บทที่ 516 ความพยายามที่สูญเปล่า
บทที่ 516 ความพยายามที่สูญเปล่า
“คุณ!” แก้มของพนักงานหญิงพลันขึ้นสีระเรื่อ เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะเอ่ยขึ้นมาแบบนี้
แม้แต่พนักงานชายที่อยู่ข้าง ๆ ก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
เขาบีบไหล่เพื่อนร่วมงาน ส่งสัญญาณให้เธอใจเย็นลงแล้วลุกขึ้นออกไปข้างนอก
หากเซี่ยชิงหยวนคาดเดาไม่ผิด เขาคงจะไปเสนอขอคำแนะนำสินะ
ไม่นานหลังจากนั้น พนักงานสอบสวนชายก็กลับมาพร้อมกับไป๋อวิ๋นหลี่ที่เดินตามมาด้านหลัง
สายตาของไป๋อวิ๋นหลี่ที่มองมายังเซี่ยชิงหยวนนั้นไม่ปิดบัง ซ้ำยังน่าขนลุกเฉกเช่นครั้งแรกที่เขาเจอเธอ
เขายกยิ้ม “คุณนายเสิ่น คุณกลับได้แล้วครับ”
เขาเงียบลงครู่หนึ่ง “เพียงแต่เรายังต้องตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดของร้านเสื้อผ้าของคุณนายเสิ่น รวมถึงเงินทุนตั้งต้น คุณนายเสิ่นโปรดให้ความร่วมมือด้วยนะครับ”
“ค่ะ” เซี่ยชิงหยวนพยักหน้ารับซ้ำ ๆ อยู่กับที่ “หากมีคำสั่งสอบสวนอีกก็มาหาฉันแล้วกันค่ะ”
จากนั้นหญิงสาวก็ส่ายหัวอีกครั้ง “ไม่สิ เรื่องพวกนี้ดูเหมือนจะไม่อยู่ในขอบเขตหน้าที่ของคุณนะคะ?”
เธอยืนขึ้น แล้วเดินผ่านไป๋อวิ๋นหลี่ไป ก่อนจะหันกลับมาพลางเอ่ยอ่อน “หัวหน้าฝ่ายไป๋ ฉันจะกลับไปรอยื่นหนังสือตรวจสอบบัญชีนะคะ”
ใบหน้าของไป๋อวิ๋นหลี่ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ เขาเองก็พยักหน้ารับ
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้สนใจจะมองเขาอีกครั้ง หญิงสาวรีบเร่งฝีเท้าของตัวเองกลับ
เธอเดินไปยังทางเข้าสำนักงานอัยการและพบว่ารถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ เป็นรถยนต์คันเดียวกับที่เสิ่นอี้โจวใช้อยู่เป็นประจำ
ฉู่ซิงอวี่ประจำอยู่ในตำแหน่งที่นั่งคนขับ เสิ่นอี้โจวลงจากรถแล้วโอบกอดเธอเอาไว้
น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อยในแบบที่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เขาถูกสอบสวนเมื่อเช้านี้พร้อมกับข้าราชการระดับสูงอีกหลายคน เมื่อได้รับข่าวว่าผู้เป็นภรรยาก็ถูกเอาตัวไปสอบสวนด้วย ชายหนุ่มเกือบจะทำลายสำนักอัยการให้เละเป็นจุณอยู่แล้ว
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างอ่อนโยน “ยืนให้มั่น นั่งให้ตรง ฉันจะเป็นอะไรได้ยังไงล่ะคะ?”
สายตาของเธอบอกใบ้ให้เสิ่นอี้โจวรู้ว่ามีบางอย่างที่ต้องกลับไปคุยกันที่บ้าน
เสิ่นอี้โจวจึงพาเธอขึ้นรถไปพร้อมกับเขา
บนรถ ทั้งสามคนนิ่งเงียบผิดไปจากปกติ
เป็นฉู่ซิงอวี่ที่เอ่ยทำลายความเงียบ “ในตอนนี้ พวกเขายังไม่พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆ เพียงทางฝั่งของเรายังไม่มีปัญหาอะไรในตอนนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นกับที่อื่น”
มีเพียงไม่กี่คนที่สนับสนุนโครงการนี้ตั้งแต่เริ่มต้น ปัญหาคือจำนวนเงินที่จัดสรรส่วนใหญ่ถูกส่งไปที่ไหน ใครควรรับผิดชอบในเรื่องนี้
พวกเขาต่างเข้าใจในความจริงข้อนี้ดี ด้วยเหตุนี้ในใจจึงไม่ได้รู้สึกมีความสุขอะไรนัก
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะปริปากเอ่ยขึ้นว่า “มีหนอนหรือเปล่า?”
เสิ่นอี้โจวพึมพำ “มีความเป็นไปได้ เรากำลังตรวจสอบอยู่”
โครงการนี้เป็นโครงการที่ค่อนข้างใหญ่ ทั้งยังเดินทางไปยังเมืองกว่างโจวเพื่อไปพบกับศาสตราจารย์เป็นการพิเศษ บวกกับรวบรวมผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจำนวนมาก โครงการนี้จึงเกี่ยวข้องกับคนไม่น้อย
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยปลอบใจ “ในเมื่อมีคนกล้ายื่นมือออกมาแล้ว พวกเขาย่อมทิ้งร่องรอยไว้อย่างแน่นอน เพียงแต่จะเป็นการดีที่สุดหากคนของเราจะได้รับอำนาจในการสืบสวนด้วย แม้จะไม่ได้ผลยังไง เราก็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมให้ได้ด้วยอยู่ดี”
ตอนนี้ไป๋อวิ๋นหลี่มุ่งเป้าไปยังพวกเขาอย่างชัดเจน หากเขาได้รับอนุญาตให้เป็นหัวหน้าในการสอบสวนเรื่องนี้ เมื่อถึงเวลานั้น แม้ไม่มีความผิดก็เกรงว่าเขาจะยัดเยียดความผิดมาให้แน่
ฉู่ซิงอวี่กล่าวว่า “เรากำลังพยายามพูดคุยประสานงานอยู่ครับ ดูว่าเบื้องบนจะพอจัดการให้เราได้บ้างไหม”
สำหรับส่วนที่เหลือ เขาพูดอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้
เซี่ยชิงหยวนเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ เพียงเอ่ยปลอบโยน “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงซะเขาก็ไม่สามารถขวางท้องฟ้าด้วยมือเดียวไว้ทั้งมณฑลอวิ๋นได้หรอกค่ะ”
…
แน่นอนว่าไป๋อวิ๋นหลี่นำคำสั่งสอบสวนมาจริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ตื่นตระหนก สมุดบัญชีของร้านค้าหลายแห่ง รวมถึงสมุดบัญชีของร้านในตรอกเก่าถูกกางออกให้พวกเขาตรวจสอบ
เซี่ยชิงหยวนดีใจที่ตัวเองติดนิสัยชอบทำบัญชี ทั้งยังจดจำค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ แม้จะต่างกันแค่หนึ่งหรือสองหยวน เธอก็จะต้องตรวจสอบมันในวันรุ่งขึ้น
สำหรับบัญชีที่พวกเขาต้องการเห็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับเสิ่นอี้โจวนั้นไม่มีแม้แต่บัญชีเดียว ยังไงซะ เงินทุนเริ่มต้นของเซี่ยชิงหยวนทั้งหมดล้วนเป็นเงินรางวัลจากสถาบันธรณีวิทยาที่เสิ่นอี้โจวมอบให้เธอ ซึ่งสามารถตรวจสอบให้รู้ได้อย่างรวดเร็ว
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่คิดว่าอย่างไรก็เป็นเงินของตัวเอง จะใช้จ่ายตามใจยังไงก็ได้ ก็คงยากที่จะอธิบายให้ชัดเจน
เซี่ยชิงหยวนนั่งกินเมล็ดแตงโมอยู่ที่โต๊ะคิดเงิน พลางมองดูเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของคนที่ไป๋อวิ๋นหลี่พามาด้วย จึงเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ไม่ต้องรีบร้อนค่ะ หากวันนี้ยังไม่เห็นอะไร พรุ่งนี้จะมาลองดูอีกครั้งก็ได้ บางทีคุณอาจค้นพบสิ่งที่หัวหน้าฝ่ายไป๋ต้องการให้คุณค้นพบ”
วาจาที่เอ่ยออกมานั้นเสียดสีประชดประชันอย่างยิ่ง
ในที่สุด ไป๋อวิ๋นหลี่ก็พาคนของเขากลับไปพร้อมใบหน้าเขียวครึ้ม
เซี่ยชิงหยวนปัดเศษเมล็ดแตงโมบนมือของเธอออกด้วยใบหน้าเหนื่อยอ่อน
เฉิงสี่จวี๋ลูบหน้าอกของตัวเอาเบา ๆ พลางกระซิบถามเซี่ยชิงหยวน “เถ้าแก่เนี้ย เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม “คงเป็นเพราะเห็นว่าเราหาเงินได้แล้วอิจฉาตาร้อน จึงมาสร้างเรื่องวุ่นวายน่ะ”
เฉิงสี่จวี๋สบถ “บ้าบอจริง ๆ”
เธอเองเคยทำงานให้กับร้านค้าอื่น ๆ แต่ไม่มีร้านไหนที่ได้บริหารจัดการได้อย่างร้านยามต้องมนต์เลย
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีคนมาตรวจสอบ เธอจึงไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย หญิงสาวเพียงกังวลว่าเซี่ยชิงหยวนไปยุ่งกับใครเข้าหรือเปล่า
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “เมื่อก่อนเป็นยังไง จากนี้ไปก็ยังเป็นแบบนั้น เพียงแต่หากมีใครถามอะไรขึ้นมา เธอก็แค่บอกว่าไปว่าไม่รู้นะ”
คนถ่อยอย่างไป๋อวิ๋นหลี่ ใครจะรู้ล่ะว่าเขาจะตระเตรียมคนให้มาตรวจสอบเธออีกหรือไม่?
เฉิงสี่จวี๋พยักหน้าอย่างจริงจัง “วางใจได้เลยค่ะ ฉันทราบดี”
…
ไป๋อวิ๋นหลี่พาคนมาสอบสวนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แต่น่าประหลาดใจที่เขากลับไม่พบอะไรเลย
เขากระแทกข้อมูลที่ลูกน้องส่งมาให้ลงบนโต๊ะ “ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันจะใสสะอาดขนาดนี้จริง ๆ!”
ไม่ว่าจะเป็นเสิ่นอี้โจว เซี่ยเจิ้ง หยวนหงหลี่ หรือตระกูลฉู่ก็ล้วนแล้วแต่ไม่พบข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์เลยแม้เพียงนิดเดียว
เขาพยายามคลำเครือไปหาแตง* แม้แต่ก้นบึ้งของบันทึกเมื่อสิบปีก่อนเขาก็ยังค้น นอกจากจำนวนเงินที่ไม่ชัดเจนแล้ว เขาก็ไม่สามารถหาอะไรมาเพื่อเป็นข้อหาจับกุมคนพวกนั้นได้เลย
นี่เป็นเพราะเขาใช้การเส้นสายมากมายในตอนนั้น ทั้งยังออกหมายสั่งทางทหาร โดยสาบานว่าเขาจะต้องกำจัดพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว
ยอดเยี่ยมเสียจริง สิ่งที่พยายามมาสูญเปล่าไปสิ้น!
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็พลันแว่วดัง
เสียงอ่อนโยนของผู้หญิงดังขึ้น “หัวหน้าฝ่ายไป๋คะ”
แววตาของไป๋อวิ๋นหลี่พลันเป็นประกายเรืองรอง โทสะของเขาถูกวางลงโดยพลัน “เชิญครับ”
เซี่ยจื่ออี้ผลักประตูเข้ามาพลางเอ่ยเรียก “หัวหน้าฝ่ายไป๋ เรียกหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
* คลำเครือไปหาแตง หมายถึง ค้นหาสืบเสาะเบาะแสไปเรื่อย ๆ จนพบความจริง