บทที่ 527 ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ยังมีความสุขได้
บทที่ 527 ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ยังมีความสุขได้
หลังจากที่เสิ่นอี้โจวออกไปแล้ว เซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วก็รีบเก็บข้าวของ พาเด็ก ๆ รวมถึงตัวของพวกเธอเองเดินขึ้นไปที่บ้านไม้ไผ่
ตามชื่อเลย บ้านไม้ไผ่สร้างด้วยไม้ไผ่และเป็นบ้านทรงยกสูง
ชั้นล่างของบ้านไม้ไผ่มีเพียงเสาเข็มไม้สูงประมาณ 2 เมตร ไม่มีกำแพงในทุกทิศทาง มักใช้เป็นที่เลี้ยงวัว ม้า และปศุสัตว์ ตลอดจนจัดเก็บเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ต่าง ๆ ชั้นล่างของบ้านมีการสร้างบันไดขึ้นไปชั้นบน พอเดินขึ้นบันไดไปจะเจอกับระเบียง จากนั้นจะมีห้องโถงสี่เหลี่ยม มีห้องหลายห้องแยกออกจากกัน ซึ่งสามารถใช้เป็นห้องนอนได้ ส่วนหลังคาเป็นแพฟางลาดเอียงเพื่อระบายน้ำฝน
แม่สามีและลูกสะใภ้มองดูห้องโถงที่เปิดกว้าง แผงประตูบาง ๆ และ ‘กำแพง’ ที่ดูเหมือนจะพังทลายได้เมื่อถูกลมแรง พวกเธอไม่รู้สึกปลอดภัยเลย
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันโดยปริยาย แต่ทั้งคู่เห็นความกังวลในสายตาของกันและกัน
หลินตงซิ่วฟังเสียงอ้อแอ้ของเด็ก ๆ ในห้อง และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แม่คิดว่าบ้านของเราในหมู่บ้านซีสุ่ยยังมีความแข็งแรงปลอดภัยมากกว่าอีก ยังไม่ต้องพูดถึงด้วยว่าเป็นบ้านที่ทำจากอิฐเลย”
เซี่ยชิงหยวนมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีแต่ความมืดในป่าไผ่ เธอทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง “แม่คะ จริง ๆ แล้วบ้านไม้ไผ่แบบนี้เหมาะกับสภาพอากาศที่นี่อยู่นะ ชนเผ่าไตที่นี่ก็อาศัยอยู่ในบ้านไม้ไผ่แบบนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ดังนั้นเราไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”
จริง ๆ สาเหตุที่ผู้คนชอบสร้างบ้านไม้ไผ่แบบนี้ เนื่องจากมันสามารถใช้ได้ดีกับพื้นที่ฝนตกชุก ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจากที่มันสามารถทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนชื้นได้ดีแล้ว ไม้ไผ่ยังเป็นไม้ที่หาได้ง่ายมากในท้องถิ่น ซึ่งมีต้นทุนต่ำและแปรรูปง่าย
สามารถพูดได้ว่าเซี่ยชิงหยวนไม่กล้าปล่อยให้หลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลินนอนในห้องอื่นได้ พวกเขาทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในห้องนอนใหญ่และยังนำถังปัสสาวะเข้ามาในห้องด้วย
แม้จะเหม็นหน่อย ถ้าผู้ใหญ่ทนได้เด็กก็ควรทนได้ และปัสสาวะเด็กเล็กก็ไม่น่าจะเหม็นมากเท่าไหร่นัก
เซี่ยชิงหยวนปลอบใจตัวเองด้วยวิธีนี้
โชคดีที่เด็ก ๆ เชื่อฟังมากและเนื่องจากเหนื่อยมามากในระหว่างวัน หลังจากมื้ออาหารแล้วพวกเขาก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
เสิ่นอี้หลินบางครั้งก็มีจิตใจที่กล้าหาญเช่นกัน หลังจากรู้สึกหวาดกลัวชั่วระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็กรนเบา ๆ และหลับไป
ในคืนที่มืดมิด เซี่ยชิงหยวนฟังเสียงลมที่พัดผ่านป่าไผ่ด้านนอกและกลัวที่จะนอนหลับ
เธอหันกลับมาหันหน้าเข้าในบ้านและทันใดนั้นก็สบกับดวงตาสีดำคู่หนึ่ง หญิงสาวตกใจมากจนแทบจะกรีดร้อง!
หลินตงซิ่วก็ตกใจกับเธอเช่นกัน เมื่อตอบสนองได้เธอก็กระซิบทันที “ชิงหยวน นี่แม่เอง!”
เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และตบหน้าอกของเธอด้วยอาการใจสั่น “แม่!”
ถ้าเธอกลัวแบบนี้อีกสักสองสามครั้ง คาดว่าน้ำนมของเธอคงจะตีกลับแน่
มีเด็กตัวเล็ก ๆ นอนอยู่ระหว่างพวกเธอ และเสิ่นอี้หลินก็นอนหลับอยู่อีกด้านหนึ่ง คู่แม่สามีและลูกสะใภ้พูดไม่ออกอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าแม่สามีของเธอนอนไม่หลับ ประการแรกเพราะความกลัวบ้านที่ดูไม่แข็งแรงหลังนี้ และประการที่สองเพราะกังวลเกี่ยวกับเสิ่นอี้โจว
เธอเอื้อมมือออกไปจับมือของหลินตงซิ่ว
มือของหลินตงซิ่วนี้เป็นมือที่เลี้ยงดูเสิ่นอี้โจวและเสิ่นอี้หลินจนโตมา หลังจากได้รับการบำรุงรักษาเป็นเวลาสองปี ในที่สุดรอยแตกกับหนังด้านที่มือก็หายไป และน่าจะมีความสมบูรณ์เหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง
เธอกระซิบ “แม่ เราจะดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ”
หลินตงซิ่วกำมือลูกสะใภ้แล้วพูดว่า “แม่เชื่อจ้ะ ลูกอย่ารู้สึกผิดเลย ในฐานะคนเป็นพ่อแม่ชีวิตนี้จะยอมลำบากเพื่อลูก ๆ ของตัวเองไม่ได้เชียวเหรอ? ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดแม่ก็ยังมีความสุข ขอแค่ได้อยู่ท่ามกลางลูก ๆ ก็พอ”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินตงซิ่ว หัวใจของเซี่ยชิงหยวนรู้สึกซาบซึ้งมาก
ทั้งสองจับมือกันเป็นเวลานานก่อนจะปล่อยมือ
…
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่สามีและลูกสะใภ้ลุกขึ้นไปทำงานบ้าน
ก่อนอื่นพวกเธอทำอาหารเช้าง่าย ๆ เลี้ยงตัวเองและเด็ก ๆ จากนั้นให้เสิ่นอี้หลินดูแลเด็ก ๆ อยู่ในห้องนั่งเล่น ขณะที่เธอกับหลินตงซิ่วทำความสะอาดบ้าน
ในระหว่างวัน เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่บนบ้านไม้ไผ่พลางมองไปรอบ ๆ และรู้สึกว่าทิวทัศน์นั้นสวยงามและเย็นสบายมาก
แต่ตอนกลางคืนเนี่ยสิ…
เฮ้อ บ้านแบบนี้ควรมีผู้ชายอยู่ที่บ้านนะ
เธอมองดูภูเขาในระยะไกลและไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ชายของเธออยู่ที่ไหน
บ้านไม้ไผ่ถูกสร้างขึ้นใหม่ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่และโต๊ะล้วนเป็นของใหม่ทั้งสิ้น เซี่ยชิงหยวนกับหลินตงซิ่วเพียงเช็ดพวกมันด้วยน้ำสะอาดเท่านั้นเอง
สำหรับชั้นหนึ่ง เซี่ยชิงหยวนไม่ได้วางแผนที่จะเลี้ยงปศุสัตว์ไว้ที่นั่น ไม่เช่นนั้นในฤดูร้อนกลิ่นจะแรงเกินไป
เธอเหลือบมองพื้นที่เปิดโล่งรอบ ๆ บ้านและวางแผนที่จะสร้างโรงเรือนสัตว์ปีก ห้องอาบน้ำ และส้วมแบบง่าย ๆ เมื่อเสิ่นอี้โจวว่าง
หลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จ เธอก็ดูนาฬิกาบนข้อมือและเห็นว่าเป็นเวลาเกือบสิบโมงแล้ว
ในเวลานี้มีชายสองคนมาจากด้านล่างของภูเขา โดยสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกับทหารเมื่อวานนี้
พวกเขาแบกถุงใหญ่หลายใบไว้บนบ่าและพวกเขาดูคุ้นหน้า
ทั้งสองพูดว่า “คุณนายเสิ่น ผู้กองหลิงขอให้เรานำสิ่งเหล่านี้มาให้ครับ”
ทั้งสองมองไปรอบ ๆ “พวกเราควรเอามันไปวางไว้ตรงไหนดีครับ?”
เซี่ยชิงหยวนรีบชี้ไปบนบ้านทันที “รบกวนวางไว้บนระเบียงให้หน่อยนะคะ”
ทั้งสองคนเดินเอาของขึ้นไปวางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยักหน้าให้เซี่ยชิงหยวน “คุณนายเสิ่นเราไปก่อนนะครับ ผู้กองหลิงบอกว่าจะค่อย ๆ ทยอยขนของที่เหลือของคุณมาให้อย่างช้า ๆ ไม่อย่างนั้นมันจะดึงดูดความสนใจมากเกินไปน่ะครับ”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกกระอักกระอ่วนทันที “ขอบคุณนะคะ”
จากนั้นเธอหยิบหมูสามชั้นรมควันหกเส้นที่ห่อด้วยกระดาษน้ำมันออกมาจากห้องครัวแล้วพูดว่า “อยู่ที่นี่พวกคุณทำงานหนักกันมาก เอาพวกมันกลับไปทำอาหารในช่วงเวลาพักนะคะ”
ทั้งสองคนปฏิเสธทันที แต่หลังจากการปฏิเสธเสียงของเสิ่นอี้โจวก็ดังขึ้นมา “พวกคุณรับมันไปได้เท่าที่ต้องการเลย การให้ของจากภรรยาของผมมันก็หมายถึงความหวังดีของผมเช่นกัน”