ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 741 เด็กดี มานี่!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 741 เด็กดี มานี่!

คุณไม่เคยเห็นเจ้าตัวน้อยน่ารักที่ฉลาดขนาดนี้มาก่อน

ตัวเองทึ้งถอนขนออกให้เอง

ตัวเองชะล้างจนสะอาดสะอ้านเอง

ตัวเองเทน้ำลงหม้อเอง

ตัวเองนั่งลงไปในหม้อเอง

ขณะเดียวกัน ยังไม่นับที่ต่ออายุค่าแก๊สให้คุณอีกนะ มันที่นั่งอยู่ในหม้อยังคงถือผงเครื่องเทศจีนสิบสามชนิดพลางมองคุณตาปริบๆ อีกต่างหาก

ชั่ววินาทีนี้ คุณเริ่มมึนงงด้วยซ้ำ มันน่ารักน่าชังขนาดนี้ ดูเหมือนตัวเองจะรู้สึกแย่ถ้าจะต้องเอามันเข้าปาก

เซี่ยจื้อพูดอย่างจริงจังว่า เนื้อสุนัขไม่สามารถขึ้นโต๊ะงานเลี้ยงได้ โจวเจ๋อกลั้นหัวเราะเสียจนกล่าวได้ว่าทรมานจริงๆ แกล้งทำเป็นว่าจริงจังขณะเดียวกันก็ต่อว่าตัวเองอย่างจริงจังเช่นกัน ถ้าเปลี่ยนเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายสบายๆ ก็ดูเหมือนไม่เป็นอะไร ถือว่าทำไปเพื่อความสนุกสนานล้วนๆ

แต่ในเหตุการณ์ที่เอาจริงเอาจังเช่นนี้ในเวลานี้ แทบจะแสดงแก่นแท้ของตลกร้ายออกมาอย่างเต็มที่ มีปรมาจารย์แห่งวงการตลกร้ายหลายคนที่ทั้งชีวิตไม่สามารถบรรลุผลเช่นนี้ได้ ดังนั้น ในที่สุดโจวเจ๋อก็กลั้นไม่อยู่ “ฮ่าๆ ฮ่าๆ…” ขำจนน้ำตาร่วงรินลงมาแล้ว

ณ ที่แสนห่างไกล สุนัขผู้น่ารักตัวหนึ่ง มันชื่อว่าเจ้ารุ่งเรือง

เสียงหัวเราะนี้เปรียบเสมือนพลังเฮือกสุดท้ายที่ล้มโดมิโนตัวแรก และในเวลานี้สภาพจิตใจของเซี่ยจื้อก็เริ่มเปลี่ยนไป

ความรู้สึกกดดันแต่เดิมยังกดดัน ความรู้สึกน่าเกรงขามก็ยังน่าเกรงขาม ความรู้สึกกดขี่ก็ยังกดขี่ ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงสง่าผ่าเผย อย่างน้อยในชั้นนี้ก็เรียกได้ว่ามีเสน่ห์ แต่ในตอนนี้เอง ชั้นหนึ่งของร้านหนังสือเริ่มเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก ความหนาวเย็นนี้มาจากเซี่ยจื้อ!

โจวเจ๋อรู้ว่าตัวเองทำให้มันโกรธแล้ว เขายังอยากจะทำอะไรบางอย่างอีก เพียงแต่ร่างกายนี้ของเขาดันถูกกักขังไว้จริงๆ โจวเจ๋อสัมผัสได้ถึงประตูสีขาวที่ปรากฏภายในร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน พวกมันปิดกั้นการเคลื่อนไหวของปราณพิฆาตในร่างกายของเขา มันคล้ายกับด้านในคฤหาสน์ที่เป็นของเขาโจวเจ๋อมีสถานีเก็บเงินผุดออกมานับไม่ถ้วน แบบนี้ทำให้การขนส่งแทบจะเป็นอัมพาต

แต่ตอนนี้ร่างของเซี่ยจื้อและร่างของเขามีพื้นที่มากกว่าครึ่งติดกันอยู่ มันก็เหมือนกับหนังเรื่องหนึ่งที่เขาเพิ่งดูมาช่วงก่อนหน้านี้แล้วทำให้เขานึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าโง่กับตัวเอง แต่บอกตามตรงว่าประสิทธิผลของหนังไม่ได้น่าขยะแขยงเหมือนในความเป็นจริงขนาดนี้

เซี่ยจื้อหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าการคุกคามที่มันเพิ่งทำไปไม่เกิดผลดีใดๆ ทำให้มันแอบผิดหวังเล็กน้อย ความผิดหวังสามารถนำมาซึ่ง ‘ความโกรธและความอับอาย’ ทั้งสองเป็นแรงเสริมซึ่งกันและกัน

นับตั้งแต่มันตื่นขึ้นมา มันก็พยายามรักษาความรู้สึกของลำดับชั้นที่เหนือกว่ามาตลอด แต่น่าเสียดายที่ชายตัวกระจ้อยร่อยตรงหน้ามันดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในช่องเดียวกันกับมันด้วยซ้ำ มันที่เป็นนักแสดงนำกำลังแสดงที่นี่อย่างใจจดใจจ่อ ตัวประกอบข้างๆ ที่ใกล้จะได้ออกไปรับข้าวกล่องกลับหัวเราะคิกคักอย่างเอาเป็นเอาตาย!

‘ตู้ม!’

โจวเจ๋อตะลึงครู่หนึ่ง มีเสียงระเบิดแตกออกจากหน้าอกของเขา สีหน้าเซี่ยจื้อซีดลงเล็กน้อย นี่เป็นวิธีจัดการศัตรูได้หนึ่งพัน ฝั่งตนสูญเสียไปแปดร้อย แต่กลับถึงอกถึงใจที่สุด ทำให้มันรู้สึกสะใจ

จริงๆ แล้วก็เป็นเพราะว่ากระดูกของโจวเจ๋อแข็งเกินไปและเคี้ยวยากเกินไป เซี่ยจื้อจำต้องเตรียมพร้อมไว้สำหรับการที่ฟันของตัวเองจะหักสักสองสามซี่ อย่างไรเสียก็เป็นคนที่ฆ่าร่างแยกทั้งสองของมัน สมควรได้รับความสนใจและให้ความสำคัญจริงๆ

‘ตู้ม!’ ต้นแขนของโจวเจ๋อก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นเช่นกัน จะว่าแขนหักก็ไม่หัก แต่สูญเสียพลังไปแล้วกระทั่งร่วงผล็อยลง ในที่สุดส่วนลึกในม่านตาสีดำของโจวเจ๋อก็ฉายแววตึงเครียดเล็กน้อย

จากนั้นตามมาด้วยเสียงระเบิดรัวๆ เสียงหัวเราะของเซี่ยจื้อเริ่มจากอดกลั้นจนไปถึงอวดดี เดิมทีใบหน้าของเหล่าจางเหมาะจะรับบทตำรวจแสนดีที่พลีชีพตั้งแต่ต้นเรื่องหรือไม่ก็ตอนจบในหนังตำรวจจับผู้ร้าย แต่ในเวลานี้กลับดูบิดเบี้ยวมาก ความเย้ยหยันและความเจ้าอารมณ์ในแววตา ความดุร้ายและการระบายความอัดอั้นบนใบหน้าลบล้างบุคลิกเดิมของเหล่าจางอย่างสิ้นเชิง มันเหมือนสัตว์อสูรร้ายจริงๆ ถูกคุณยั่วโมโหจนโกรธจัด มันคลุ้มคลั่งแล้ว!

แต่เดิมเซี่ยจื้อก็เป็นสัตว์ดุร้ายที่จักรพรรดิเหยาเลี้ยง หลังจากรู้แจ้งแล้วก็ต้องแบกรับ ‘ชะตากรรม’ ของสัตว์อสูรผดุงธรรม แต่ไม่ว่ามันจะซ่อมแซมตกแต่งอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก่นแท้ของมันได้

มันเป็นสัตว์อสูร!

‘ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!’

ระเบิดรัวๆ ระเบิดถี่ยิบและรุนแรง แม้ว่าจะบีบอัดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ แม้แต่อากาศรอบตัวก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่บางสิ่งยิ่งถูกบีบอัดมากเพียงใด พลังของมันกลับยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ควันสีขาวฟุ้งปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทุกคนในร้านหนังสือต่างเฝ้าดูสถานการณ์ภายในอย่างตึงเครียด แม้แต่ทนายอันที่เมื่อครู่ดูไม่ประหม่าหรือวิตกกังวล ตอนนี้มุมปากกลับกระตุกยิกๆ โดยไม่รู้ตัว

หากเรือล่มในรางน้ำจริงๆ การใหญ่ที่ตัวเอง ‘สร้างอาณาจักรใหม่’ ก็จบเห่ไปเลยทันทีสินะ

ในที่สุดควันสีขาวก็จางลง เผยให้เห็นร่างของเซี่ยจื้อ แต่โจวเจ๋อกลับนอนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเซี่ยจื้อ ร่างผีดิบถูกระเบิดอย่างราบคาบ โจวเจ๋อแอ้งแม้งอยู่บนพื้น กล้ามเนื้อและกระดูกทุกส่วนในร่างกายดูเหมือนจะถูกระเบิดจนหมดสิ้น ทั้งร่างปรากฏให้เห็นถึงภาพการถูกตัดเอ็นแขนขาที่เคยประสบมาก่อน นิ่งไม่ไหวติงราวกับตกจากที่สูง

ร่างของเซี่ยจื้ออ่อนแรงลงเล็กน้อย โซซัดโซเซแต่กลับยืนหยัดตัวตรงต่อได้

มือข้างหนึ่งของมันยังกุมหน้าอกของตัวเองไว้ ตรงนั้นยังมีแสงสีแดงยืนหยัดต่อต้านอยู่ แต่มันกลับใช้มืออีกข้างชี้ไปทางดวงตาค่ายกลอีกครั้ง

แมวดำขี้ขลาดตาขาว มันอยากหนี มันไม่ถึงกับภักดีต่อโจวเจ๋อนัก แต่มันฉลาดมาก เพราะมันรู้ดีว่ามันยั่วโมโหตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวตรงหน้านี้ไปแล้ว เมื่อครู่ผู้ที่ควบคุมค่ายกลมาจัดการเซี่ยจื้อก็คือมันเอง ฉะนั้นมันจะหนีหรือไม่ จะยอมแพ้หรือไม่ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน

อันที่จริง ในฐานะสัตว์ปีศาจ มันเข้าใจความโกรธของพวกสัตว์ร้ายที่รู้สึกว่าศักดิ์ศรีถูกเหยียบย่ำได้ดี บางครั้งก็ต่างจากมนุษย์จริงๆ

“เมี้ยว!” ในเสียงร้องของแมวดำมีความบ้าคลั่งแฝงอยู่ แสงสีแดงในค่ายกลเข้าไปสยบเซี่ยจื้ออีกครั้ง

แม้ว่าร่างของเซี่ยจื้อจะโงนเงนอยู่ตลอดเวลา แต่ในระยะห่างหนึ่งเมตรรอบตัวมันกลับมีข้อกฎหมายเป็นแถวๆ กะพริบและพันกันอย่างต่อเนื่องจนขวางกั้นแสงสีแดงเอาไว้ทั้งหมด

มันเดินไปหาดวงตาค่ายกลทีละก้าว เดินไปหาแมวดำที่กำลังร้องจนเสียงแหบแห้ง

ความยิ่งใหญ่ของสัตว์อสูรผดุงธรรมเพียงพอที่จะทำให้สัตว์ปีศาจส่วนใหญ่หวาดกลัว แม้แต่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ไม่กล้าแสดงท่าทีอวดดีต่อหน้าสัตว์อสูรผดุงธรรม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่ง แม้จะพูดถึงเรื่องความอาวุโสก็ยังต่างกันจนไกลลิบ

ทุกคนในร้านหนังสือเดินตรงไปถึงริมขอบค่ายกลพร้อมกัน ขณะที่ทุกคนให้ความสนใจเถ้าแก่ที่นอนนิ่งไม่ขยับจนแทบจะพิการโดยสมบูรณ์อยู่ตรงนั้น ก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ภายในค่ายกลไปด้วย

หากค่ายกลพังทลายลงเมื่อไร ก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะปรี่ไปสู้อย่างสุดชีวิตพร้อมกัน

ที่น่าเสียดายมากก็คือ เมื่อไม่นานมานี้ทุกคนในร้านหนังสือได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุการณ์ของชายชรา หากทุกคนอยู่ในช่วงสมบูรณ์เต็มที่ บางทีการกำจัดวิญญาณเซี่ยจื้อที่ปราณวิญญาณบาดเจ็บหนักจนเกือบจะดับสูญก็มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว แต่จะมาคิดเรื่องพวกนี้ในตอนนี้ก็ไร้ความหมายแล้ว

เพียงแต่จู่ๆ ฝีเท้าของเซี่ยจื้อก็หยุดลงกะทันหัน มันขมวดคิ้ว สีสันในแววตาเริ่มเปลี่ยนจากสีแดงกลับมาเป็นสีใส แต่ไม่นานสีแดงก็กลับมาปกคลุมอีกครั้ง

“มาจนถึงตอนนี้ เจ้าก็ยังอวดดีต่อหน้าข้า!” เซี่ยจื้อเอ่ยพูด นี่เป็นการพึมพำคนเดียวตามแบบฉบับของมัน เพราะมันกำลังพูดกับเจ้าของร่างตัวเอง

แต่การดิ้นรนของเหล่าจางยังไม่หยุดนิ่ง ยังดำเนินต่อไป เซี่ยจื้อเพิ่งจัดการโจวเจ๋อไปเมื่อครู่นี้ ใช้พลังปราณไปมาก อีกทั้งยังถูกค่ายกลสีแดงสยบไว้อีก ขณะเดียวกันปากกาพิฆาตก็ยังก่อเรื่องไม่หยุด มันถูกหลายสิ่งทำให้อ่อนแอลงหลายครั้งต่อหลายครั้ง จนในที่สุดเหล่าจางก็หาโอกาสโผล่หัวออกมาจนได้ ถึงอย่างไรความจริงแล้วในช่วงแรกสุดก่อนหน้านี้ โจวเจ๋อได้ปลุกเหล่าจางให้ตื่นจากในกระจกมาแล้วครั้งหนึ่ง

“ข้าคิดว่าเจ้าเป็นตำรวจที่ดีคนหนึ่ง ถึงได้ทำเช่นนี้ แต่เจ้ากลับ…” เสียงของเซี่ยจื้อติดขัดแล้ว เวลานี้มือและเท้าของมันควบคุมไม่ได้เล็กน้อย “เจ้านึกว่า…เจ้านึกว่า เจ้านึกว่าข้าไม่กล้าทำลายเจ้าจริงๆ หรือ” เซี่ยจื้อเปล่งเสียงคำรามต่ำออกมาจากลำคอ

เดิมทีมันตั้งใจจะคว้ามือของแมวดำ แต่กลับวางเอาไว้ตรงตำแหน่งยอดกะโหลกของตัวเองแทน มือของมันเริ่มดึงอย่างช้าๆ วิญญาณสีดำถูกดึงออกมามากกว่าครึ่งจนสามารถมองเห็นใบหน้าของเหล่าจางได้อย่างชัดเจน เหล่าจางบิดเบี้ยวและดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าเจ็บปวดเหลือคณานับ แต่เหล่าจางก็ไม่ยอมแพ้ เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าเขายอมแพ้ขึ้นมาเมื่อไร สุดท้ายแล้วจะมีความหมายอย่างไรต่อร้านหนังสือแห่งนี้และผู้คนในร้านหนังสือแห่งนี้

ทว่าเซี่ยจื้อกลับลังเล มันสามารถฉีกกระชากวิญญาณของเหล่าจางในเวลานี้ได้ทันที ปฏิบัติเหมือนเหล่าจางเป็นกระดาษเช็ดหน้าสกปรกที่ใช้แล้ว หลังจากขยำเป็นก้อนๆ ก็โยนทิ้งลงในถังขยะโดยไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันลังเล มันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ลังเลใจ ราวกับฉากเหล่านั้นในความฝันของเหล่าจางผุดขึ้นมาอีกครั้งในหัวของมัน บรรยากาศที่มันคุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยเหล่านั้น

หลังจากหยุดชะงักไปชั่วครู่ เซี่ยจื้อไม่ได้ฉีกทึ้งวิญญาณของเหล่าจางออกจากกันอีก แต่มีแถบลายทางกฎหมายจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ผนึกวิญญาณของเหล่าจางเข้าไว้ด้วยกันแล้วยัดกลับเข้าไปในยอดกะโหลกของตัวเองอีกครั้ง

เมื่อทำเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้น จู่ๆ เซี่ยจื้อก็รู้สึกหมดความสนใจลงเล็กน้อย มันอยากจะรีบกำจัดคนพวกนี้ในร้านหนังสือที่บังอาจกล้าก่อเหตุให้หมดจนสิ้นซาก จากนั้นก็กลับไปนอนหลับลึกต่อ

เพียงแต่เมื่อมือของมันเอื้อมเข้าไปในดวงตาค่ายกลอีกครั้ง ตั้งใจจะทำลายค่ายกลนี้ก่อน เสียงดัง ‘แกรกๆ’ เสียงแล้วเสียงเล่ากลับดังมาจากจุดที่มันเพิ่งอยู่เมื่อครู่นี้ เซี่ยจื้อหันหน้ากลับมามองข้างหลัง มันเห็นโจวเจ๋อที่ควรจะเงียบจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ ตำแหน่งของกระดูกและข้อต่อกำลังประสานกันใหม่อีกครั้ง แม้ว่าจะผิดตำแหน่งและได้รับความเสียหายเกินจริงไปมากก็ตามที แต่โจวเจ๋อก็ยังลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เท้าและมือบิดงอเล็กน้อย แต่มีการฟื้นตัวของกระดูกอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า

‘แกรก’

มือสั่นไหวครู่หนึ่ง

‘แกรก’

เท้าขยับครู่หนึ่ง

‘แกรก’

บิดคอครู่หนึ่ง

คล้ายกับคนกำลังเต้นท่าหุ่นยนต์ที่ยากที่สุด ดูโอเวอร์เกินจริงแต่เต็มไปด้วยจังหวะ

เซี่ยจื้อผงะเล็กน้อย เพราะเมื่อโจวลุกขึ้นยืนในคราวนี้ มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เป็นกลิ่นอายที่ทำให้จิตวิญญาณของมันสั่นเทาในเวลานี้ ราวกับว่าความทรงจำสยองขวัญที่ผนึกไว้เนิ่นนานค่อยๆ ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ และฉากนองเลือดก็เริ่มต้นใหม่อย่างช้าๆ

จนกระทั่งโจวเจ๋อที่ลุกขึ้นยืนค่อยๆ โน้มตัวและกางมือกวักเรียกมัน พร้อมกับเปล่งเสียงออกจากปาก

“จุ๊ๆ…จุ๊ๆ…จุ๊ๆ…เด็กดี…มา…นี่…”

………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท