บทที่ 544 คุณขยับ ผมอยู่เฉย ๆ
บทที่ 544 คุณขยับ ผมอยู่เฉย ๆ
เซี่ยชิงหยวนไม่กลัวแม้แต่น้อย ซ้ำยังมองเขาอย่างยั่วยวนด้วยรอยยิ้มหวานเยิ้ม “ผู้อำนวยการเสิ่น ขาของคุณที่บาดเจ็บยังไม่หายดีเลยนะ”
ทันทีที่ประโยคนี้สิ้นลง เสิ่นอี้โจวก็บีบเอวของภรรยา ก่อนจะพลิกสลับให้เธอไปทับอยู่บนตัวเขาแทน
ริมฝีปากบางของเขากระตุกยิ้มขึ้นจางท่ามกลางแสงสลัว “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ขยับสิ ผมจะอยู่เฉย ๆ”
เซี่ยชิงหยวนเอื้อมมือออกไปต่อยเข้าที่หน้าอกสามี “คนนิสัยไม่ดี”
เสิ่นอี้โจวคว้าฝ่ามือขาวผ่องของผู้เป็นภรรยาเอาไว้อย่างอารมณ์ดี “ไม่ใช่ว่าคุณเป็นฝ่ายแกล้งผมก่อนหรอกเหรอ?”
เขาทำตามการกระทำของเธอเมื่อครู่ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้จากเข่าขึ้นไปจนถึงต้นขาของหญิงสาว และมีแนวโน้มที่จะขึ้นสูงไปอีก
เซี่ยชิงหยวนหนีบขาเธอแน่นโดยไม่รู้ตัวพลางเอ่ย “ฉันก็แค่จับเท่านั้น ทำเป็นใจแคบไปได้”
เสิ่นอี้โจวจับมือของเธอให้เลื่อนลงไปด้านล่าง ก่อนจะวางมือของหญิงสาวลงในจุดกลางกายที่ร้อนผ่าว ”กับคุณแล้ว ผมจะใจแคบได้ยังไงกัน? เชิญครับ ลูบคลำได้ตามสบายเลย”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอตบมันเบา ๆ อย่างเป็นการลงโทษ “อยากตายหรือไง? ขายังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ!”
เธอชักจะเสียใจขึ้นมาเสียแล้วที่ไปแกล้งหาเศษหาเลยกับเขา
พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดมาก่อนครั้งที่ยังอาศัยอยู่มณฑลอวิ๋น ทว่าชายหนุ่มเพียงหัวเราะและบอกเธอว่าอย่าหาเรื่อง จากนั้นก็กลับไปทำงาน
แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน? อดรนทนไม่ไหวขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ?
เสิ่นอี้โจวส่งเสียงฮึดฮัดจากลำคอ “ภรรยา คุณช่างโหดเหี้ยมเสียจริง”
เซี่ยชิงหยวนจ้องมองเขา “คุณแกล้งฉัน”
มืออีกข้างของเสิ่นอี้โจวจับท้ายทอยของผู้เป็นภรรยา แล้วดึงเธอเข้ามาจูบ
เซี่ยชิงหยวนไม่ทันตั้งตัว กว่าหญิงสาวจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกกักขังไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแนบแน่นเสียแล้ว
ลิ้นและริมฝีปากของเธอชาไปหมด ก่อนที่เขาจะยอมผละริมฝีปากออก
ดวงตาหงส์อันเย็นเยียบของเสิ่นอี้โจวกลับถูกเติมเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความปรารถนาอยู่นานแล้ว เขาเอ่ยว่า “ชิงหยวน ผมไม่ได้แกล้งคุณ”
เอ่ยจบ ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ กดเข้าที่ความกลมกลึงของเธอ พลางกระแทกขึ้นไป
เซี่ยชิงหยวนลังเลเล็กน้อย “ขาของคุณ …”
เสิ่นอี้โจวจึงเอ่ยว่า “คุณอยู่ข้างบน”
เซี่ยชิงหยวนยินยอมในที่สุด “…ก็ได้”
…
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กสองคน
เสิ่นอี้โจวยืนอยู่ข้างหน้าต่าง อุ้มเด็กไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วหยอกล้อกับลูก ๆ
เสิ่นอี้โจวสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว โดยปลายเข็มขัดที่อยู่รอบเอวของเขาไล่จากด้านซ้ายไปยังเอวด้านหลัง ขับให้ลายกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องน้อยของชายหนุ่มชัดยิ่งขึ้น
แสงยามเช้าส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ตกกระทบบนร่างกายอย่างอบอุ่นและแผ่วเบา
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าเสิ่นอี้โจวเป็นพ่อที่ดีมากจริง ๆ เหมือนดั่งที่กงเหลียนซินเคยกล่าวบอกเอาไว้ในตอนนั้น
เสิ่นทิงหลานเมื่อตระหนักได้ว่าเธอตื่นแล้ว ก็พลันส่งเสียงร้อง “อะ!” ออกมาอย่างมีความสุข พร้อมยื่นมือออกมาเพราะอยากจะกอดผู้เป็นแม่
เสิ่นอี้โจวสังเกตเห็นการเคลื่อนไหว จึงหันกลับมาพลางเผยยิ้มเบา ๆ “ตื่นแล้วเหรอ?”
เสียงทุ้มต่ำติดแหบเล็ก ๆ เหมือนเพิ่งตื่นนอนตอนเช้านั้นทำให้รู้จั๊กจี้เมื่อได้ฟังอยู่เล็กน้อย
เธออดหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ เขายังใช้เสียงแหบห้าวเช่นนี้เพื่อเกลี้ยกล่อมเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก ‘ชิงหยวน ภรรยาคนดีของผม ขยับอีกหน่อยสิ’
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนพลันแดงก่ำ และเอ่ยตอบ “อื้ม”
เสิ่นอี้โจวก้มศีรษะลงอีกครั้งพลางลูบหลังลูกสาวเบา ๆ “แม่ยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตา เดี๋ยวค่อยให้แม่อุ้มเนอะ”
เสิ่นทิงหลานดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่ จึงส่งเสียง “อืม” ออกมา แล้วหันไปเล่นกับน้องชายของเธอต่อ
เซี่ยชิงหยวนยกผ้าห่มขึ้น ก่อนจะเดินพร้อมจับเอวที่ปวดของตัวเองไว้ ไปยังฉากกั้นเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า “กี่โมงแล้วน่ะ?”
ฉากกั้นนี้ทำจากไม้ไผ่และสูงประมาณคอ ซึ่งเพียงพอให้ทั้งคู่พูดคุยกันได้อย่างง่ายดาย
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “เจ็ดโมงกว่าแล้วครับ”
เวลาราว ๆ เจ็ดโมงกว่านั้นหากเป็นที่มณฑลอวิ๋นก็ถือว่าไม่ได้สายโด่งอะไร แต่สำหรับในอำเภอรุ่ยนี้ ชาวบ้านเกือบทั้งหมู่บ้านต่างก็ตื่นกันแล้ว
เซี่ยชิงหยวนเร่งมือพลางเอ่ย “วันนี้ฉันนัดกับพี่สาวกุ้ยฟางไว้ว่าจะไปซื้อลูกเจี๊ยบและลูกเป็ดในหมู่บ้านกัน”
ที่นี่นั้นผู้คนเลี้ยงไก่ไว้ที่บ้าน แต่ไข่ที่แม่ไก่ออกไข่นั้นมักไม่พอกิน ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจึงไม่เหลือไข่ไว้ฟักเป็นลูกเจี๊ยบมากนัก และถึงแม้ว่าไข่จะฟักออกมาแล้ว พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เก็บไว้กินในครอบครัวของตัวเองเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ หากซื้อจากคนในหมู่บ้าน ก็ยังพอจะได้ลูกเจี๊ยบลูกเป็ดพวกนี้มาบ้าง
ส่วนลูกเจี๊ยบและลูกเป็ดที่ต้องใช้ในฟาร์มเพาะพันธุ์ในอนาคตนั้น คาดว่าต้องเข้าไปซื้อในเมือง
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ทหารปลดประจำการก็อยู่ที่นี่แล้ว สามารถเริ่มก่อสร้างฟาร์มเพาะพันธุ์ได้เลยด้วย”
ยังไงซะ ลูกเจี๊ยบก็ไม่ได้ใช้พื้นที่มากนัก จึงสามารถซื้อพวกมันกลับมาและเลี้ยงไปก่อนสักพักได้ จากนั้นจึงย้ายไปยังฟาร์มเพาะพันธุ์หลังจากการก่อสร้างเสร็จแล้ว
เขาเอ่ยเรียกเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง “ตอนที่คุณไปกับพี่สาวเถียน คุณก็บอกกับทุกคนว่าเมื่อถึงเวลานั้น ฟาร์มเพาะพันธุ์จะรับซื้อลูกเจี๊ยบลูกเป็ดนะ”
พวกเขาเคยไปเมืองมาแล้ว ทว่าทุกคนล้วนยากจนมากจนเกรงว่าจะไม่สามารถสนองความต้องการของพวกเขาได้ หากคนในหมู่บ้านทำการฟักลูกเจี๊ยบขึ้นมามากอีกหน่อย ก็สามารถนำมารวมไว้ได้
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะค่ะ ฉันรู้อยู่แล้ว”
สองสามีภรรยากินข้าวตามปกติ จากนั้นจึงแยกกันออกจากบ้านไปอีกครั้ง
ในที่สุดหลินตงซิ่วก็อดรนทนไม่ไหว “อี้หลิน พวกเราอุ้มหลาน ๆ ไปเก็บผักป่ากันดีไหม?”