บทที่ 515 อยากรู้ว่าสามีของฉันใส่ชุดชั้นในสีอะไรเหรอ?
บทที่ 515 อยากรู้ว่าสามีของฉันใส่ชุดชั้นในสีอะไรเหรอ?
พอได้ยินดังนั้น มือของเซี่ยชิงหยวนชะงักลง
เธอนั่งลงข้างเขาแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ?”
เสิ่นอี้โจวนวดหว่างคิ้วของเขา พลางนึกถึงสงครามน้ำลายที่ยืดเยื้อนานหลายชั่วโมงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ”ไป๋อวิ๋นหลี่เขียนบทความถึงโครงการบรรเทาความยากจนของพวกเรา บอกว่าเงินก้อนหนึ่งซึ่งหามาได้อย่างยากลำบากถูกจ่ายออกไป ทว่าเมื่อถึงหน้างานแล้วกลับเหลือไม่ถึงครึ่ง ตอนนี้โครงการนี้ยกเลิกไปแล้ว ผมและข้าราชการระดับสูงในศาลากลางหลายคนล้วนถูกตรวจสอบ”
สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนพลันหนักอึ้ง “หนักขนาดนี้เลยเหรอ?”
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งข้าราชการระดับสูงของมณฑลหลายคนในคราวเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไป๋อวิ๋นหลี่บ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “นอกจากอาจารย์ของเขาแล้ว เขาน่าจะยังมีคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก เป็นพวกเราเองที่ประเมินเขาต่ำไป”
เซี่ยชิงหยวนไม่เข้าใจนัก “ศัตรูของเขาคือฉีหยวนซานไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยังมุ่งเป้ามาที่เราอีกล่ะ?”
เสิ่นอี้โจวอธิบายว่า “ในวงการราชการ ไม่มีใครคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตนเองได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ จะยังไงก็ต้องพึ่งพาคนบางกลุ่มไม่มากก็น้อย ภายนอกดูเหมือนมีเจ้าหน้าที่หลายคนของสำนักงานอัยการที่เป็นคนของไป่อวิ๋นหลี่ แต่เบื้องหลัง พวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มอิทธิพลทั้งหมด ด้วยเหตุนี้โครงการบรรเทาความยากจนของพวกเราคงไปขยับเค้กของใครเข้านั่นแหละ”
การดึงผมเส้นเดียวจะสั่นสะท้านไปทั้งร่าง*[1] คล้าย ๆ กัน เมื่อมองจากภายนอกคือเสิ่นอี้โจวรวมถึงผู้นำอีกหลายคนถูกสอบสวน ทว่าเบื้องหลังของเรื่องสืบสวนเสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ นั้นมีอีกกี่คนที่ซ่อนเร้นอยู่บ้างล่ะ?
ค่อย ๆ สืบหาเบาะแสจากความโกลาหลวุ่นวาย ดูผ่าน ๆ ตาเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วกลับน่ากลัว
เซี่ยชิงหยวนเคยคิดว่าเสิ่นอี้โจวสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด
หญิงสาวรีบสงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้ทำอะไรผิด ย่อมไม่กลัวการตรวจสอบอยู่แล้ว”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำขอโทษ “แต่ผิดต่อคุณแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม “ผิดไม่ผิดอะไรกันล่ะ? อย่างเลวร้ายที่สุด พวกเราก็กลับไปที่หมู่บ้านซีสุ่ยกัน แถมภรรยาของคุณร่ำรวยแล้ว แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำงาน ฉันก็เลี้ยงดูทุกคนได้นะ”
เสิ่นอี้โจวเองก็ขบขันเช่นกัน “ใช่ ต่อจากนี้ไปผมจะพึ่งพาคุณแล้วนะ”
เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา ทั้งสองก็เข้าใจกันโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก
เซี่ยชิงหยวนเตรียมน้ำให้เสิ่นอี้โจวอาบ จากนั้นทั้งคู่ก็หลับไปนอนอ้อมกอดของกันและกัน
…
เมื่อเซี่ยชิงหยวนคิดว่าตัวเองยืนตรงไม่ต้องกลัวเงาเอนเอียง เธอก็ได้รับข่าวร้ายอีกหนึ่งเรื่อง
พวกเขาต้องการตรวจสอบร้านของเธอ
ไป๋อวิ๋นหลี่มาที่บ้านเป็นการส่วนตัว เขาเอ่ยด้วยท่าทางสุภาพ “มีรายงานว่าผลประโยชน์ที่เลขาธิการเสิ่นได้จากโครงการบรรเทาความยากจนเชื่อมโยงกับเงินทุนในการเปิดร้านของคุณนายเสิ่น ทางเราขอความกรุณาคุณนายเสิ่นช่วยให้ความร่วมมือกับเราด้วยนะครับ”
เมื่อถ้อยคำนี้ถูกเอ่ยออกมา สีหน้าของทุกคนในห้องก็พลันแปรเปลี่ยน
เซี่ยชิงหยวนยิ้มเยาะ “หัวหน้าฝ่ายไป๋คะ อี้โจวเพิ่งถูกสั่งพักงานและถูกตรวจสอบ รัฐยังไม่ได้ตัดสินลงโทษเขาแต่อย่างใด ในตอนที่คุณตรวจสอบก็ไม่พบอะไรเลย หลักฐานก็ไม่มี การมากล่าวหาว่าเขาได้ผลประโยชน์จากมันเห็นทีว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่มั้งคะ?”
ดวงตาคู่งามของเธอมองเขาพร้อมเอ่ยกระทบกระเทียบอย่างรุนแรง
ไป๋อวิ๋นหลี่ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนยกยิ้ม “ผมได้ยินมานานว่าวาทะของคุณนายเสิ่นนั้นยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง วันนี้เห็นทีจะเป็นเรื่องจริง”
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนเย็นเยียบ “ฉันเพียงแค่พูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่นี้เท่านั้น วาทะยอดเยี่ยมอะไรกันเหรอคะ? หัวหน้าฝ่ายไป๋ คุณเองอยู่ในตำแหน่งนี้ หากไม่ระมัดระวังเรื่องคำพูดของตัวเอง คุณคงรู้ใช่ไหมคะ ว่ารู้กฎหมายแต่จงใจทำผิดกฎหมายเป็นยังไง? วันนี้ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน แต่คุณกลับตัดสินโทษไปแล้วว่าสามีของฉันทำผิด หัวหน้าฝ่ายไป๋ช่างมีอำนาจเสียจริง!”
วาจาของเซี่ยชิงหยวนทำเอาไป๋อวิ๋นหลี่นิ่งเงียบอยู่นาน
เขามองเธอเขม็ง แล้วยิ้มอย่างมีนัย “คุณนายเสิ่น ผมชื่นชมคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยจริง ๆ”
เซี่ยชิงหยวนวางมาดหยิ่งยโสพลางมองไปทางเขา “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันคงไม่อาจเอื้อม ตอนเที่ยงฉันยังต้องกินข้าวกินปลาอีก”
“คุณ…” สีหน้าอ่อนโยนของไป๋อวิ๋นหลี่แตกเพล้งในที่สุด
ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อ ก่อนออกคำสั่งตรวจสอบ “คุณนายเสิ่น เชิญครับ”
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนกำลังจะถูกนำตัวไป ปี่ฟู่หมานก็พลันร้อนใจ
เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเซี่ยชิงหยวนและพูดกับเธอว่า “พี่สาว อย่าเพิ่งไปกับเขาเลยครับ ผมจะไปบอกพี่เขยให้เอง”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างมั่นใจพลางตบหลังมือเขาเบา ๆ “ไม่เป็นไร ฉันไปไม่นานก็กลับแล้ว”
เสิ่นอี้โจวถูกเรียกไปพูดคุยตั้งแต่เช้าพร้อมกับเซี่ยเจิ้ง หยวนหงหลี่ รวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย ทำให้เขาไม่สามารถอยู่ดูแลเธอได้ชั่วคราว
หญิงสาวมองไปยังลูกสาวลูกชายทั้งสองที่อยู่ในผ้าห่อตัว แล้วพูดว่า “ช่วยดูแลหลานทั้งสองของนายให้ฉันด้วยนะ”
เมื่อเอ่ยจบ ก็เดินตามไป๋อวิ๋นหลี่ไปที่รถ
…
เซี่ยชิงหยวนถูกนำตัวไปที่ห้องปิดทึบห้องหนึ่ง มีผนังด้านหนึ่งที่มีการจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ
เธอเคยเห็นห้องแบบนี้ในภาพยนตร์ จึงพอรู้ว่าอีกฟากหนึ่งของกำแพงนี้ต้องมีคนจำนวนไม่น้อยคอยเฝ้าดูตนอยู่เป็นแน่
เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่เข้ามาในสถานที่เช่นนี้นั้นตอนที่เป็นเรื่องของจางอวี้เจียวคบชู้ ใครกันจะคาดคิดว่าเมื่อต้องเข้ามาเป็นครั้งที่สอง ตัวเองกลับต้องอยู่ในสภาวการณ์แบบนี้เสียแล้ว
ไม่นานก็มีพนักงานสอบสวนสองคนเข้ามา เป็นผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคน ทุกคำถามล้วนเกี่ยวกับเสิ่นอี้โจว
ตั้งแต่นิสัย การใช้ชีวิต ไปจนถึงเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของเขา
เซี่ยชิงหยวนนั้นรู้ทันคน พลันรู้สึกว่าพวกเขาตั้งใจชี้แนะตัวเธอให้ตอบไปในทิศทางที่ไม่เป็นผลดีต่อเสิ่นอี้โจว อย่างเขามีนิสัยที่ไม่ดี เช่น ติดการพนันหรือไม่? การใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยไม่สอดคล้องกับระดับเงินเดือนหรือเปล่า?
พวกเขากำลังพยายามบีบเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นคำสารภาพว่าเสิ่นอี้โจวทุจริตและทำผิดกฎหมาย
ด้วยเหตุนี้ เซี่ยชิงหยวนจึงหลึกเลี่ยงจุดสำคัญ แล้วตอบไปเพียงว่า “ไม่ทราบค่ะ”
ความอดทนของพนักงานสอบสวนทั้งสองหมดลง พนักงานสอบสวนหญิงพลันตบโต๊ะ “กรุณาให้ความร่วมมือกับเราด้วยค่ะ!”
เซี่ยชิงหยวนไม่แม้แต่จะกะพริบตา เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันให้ความร่วมมือดีมากแล้วนะคะ”
เธอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สองมือกอดอกด้วยท่าทางเหนื่อยล้า “เพียงแต่คุณไม่คิดว่าคำถามที่คุณถามนั้นรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของฉันไปหน่อยเหรอคะ?”
หญิงสาวชายตามองอย่างหยาดเยิ้ม พลางยิ้มเยาะที่มุมปาก “หรือยังอยากรู้ด้วยว่าสามีของฉันใส่กางเกงชั้นในสีอะไร? ทำกันคืนละกี่ครั้ง? หรือชอบท่าไหนด้วยล่ะ?”
[1] ดึงผมเส้นเดียวจะสะท้านไปทั้งร่าง หมายถึง ขยับเขยื้อนเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่กลับส่งผลถึงทั้งหมด