บทที่ 477 ตรวจสอบอย่างละเอียด
บทที่ 477 ตรวจสอบอย่างละเอียด
ก่อนถังซวงจะทันได้ตอบกลับคำพูดของเหวินเจ๋อหลิ่ว ต้วนเฟิ่งหยิงกลับพูดขึ้นซะก่อน “เหวินเจ๋อหลิ่ว เธอพูดถึงใคร ที่บอกว่าคนอื่นรู้เรื่องนี้แล้วหมายความว่ายังไง เธอคิดจะทำให้ถังซวงอับอายงั้นหรือ? ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถังซวงเข้ามหาวิทยาลัยนี้ด้วยคะแนนสอบสูงสุด ส่วนเธอน่ะ…”
ในตอนท้ายของประโยค ต้วนเฟิ่งหยิงยืนขึ้นก่อนจะมองคนอื่น ๆ ในชั้นเรียน “อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงขี้นินทากันนักเลย พวกเราทุกคนพยายามอย่างหนักเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวา ก็อย่าลืมรากของตนเองสิว่าเข้ามาที่นี่เพื่ออะไร”
ทุกคนเงียบปากลงทันที อีกทั้งหลายคนที่เผยแพร่ข่าวลืออดไม่ได้ที่จะละอายใจ
แต่ก็มีหลายคนที่ไม่พอใจกับข้อกล่าวหาของต้วนเฟิ่งหยิงเหมือนกัน
“ต้วนเฟิ่งหยิง เธอบอกว่าถังซวงสอบเข้ามหาวิทยาลัยใช่ไหม ถังซวงคงจะเป็นคนบอกเธอสินะ แล้วเธอก็เชื่อ? ไร้เดียงสาซะจริง ๆ”
“ใช่ ใครจะรู้ว่าเธอเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวาได้ยังไง”
ถังซวงมองทั้งสองคนนั้นด้วยแววตาเย็นชาก่อนจะถามออกไปว่า “งั้นฉันถามหน่อยว่าเธอสอบได้คะแนนเท่าไหร่ถึงทำให้เธอมีความมั่นใจมาต่อว่าฉัน?”
“ยังไงซะพวกเราดีกว่าเธอแน่นอน”
“ฮ่าฮ่า… งั้นมาพูดเรื่องคะแนนสอบของพวกเราดีกว่า จะได้เห็นกันไปเลยว่าใครดีกว่ากัน”
ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น หล่อนถึงกับเย้ยหยันออกมา “แล้วถ้าเธอโกหกล่ะ?”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน หวังอี้เดินเข้ามาและเห็นว่าภายในห้องมีเสียงโวยวาย เขาขมวดคิ้วก่อนจะถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ถังซวงไม่ให้คนอื่นพูด เธอชิงเล่าเรื่องทั้งหมด “อาจารย์หวังคะ ฉันหวังว่าคุณจะสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้ และฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมข่าวลือพวกนี้ถึงแพร่กระจายออกไปได้ แต่ฉันมาที่นี่ด้วยคะแนนสอบสูงสุด และไม่ต้องการได้ยินข่าวลือแบบนี้อีก”
“อะไร… มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นงั้นหรือ”
หลังจากหวังอี้ได้ยินที่ถังซวงเล่า สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด หันมองนักเรียนทุกคนก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “พวกคุณคิดแบบนั้นหรือ?”
มีคนพึมพำขึ้นมา “ไม่หรอก ฉันคิดว่าถังซวงเก่งมาก ถึงเธอจะไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เธอก็เก่งกว่าพวกเราเพราะสามารถพัฒนายาต้านอักเสบได้ มันไม่แปลกถ้าเธอจะได้รับเชิญเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวา”
หวังอี้หันไปมองก่อนเห็นว่าเป็นเสวี่ยไคที่พูด เขาจ้องมองอย่างขุ่นเคืองก่อนจะพูดว่า “ใครพูดว่าถังซวงไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย? เธอไม่ใช่แค่สอบเข้า แต่คะแนนของเธอดีมาก ดีกว่าพวกคุณทุกคน เธอเข้าเรียนชิงหวาด้วยคะแนนสูงสุดในชั้นเรียน และคะแนนสอบของเธอคืออันดับสามของประเทศ ทำไมพวกคุณถึงคิดว่าคะแนนของเธอจะแย่กว่าตัวเองล่ะ?”
“โห…”
นักเรียนทุกคนได้ยินที่หวังอี้พูด ต่างตกอยู่ในความวุ่นวายทันที
“นี่… เป็นไปได้ยังไง? ผลการเรียนของถังซวงดีขนาดนั้นเลยหรือ”
“ใช่ ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยล่ะ”
อย่างไรก็ตาม มีนักเรียนจากเมืองหลวงนึกไปถึงข่าวลือก่อนหน้านี้ พวกเขาหันมองถังซวงแล้วพูดว่า “เธอ… เธอคือคนที่สอบได้คะแนนเป็นอันดับสองของเมืองหลวงงั้นหรือ? ฉันจำได้ว่าที่สองแซ่ถัง และคนแรกแซ่โม่ ได้ยินมาว่าคะแนนของทั้งสองคนเกือบจะเท่ากัน และคะแนนยังสูงแซงอันดับสามของเมืองหลวงไปมากด้วย”
“ฉันก็จำได้ ฉันได้ยินมาเหมือนกันว่าอันดับหนึ่งกับอันดับสองคะแนนสูงมาก”
หวังอี้ได้ยินแล้วจึงตอบออกไปตามตรง “ใช่ ทั้งสองคนที่ได้คะแนนสูงสุดในการสอบอยู่ในมหาวิทยาลัยของเรา อันดับหนึ่งของเมืองหลวงคือโม่เจ๋อหยวน และอันดับสองคือถังซวงในชั้นเรียนของเรา ผมถึงไม่เข้าใจว่าทำไมพวกคุณถึงคิดว่าคะแนนของเธอจะแย่?”
หวังอี้เหลือบมองนักเรียนคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า “จำไว้ว่าทุกคนเป็นนักศึกษา เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเพื่อหาความรู้ ผมไม่อยากได้ยินข่าวลือบ้า ๆ พวกนี้อีก และเดี๋ยวมหาวิทยาลัยจะเป็นคนสืบหาว่าใครคือต้นตอของข่าวลือพวกนี้”
นักเรียนทุกคนเงียบปากลงทันที ทั้งหมดหันมองถังซวง
อย่างสับสน
แต่ต้วนเฟิ่งหยิงหันมองถังซวงด้วยความตื่นเต้นก่อนจะกล่าวกระซิบ “โห… ถังซวง เธอกับคู่หมั้นคืออันดับหนึ่งและอันดับสองของเมืองหลวงจริง ๆ ด้วย ฉันได้ยินว่าเธอคืออันดับสามของประเทศ อย่างนั้นคู่หมั้นของเธอก็คืออันดับหนึ่งในประเทศน่ะสิ ฉันยังได้ยินว่าอันดับหนึ่งมาจากเมืองหลวง เขาต้องเป็นคู่หมั้นของเธอแน่เลย”
ถังซวงเหลือบมองใบหน้าตื่นเต้นของต้วนเฟิ่งหยิง พร้อมส่งสัญญาณให้เธอหยุดพูดก่อน
แต่หวังอี้ยังคงได้ยิน
“ต้วนเฟิ่งหยิง คุณกำลังพูดเรื่องอะไร ดูเหมือนว่าคุณจะมีความสุขมากเหลือเกินนะ พวกเราก็อยากรู้มากเหมือนกัน”
เห็นหวังอี้เรียกตัวเอง ต้วนเฟิ่งหยิงจึงรีบก้มหน้าลงพร้อมหุบปากสนิท
หวังอี้เหลือบมองต้วนเฟิ่งหยิงและไม่พูดอะไรต่อ ก่อนจะเริ่มบรรยายทันที
หลังจากชั้นเรียนจบลง หวังอี้หันไปหาถังซวงก่อนจะพูดว่า “ถังซวง คุณไม่ต้องกังวล เดี๋ยวอาจารย์จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดและจะไม่ให้นักศึกษาคนไหนเผยแพร่ข่าวลือพวกนี้อีก นี่มันไม่ใช่แค่การทำลายชื่อเสียงของคุณอย่างเดียว แต่ยังทำลายชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเราด้วย”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”
หวังอี้โบกมือก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”
หลังพูดจบ หวังอี้เดินออกจากห้องเรียนทันที
หลังจากหวังอี้ออกไปแล้ว ต้วนเฟิ่งหยิงได้โอกาสพูดอีกครั้ง
“เฮ้อ… ฉันเกือบขาดอากาศหายใจแน่ะ” เธอหันมองถังซวง “ถังซวง เล่าเรื่องของเธอกับคู่หมั้นหน่อยได้ไหม? ทำไมพวกเธอสองคนเก่งขนาดนี้ล่ะ?” เธอคิดว่าตัวเองก็เก่งพอสมควร เพราะสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชิงหวาได้ แต่เมื่อเทียบกับถังซวงแล้ว เธอรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างตนเองกับอีกฝ่ายมันมากเกินไปเหลือเกิน
ถังซวงยิ้ม “เดี๋ยวว่าง ๆ ฉันจะเล่าให้ฟัง ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องเรียนกันพอดี”
“ตกลง ๆ อย่าลืมล่ะ”
ถังอวี้สือหันมองถังซวงพร้อมยกยิ้ม “เพื่อนร่วมชั้นถังซวง เธอเก่งมากจริง ๆ เลยนะ”
“ขอบคุณ”
ถังซวงเพียงตอบกลับเบา ๆ และไม่ได้พูดคุยกับถังอวี้สือต่อ
เหวินเจ๋อหลิ่วไม่พอใจที่ถังซวงไม่มีมารยาทกับพวกตนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก่อนจะพูดอะไร ถังอวี้สือกลับจ้องมองเธอนิ่งก่อนจะหันไปทางอื่น เหวินเจ๋อหลิ่วเลยไม่สามารถพูดอะไรได้
ส่วนต้วนเฟิ่งหยิงที่เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของถังอวี้สือ อดไม่ได้ที่จะกระซิบกับถังซวง “ถังซวง ถังอวี้สือนี่ก็ดูจะเป็นคนดีนะ”
ถังซวงยกยิ้มบางแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับ
แม้ถังอวี้สือจะยิ้มตลอดเวลา แต่ถังซวงกลับรู้สึกไม่ค่อยชื่นชอบอีกฝ่าย เพราะหล่อนดูไม่ได้จริงใจกับเธอเลย
หลังจากชั้นเรียนช่วงเช้าจบลง ถังซวงและต้วนเฟิ่งหยิงไปที่โรงอาหารเพื่อจะทานมื้อเที่ยง หลังเสร็จทุกอย่างแล้ว เธอยังไม่กลับไปที่หอพักแต่เดินไปยังที่เงียบสงบก่อนจะบอกให้หยินอี้ตรวจสอบข่าวลือก่อนหน้าโดยละเอียด
หยินอี้ปรากฏตัวขึ้นจากความมืดก่อนจะกล่าวอย่างสุภาพ “คุณถังไม่ต้องกังวล ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็วครับ”
………………………………………………