาทำภารกิจกู้ภัยหอสมุนไพรร้อยปีขอรับ!” หลินเซวียนใช้พลังวิญญาณขยายเสียงให้ตนเอง

ทันใดนั้นประตูเมืองขนาดใหญ่ได้เปิดออก ทหารในชุดเกราะสองกลุ่มได้เดินออกมาและจ้องไปที่หลินเซวียน

“พิสูจน์แสดงตัวตน!” หนึ่งในพวกเขากล่าว

หลินเซวียนส่งเหรียญของสำนักและเหรียญภารกิจให้พวกเขา ขณะเดียวกัน เขาก็มองสังเกตทหารเหล่านี้ไปด้วย ลมหายใจพวกเขาแข็งแกร่งและดวงตายังเฉียบคม แม้แต่พลังวิญญาณยังเหนือกว่าผู้ใช้พลังวิญญาณทั่วไป

‘สมแล้วที่เป็นกองหน้า แม้แต่ทหารธรรมดายังแข็งแกร่งขนาดนี้!’ หลินเซวียนถอนหายใจข้างใน

ขณะเดียวกัน ทหารได้ตรวจสอบตัวตนของหลินเซวียนแล้ว ทหารคนหนึ่งในพวกเขาที่มีรอยแผลบนใบหน้าได้เผยรอยยิ้ม “สหายน้อยผู้นี้ร้ายกาจมาก เจ้าสามารถหนีรอดจากเงื้อมมือของมนุษย์อินทรีหกตัวได้ นับว่าไม่ธรรมดา!”

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

Status: Ongoing

ลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้

ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม

ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน!

หนึ่งดาบทะลวงดารา!

หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน!

หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท