บทที่ 452 ชื่อจริงของเด็กแฝด
บทที่ 452 ชื่อจริงของเด็กแฝด
หลังจากความสัมพันธ์ของเกอชิงเหม่ยและซ่างสยงเยี่ยชัดเจนขึ้นมาแล้ว รอยยิ้มก็ยังไม่จางหายไปจากใบหน้าของพวกเขา แต่เวลานี้เกอชิงเหม่ยกำลังจะกลับเมืองหลวง พวกเขาจึงมีเวลาอยู่ด้วยกันไม่มากนัก
“สหายซ่าง พรุ่งนี้ฉันต้องกลับเมืองหลวงแล้ว ยังไงไว้พวกเราไปเจอกันที่เมืองหลวงนะคะ”
“คุณยังเรียกผมว่าสหายซ่างอยู่อีกหรือครับ?”
เกอชิงเหม่ยยิ้มเขินก่อนจะกล่าวกระซิบ “งั้นหลังจากนี้ฉันจะเรียกชื่อของคุณนะคะ”
“ครับ”
ทั้งสองพูดคุยกันสักครู่หนึ่ง ซ่างสยงเยี่ยก็กลับออกไป
ถังซวงที่เห็นเกอชิงเหม่ยเดินกลับเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม จึงอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้า “ป้าคุยอะไรกับคุณซ่างหรือ ดูมีความสุขเชียว”
เห็นว่ามีแค่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอยู่ที่นี่ เกอชิงเหม่ยจึงโน้มตัวไปกระซิบ “เราตกลงเรื่องสถานะของกันและกันแล้ว ป้าเลยมีความสุขน่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้วถังซวงอดไม่ได้ที่จะถามต่อ “แต่คุณซ่างอยู่ในเมืองก่างเฉิง อย่างนั้นในอนาคตข้างหน้าป้าก็ต้องมาอยู่ในเมืองก่างเฉิงด้วยหรือเปล่า?”
เกอชิงเหม่ยยังไม่ทันคิดเรื่องนั้น เธอเพียงยกยิ้มก่อนจะตอบกลับ “ป้าว่าเรื่องนี้ค่อยคุยกันทีหลังดีกว่า อีกอย่างพวกเราเพิ่งคบกัน ทุกอย่างมันจะรวดเร็วขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ”
เห็นใบหน้าผ่อนคลายและสบายใจของเกอชิงเหม่ย ถังซวงเพียงยิ้มจางและไม่ได้ถามอะไรต่อ ยังไงแล้วตราบใดที่ป้าเกอรู้ว่าตนเองมีความสุขกับอะไร มันก็เพียงพอแล้ว
วันถัดมา ถังซวงและคนอื่น ๆ เก็บข้าวของเตรียมออกเดินทางพร้อมกับผู้เฒ่าเฮ่อและคุณนายเฮ่อ
ตอนนี้เฟิงเยี่ยหานยังคงสงบนิ่ง แต่จริง ๆ แล้วในใจเขากลับกระโดดโลดเต้น เขากำลังจะไปที่เมืองหลวง และอีกไม่นานจะได้เจอถังเซวี่ย มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มนี้กว้างไปจนถึงแววตาอย่างปิดไม่อยู่
“พี่เฟิง แค่จะได้เจอเสี่ยวเซวี่ยมันทำให้พี่มีความสุขขนาดนี้เลยหรือ”
ได้ยินที่โม่เจ๋อหยวนพูด เฟิงเยี่ยหานก็ไม่ได้ไม่ปฏิเสธ และพยักหน้ารับ “ใช่ ฉันมีความสุขที่จะได้เจอเสี่ยวเซวี่ย”
ถังซวงหันมองเฟิงเยี่ยหานหลังจากได้ยินคำพูดนั้น และเห็นว่าเขาไม่ปกปิดความสุขบนใบหน้าของตัวเองเลยสักนิด เขามีความสุขมากจริง ๆ
เดิมทีเธอเคยมีอคติต่อเฟิงเยี่ยหาน แต่หลังจากได้รู้จักกันมานาน เธอเห็นว่าอีกฝ่ายมีความจริงใจและเธอจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องของเขากับถังเซวี่ย ให้ทุกอย่างเป็นโชคชะตาระหว่างทั้งสองก็แล้วกัน
หลังจากถังซวง เกอชิงเหม่ย และคนอื่น ๆ กลับมาที่เมืองหลวง ซูเหนียนอวิ๋น เฮ่อหลาน และคนอื่น ๆ ก็โล่งอกที่เห็นว่าเกอชิงเหม่ยสบายดี
ทุกคนทักทายผู้เฒ่าเฮ่อและคุณนายเฮ่อซึ่งเป็นอาวุโสก่อน
ผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงด้านข้างกล่าวทักทายผู้อาวุโสทั้งสองคนอย่างอบอุ่น
“คราวนี้ทั้งสองคนมาทั้งที จะต้องอยู่ให้นานกว่าเดิมนะคะ”
ผู้เฒ่าเฮ่อหัวเราะร่า “ครับ ๆ พวกเราคงจะอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง อย่ารังเกียจที่มารบกวนนานเกินไปล่ะ”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงคะ พวกเราอยากให้คุณอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยด้วยซ้ำ”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรส ซูเหนียนอวิ๋นที่อยู่อีกฝั่งก้าวไปลูบหลังของเกอชิงเหม่ยแล้วพูดว่า “เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็จริง แต่พวกเราก็ยังเป็นห่วงเธออยู่เสมอ คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ”
เกอชิงเหม่ยรีบตอบรับ “อาจารย์ไม่ต้องกังวลนะคะ คราวหน้าฉันจะไม่ทำแบบนี้แน่นอน คราวนี้มันเป็นเรื่องคาดไม่ถึงน่ะค่ะ”
“ฮึ่ม… ก็คงเป็นอย่างนั้น ถ้าเธอไม่ไปที่เมืองก่างเฉิงเพื่อไปหาซ่างสยงเยี่ยจะถูกจับไปได้ยังไง”
เกอชิงเหม่ยได้ยินอย่างนั้น ก็หยุดพูดเพราะไม่สามารถโต้แย้งได้
ทว่าเฮ่อหลานกลับกล่าวขึ้นจากด้านข้าง “ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาจารย์ อย่าตำหนิพี่เลย ก่อนหน้านี้คุณเป็นห่วงเธอมากไม่ใช่หรือ ตอนนี้ทำไมถึงมาตำหนิเธอล่ะคะ”
“จ้ะ ๆ ฉันไม่พูดแล้ว”
ซูเหนียนอวิ๋นกล่าวกับเกอชิงเหม่ยอย่างนั้นเพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นห่วงลูกศิษย์คนนี้มากเกินไป แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาอย่างปลอดภัย เธอก็ควรจะสบายใจได้แล้ว
เกอชิงเหม่ยยอมรับผิดก่อนจะหันมองเฮ่อหลานแล้วพูดขึ้นว่า “อาหลาน เธอยังต้องอยู่เดือนหลังคลอดใช่ไหม งั้นกลับไปพักผ่อนเถอะจ้ะ” ก่อนจะถามถึงเด็กน้อยทั้งสองคน “แล้วฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยอยู่ไหนล่ะ? ฉันอยากเห็นเด็กน้อยสองคนนั้นจะตายแล้วเนี่ย”
“ทั้งสองคนหลับอยู่ค่ะ”
เกอชิงเหม่ยเสียดายเล็กน้อย
“อย่างนั้นค่อยไปหาพวกเขาหลังจากเขาตื่นก็ได้”
ผู้เฒ่าเฮ่อและคุณนายเฮ่อเองก็เสียดายเช่นกัน ทั้งสองคนอยากเห็นหน้าเด็กน้อยทั้งสองมาก แต่ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงรอให้เด็กน้อยตื่นขึ้นมาเท่านั้น
คุณนายจิงที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “พวกคุณเพิ่งจะมาถึง ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนสักหน่อยดีกว่านะคะ” หลังจากนั้นเธอหันมองเฟิงเยี่ยหานและโม่เจ๋อหยวนที่ด้านหลัง “เสี่ยวเยี่ย เสี่ยวโม่ พวกเธออยู่ในห้องเดิมได้เลยนะ เราไม่ได้เคลื่อนย้ายอะไรเลย เข้าไปนอนพักได้ตามสบายเลยจ้ะ”
เฟิงเยี่ยหานและโม่เจ๋อหยวนยกยิ้มให้กับคุณนายจิงแล้วพูดพร้อมกัน “ขอบคุณครับคุณย่า”
ทว่าขณะพูดอย่างนั้น เฟิงเยี่ยหานหันไปเห็นถังเซวี่ยจากหางตา เหมือนเธอก็กำลังมองมาที่เขาด้วยเช่นกัน ชั่ววินาทีนั้นแววตาของเขาสว่างสดใสราวกับมีดาวนับล้านเปล่งประกายอยู่ภายใน
ถังเซวี่ยที่เห็นว่าเฟิงเยี่ยหานหันกลับมา ก็ก้มหน้าแดงเรื่อลง
เฟิงเยี่ยหานเห็นอย่างนั้น อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง แต่พวกเขาเพิ่งจะมาถึงและต้องไปอาบน้ำก่อน ดังนั้นเขากับโม่เจ๋อหยวนจึงเข้าไปห้องพักพร้อมกับผู้เฒ่าเฮ่อและคุณนายเฮ่อ
ด้านเกอชิงเหม่ยกลับไปพร้อมกับซูเหนียนอวิ๋น เพราะยังไงทั้งสองครอบครัวไม่ได้อยู่ห่างกันมากจึงมีเวลาเหลือเฟือที่จะกลับมาร่วมทานมื้อเย็นด้วยกัน
หลังจากถังซวงและคนอื่น ๆ เก็บข้าวของเสร็จแล้ว พวกเขาก็พักผ่อนจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น
“คืนนี้ต้องกินและดื่มให้มาก วันนี้เรามาร่วมดื่มด้วยกันดีกว่าครับ” ผู้เฒ่าจิงกล่าวเชิญชวนผู้เฒ่าเฮ่อและคนอื่น ๆ อย่างอบอุ่นก่อนจะยกแก้วชนกับผู้เฒ่าเฮ่อ “ดื่มกันดีกว่าครับ”
“ครับ”
ทั้งสองคนยกยิ้มอย่างผ่อนคลายก่อนจะจิบไวน์เล็กน้อย จากนั้นจึงเริ่มทานอาหารและพูดคุยกัน
เพื่อต้อนรับผู้เฒ่าเฮ่อและคนอื่น ๆ ในคืนนี้ตระกูลจิงจัดโต๊ะอาหารได้ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยอาหารหลากหลาย ทั้งสองโต๊ะถูกวางด้วยอาหารเรียงราย
คุณนายจิงบอกกล่าวกับตระกูลเฮ่อ เกอชิงเหม่ย และคนอื่น ๆ “ชิงเหม่ย คุณเฮ่อ พวกคุณต้องกินเยอะ ๆ นะคะ คืนนี้เรายังมีของกินอีกมากมายเลย”
หลังจากนั้น คุณนายจิงหันไปพูดคุยกับโม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหาน “เธอสองคนก็กินให้เยอะ ๆ นะจ๊ะ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณย่าจิง”
คุณนายจิงมองหน้าตาอันหล่อเหลาของเฟิงเยี่ยหาน ก็ยิ้มกว้างก่อนจะพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเยี่ย คราวนี้เธอต้องอยู่ให้นานกว่าเดิมนะจ๊ะ”
เฟิงเยี่ยหานเองก็อยากจะอยู่ให้นานกว่านี้เหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่ก่างเฉิงนานเกินไป ดังนั้นอีกสองวันเขาจึงต้องกลับเมืองไห่เฉิง “คุณย่าจิง ผมมีเรื่องต้องกลับไปจัดการในเมืองไห่เฉิงอยู่ครับ วันมะรืนนี้ผมต้องกลับแล้ว แต่ผมจะกลับมาหลังจากเด็ก ๆ ครบเดือนครับ”
ได้ยินอย่างนั้น คุณนายจิงเสียใจมาก
“ถ้ามันสำคัญมาก อย่างนั้นอย่าลืมกลับมาหลังจากฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยครบเดือนนะจ๊ะ”
ถังเซวี่ยได้ยินทุกอย่าง และรู้ว่าเฟิงเยี่ยหานต้องกลับวันมะรืนนี้แล้ว เธอจึงรู้สึกเสียใจเพียงแต่ไม่แสดงออก ก้มหน้าลงกินอาหารต่อไป
ส่วนเฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงไม่ได้กินอะไรมากนัก เพราะวุ่นวายกับการดูแลลูก
อวี๋มินและเมิ่งผิงเห็นอย่างนั้นก็พูดขึ้น “เธอสองคนรีบมากินข้าวเร็วเข้า เดี๋ยวพวกฉันช่วยดูแลเด็ก ๆ ให้เอง” ขณะพูดก็เอื้อมมือไปโยกเปลให้เด็กน้อย หัวใจของทั้งสองคล้ายจะละลายเป็นหยาดน้ำ เพราะฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยยิ่งน่ารักน่าชังขึ้นทุกวัน
นอกจากทั้งสองคนแล้ว เกอชิงเหม่ยกับถังซวงก็อยากจะดูแลเด็กน้อยทั้งสองคนด้วย ทำให้ในตอนนี้ทุกคนในครอบครัวทานมื้อเย็นกันอย่างอบอุ่น
ส่วนผู้เฒ่าเฮ่อที่มักจะได้ยินทุกคนเรียกเด็กน้อยสองคนด้วยชื่อเล่นตลอดเวลา เขาจึงหันไปหาจิงเจ้อหรงแล้วถามออกไปว่า “คุณตั้งชื่อลูกสองคนแล้วหรือยัง?”
“ตั้งแล้วครับ เด็กชายชื่อจิงเหวินตี้ เด็กหญิงชื่อจิงเยว่ลู่”