บทที่ 505 มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้
บทที่ 505 มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้
ทำยังไงดี?
อาเซียงรู้สึกว่าเธอไม่เคยรู้สึกอับอายมากขนาดนี้เลยตั้งแต่เกิดออกมาจากท้องแม่
หญิงสาวก้มศีรษะลงและมองเหล่าไต้ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ แต่ไม่กล้ามองเฮ่ออวี้เฟิง
เหล่าไต้ลุกขึ้นจากพื้นอย่างว่องไว ตบฝุ่นบนมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ลวดลายบนฉากกั้นนี้สวยจริง ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ขณะที่เขาพูดอย่างนั้นก็ลูบฉากกั้นอย่างจริงจัง
อาเซียงสัมผัสมันด้วย “ใช่ มันค่อนข้างพิเศษเลย”
สายตาที่พินิจพิเคราะห์ของเฮ่ออวี้เฟิงมองกลับไปกลับมาระหว่างคนทั้งสองโดยไม่กะพริบตา
เหล่าไต้ทำเหมือนกับว่าเพิ่งเห็นผู้หญิงคนนั้นกับเฮ่ออวี้เฟิงและพูดด้วยรอยยิ้ม “อ้าว พวกคุณก็มากินอาหารที่นี่ด้วยเหรอ? บังเอิญจังเลย!”
เขาเดินไปดึงเก้าอี้ออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ แล้วพูด “มานั่งโต๊ะเดียวกันไหม?”
อาเซียงไม่กล้านั่งกินข้าวกับเฮ่ออวี้เฟิงแน่นอน เธอแค่อยากจะออกจากที่นี่ทันทีเท่านั้น
เธอเดินไปดึงแขนเสื้อของเหล่าไต้ออก “เหล่าไต้ไม่ใช่ว่าเรามีธุระต้องไปทำอีกเหรอ?”
เหล่าไต้จับเธอให้นั่งลงและมองอย่างให้กำลังใจ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะปล่อยให้ตัวเองหิวไม่ได้นะ เรายังไม่ได้กินข้าวเลย”
จากนั้นเขามองไปที่เฮ่ออวี้เฟิง “น้องเฮ่อ นายว่างั้นไหม?”
เดิมทีอาเซียงคิดว่าเฮ่ออวี้เฟิงจะปฏิเสธ แต่จู่ ๆ เขากลับพยักหน้า “ไม่เป็นไร”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็นั่งลง…
เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนเหมือนจะคุ้นเคยกัน ผู้หญิงคนนั้นก็คิดว่าเธอได้พบกับเพื่อนของคนที่เธอชอบแล้ว
แม้ว่าจะน่าเสียดายที่โอกาสจะได้อยู่สองต่อสองกับเฮ่ออวี้เฟิงถูกทำลายไป แต่เธอก็ปรับความคิดของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าอาเซียงยังคงยืนอยู่ เธอก็ยิ้มให้หญิงสาวแล้วพูดว่า “มากินด้วยกันเถอะ สาวน้อยคนสวย”
เธอยังดึงเก้าอี้ให้อาเซียงอย่างมีน้ำใจด้วย
เมื่อเห็นว่าก้นของเหล่าไต้ดูเหมือนจะติดกาวกับเก้าอี้ อาเซียงก็ได้แต่ยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นแล้วนั่งลงตาม
เหล่าไต้นั่งตรงข้ามอาเซียง และอาเซียงก็ถูกนั่งขนาบโดยมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ทางซ้าย และเฮ่ออวี้เฟิงอยู่ทางขวาของเธอ
ในระหว่างกินอาหาร อาเซียงรู้สึกมวนท้องไปหมด แต่เหล่าไต้กลับคุยกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอดในขณะที่อาเซียงเอาแต่ก้มหน้าลง ไม่กล้ามองเฮ่ออวี้เฟิงและยัดอาหารเข้าปากอย่างเงียบ ๆ
เธอกังวลว่าเฮ่ออวี้เฟิงจะโกรธ ท้ายที่สุดนี่เป็นการนัดดูตัวระหว่างเขากับผู้หญิงอีกคน แต่เธอและเหล่าไต้กลับมาทำมันพัง
ในขณะเดียวกัน เฮ่ออวี้เฟิงไม่แสดงออกอะไรนัก เขาเอาแต่กินและพูดเพียงไม่กี่คำเมื่อถูกถามเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย
…
ในที่สุดหลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว เฮ่ออวี้เฟิงก็พูดกับทั้งสองคน “ผมจะไปส่งเหลียนอวิ๋นกลับก่อน เชิญพวกคุณตามสบายนะ”
ขณะที่กำลังกินข้าวเมื่อกี้ อาเซียงได้รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ชื่อเหลียนอวิ๋น
ในเรื่องการไปส่งคนกลับบ้าน ไม่ว่าเหล่าไต้จะต้องการช่วยอาเซียงในเรื่องความรักนี้มากแค่ไหน ตามมารยาทเขาก็ไม่สามารถขัดขวางเฮ่ออวี้เฟิงได้ จึงทำได้แต่พยักหน้า “ตามนั้น อาเซียงกับฉันก็ว่าจะไปดูร้านใหม่ในตอนบ่ายอยู่พอดี”
เฮ่ออวี้เฟิงพยักหน้าให้ทั้งสองคนและจากไปพร้อมกับเหลียนอวิ๋น
เมื่อเห็นว่าอาเซียงยังคงยืดคอเพื่อดู เหล่าไต้จึงพูดติดตลก “ดูอะไรอีก? พวกเขาไปแล้ว”
อาเซียงดูหงอย “คุณว่าการที่เขาไปส่งเหลียนอวิ๋นกลับบ้านนั้นมันหมายความว่าเขาสนใจเธอรึเปล่า?”
เหล่าไต้ขมวดคิ้ว “มันก็ยากที่จะพูดอยู่นะ”
เขามองไปยังอาเซียงอีกครั้งแล้วพูดว่า “แต่ถ้าจะให้ฉันพูด คนอื่นมีให้ชอบเยอะแยะมากมาย แต่ทำไมเธอกลับมาชอบไอ้เจ้าท่อนไม้เก่านี่เนี่ย”
อาเซียงเถียงทันที “พี่เฮ่อเขายังไม่แก่นะ!”
“ไม่แก่เหรอ?” เหล่าไต้ปรบมือแล้วพูดว่า “แต่ฉันยังจำได้นะว่าเขาแก่กว่าเธอสิบปีแหนะ”
เนื่องจากความสัมพันธ์ของเขากับเซี่ยชิงหยวน เหล่าไต้จึงถือว่าตัวเองเป็นครอบครัวของอาเซียงเช่นกันและโน้มน้าวอย่างจริงจัง “ฉันได้ยินมาว่าเขามีปัญหามากมายในอดีต เธอเคยคิดเรื่องนี้บ้างไหม?”
ครั้งที่แล้วที่ตลาดขายส่ง เมื่อเขาเฮ่ออวี้เฟิงทุบตีลูกพี่นักเลงพวกนั้น เหล่าไต้จึงสืบเรื่องราวของเฮ่ออวี้เฟิงมาบ้าง
โดยไม่คาดคิด นอกเหนือจากการติดคุกแล้ว เฮ่ออวี้เฟิงยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเมื่อตอนที่เขายังเด็ก ดังนั้นจึงได้เรียนรู้ทักษะการชกมวยและได้ข้องเกี่ยวกับผู้คนมากมายบนท้องถนน
เฮ่ออวี้เฟิงมีชีวิตซับซ้อนเกินไปสำหรับอาเซียง
อาเซียงคิดว่าเหล่าไต้หมายถึงการเคยติดคุกของเฮ่ออวี้เฟิง ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า “ฉันรู้”
เหล่าไต้รู้สึกประหลาดใจ “แล้วพี่สาวเซี่ยของเธอไม่สนใจเรื่องนี้เลยเหรอ?”
เมื่อพูดถึงเซี่ยชิงหยวน อาเซียงก็เชิดหน้าขึ้นทันที
เธอเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “พี่สาวสนับสนุนฉัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหล่าไต้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ยกนิ้วให้เธอ “ยอดเยี่ยมไปเลย”
…
เฮ่ออวี้เฟิงส่งเหลียนอวิ๋นไปที่ตรอกบ้านของเธอก่อนจะพูดว่า “ผมจะไม่เข้าไปนะ ลาก่อน”
เหลียนอวิ๋นลังเลก่อนจะเรียกเขา “เฮ่ออวี้เฟิง”
เฮ่ออวี้เฟิงยืนนิ่งรอคำพูดของเธอ
เหลียนอวิ๋นถามขึ้น “หลังจากวันนี้ เราจะไม่พบกันอีกใช่ไหม?”
เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาด และรู้ดีว่าเฮ่ออวี้เฟิงไม่สนใจเธอในระหว่างการนัดดูตัวในวันนี้
การกระทำของเขาทุกอย่างอยู่ในลักษณะรักษาระยะห่างกับเธอเสมอ และไม่แสดงความสนใจใด ๆ ต่อเธอ ปฏิกิริยาดังกล่าวมันชัดเจนว่าเขาไม่ได้สนใจเธอเลย
การแสดงออกของเฮ่ออวี้เฟิงไม่เปลี่ยนแปลงและพยักหน้า “ใช่” เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อ “ผมบอกไปแล้วก่อนที่เราจะกินข้าวกัน ว่าผมยังไม่มีแผนที่จะสร้างครอบครัวตอนนี้ การที่ผมมาดูตัวครั้งนี้เป็นเพราะความปรารถนาของแม่ผมเท่านั้น สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ผมไม่สามารถช่วยคุณได้ แต่ถ้าหากคุณต้องการความช่วยเหลือในอนาคต ผมจะช่วยเหลือเท่าที่ทำได้อย่างแน่นอน”
เหลียนอวิ๋นมองดูชายร่างสูงและหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้า เธอรวบรวมความกล้าแล้วถาม “ฉันถามได้ไหม เป็นเพราะเธอคนนั้นหรือเปล่าคุณถึงปฏิเสธฉัน?”
“เธอ?” เฮ่ออวี้เฟิงรู้สึกกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก
เหลียนอวิ๋นพยักหน้า “ฉันได้ยินจากแม่ของฉันว่าคุณมีแฟนที่คุณรักมากมาก่อนน่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฮ่ออวี้เฟิงก็ผ่อนคลายทันที
เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอหรอก บางทีอาจเป็นเพราะโชคชะตาของเราไม่ตรงกันก็แค่นั้น”
เหลียนอวิ๋นไม่ได้ถามคำถามอะไรอีกต่อไปหลังได้ยิน
เธอระงับความเศร้าในใจแล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะบอกแม่เมื่อฉันกลับไปเอง ไม่ต้องห่วง”
หลังจากพูดจบ หญิงสาวก็ไม่ได้มองเฮ่ออวี้เฟิงอีก เธอหันหลังกลับและเข้าไปในตรอก
เฮ่ออวี้เฟิงยืนอยู่ที่นั่น มองดูแผ่นหลังของเหลียนอวิ๋นและอดไม่ได้ที่จะนึกถึงรอยยิ้มของอาเซียง
ทันใดนั้นทั้งหัวใจของเขาก็สั่นไหว
เขายื่นมือออกแล้วกดลงบนหัวใจของตัวเองพลางขมวดคิ้ว
มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย…