บทที่ 365 กำไรที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อ (2)
งานของไป๋เยี่ยไม่หนักมากนักเพราะได้รับความร่วมมือจากทีมวิจัย สิ่งที่ทีมวิจัยต้องการทำในตอนนี้ก็คือการแยกสารที่ไม่มีประโยชน์ออกมา
แต่ถึงกระนั้น กระบวนการนี้ก็ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน ตอนที่ไป๋เยี่ยสกัดสารอาร์เทแอนนิวอินซึ่งเป็นสารที่อยู่ในตัวยาออกมา ก็ต้องทำการสกัดจากตัวยาถึงสองชนิด
ซึ่ง ‘ยาทาเชื่อมกระดูก‘ นี้มีส่วนประกอบของสมุนไพรกว่ายี่สิบชนิด การจะหาสารชนิดนั้นออกมาได้ก็เปรียบดั่งการงมเข็มในมหาสมุทร!
ทว่าอย่างน้อยทีมวิจัยก็มีทิศทางเป็นของตนเอง จึงไม่มีทางสับสนแน่นอน
กลุ่มคนสามสิบเกือบสี่สิบคนใช้เวลาทั้งวันไปกับการทดลอง ซึ่งไป๋เยี่ยก็มาเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย
และแล้วเขาก็ได้รับข่าวดี!
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังทำการทดลอง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเกาเย่ว์หยาง เดิมทีเขาตั้งใจจะรับโทรศัพท์หลังจากที่ทำงานเสร็จแล้ว ทว่าก็มีสายเข้ามาเรื่อยๆ ไม่หยุด
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเสียงโทรศัพท์ก็เงียบลง
ไป๋เยี่ยอดทนทำการทดลองของเขาให้เสร็จก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา
มีสายที่ไม่ได้รับสามสิบสองสาย
จากเกาเย่ว์หยางแปดสาย
จากหลิวป๋อหลี่ห้าสาย
แม้แต่หูเฟิงอวิ๋นเองก็โทรมาอีกห้าสาย
ยิ่งไปกว่านั้น ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือสายจากศาสตราจารย์ถูโยว ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังถกเถียงกับตนเองว่าจะโทรกลับไปหาใครก่อน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ไป๋เยี่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่ทันจะเอ่ยสิ่งใดก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นของเกาเย่ว์หยางดังแทรกเข้ามา
“ฮ่าๆ! เสี่ยวเยี่ย ผมมีข่าวดีมาบอกคุณ”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “เรื่องโครงการนักวิชาการฉางเจียงเรียบร้อยดีแล้วเหรอครับ”
เกาเย่ว์หยางชะงักพร้อมกับค่อยๆ นิ่งเงียบไป
“คุณรู้ได้ไง เหล่าหลิวบอกคุณเหรอ”
ไป๋เยี่ยยิ้ม มีคนจากวงการแพทย์โทรหาเขามากมายขนาดนี้ อีกทั้งแต่ละคนยังเป็นนักวิชาการ เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าคนพวกนี้จะโทรมาหาด้วยเรื่องไหน ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้
ทั้งเกาเย่ว์หยาง หลิวป๋อหลี่และคังเจี้ยนเซิงล้วนเป็นนักวิชาการ ส่วนหูเฟิงอวิ๋นก็เป็นถึงเลขานุการของโรงพยาบาลผู่เจ๋อ ไหนจะถูโยวที่เป็นนักวิชาการรุ่นเก่า
ดังนั้น ไป๋เยี่ยใคร่ครวญดูแล้วคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องนี้
ไป๋เยี่ยเล่าเรื่องสายโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายฟังอย่างยิ้มแย้ม
เกาเย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณต้องขอบคุณคนพวกนั้นสำหรับเรื่องนี้จริงๆ นอกจากเหล่าหลิวกับศาสตราจารย์ถูโยวแล้ว ยังมียอดปรมาจารย์ที่คุณเคยฝากตัวเป็นศิษย์อีก ทั้งจางเสวียเวิ่น สวี่โฮ่วเต้า…”
“ครั้งนี้คุณขึ้นไปได้เพราะความช่วยเหลือจากผู้คนเหล่านี้ คุณควรรู้นะ ว่าคุณคือคนที่มีอายุน้อยที่สุดในการคัดเลือกครั้งนี้ ไม่แน่คุณอาจจะเป็นนักวิชาการฉางเจียงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ได้”
“ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งนักวิชาการฉางเจียงยังเป็นฉายาที่สูงส่งในสาขาวิชาชีพชั้นนำต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าการแพทย์แผนจีนจะได้รับการสนับสนุน แต่มันก็ไม่ใช่สาขาวิชาที่จะพัฒนาได้ ตำแหน่งของคุณมาจากแรงผลักดันของคนกลุ่มใหญ่ ซึ่งนั่นก็คือความคาดหวังจากทุกคน”
ไป๋เยี่ยได้ฟังคำของเกาเย่ว์หยางก็เงียบไป
เขาไม่คิดว่าตำแหน่งนักวิชาการฉางเจียงจะเป็นที่สนใจมากขนาดนี้ พูดตามตรง เขาเองก็เกรงใจคนพวกนั้นไม่น้อยเลย
จู่ๆ เกาเย่ว์หยางก็ยกยิ้ม “อย่าคิดมากน่า คุณคนเต็มใจอยากเห็นคุณขึ้นไปยืนบนจุดนั้น อนาคตของคุณไม่มีขีดจำกัด จงทำมันออกมาให้ดีเถอะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องผ่านขั้นตอนการคัดเลือก แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่อยู่เหนือจินตนาการของเขา
ครั้งก่อนที่ได้เข้าร่วมโครงการเชียนเหรินก็ดูจะเป็นเรื่องบังเอิญเล็กน้อย เพราะว่าเขาได้รับรางวัลผลงานดีเด่นมาโดยบังเอิญ ทั้งยังมีแรงสนับสนุนจากคนใหญ่คนโตในคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติอีก ไป๋เยี่ยจึงได้เข้าร่วมโครงการเชียนเหริน
ส่วนครั้งนี้เขาก็คงต้องกล่าวขอบคุณอาจารย์ทุกคน ที่ทำให้เขาได้เข้าร่วมโครงการนักวิชาการฉางเจียง
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็กล่าวขอบคุณออกมาจากใจ
เกาเย่ว์หยางเอ่ยขึ้นช้าๆ “ตอนนี้มีรายชื่อออกมาแล้วแต่ยังไม่ได้ประกาศ กว่าจะได้ประกาศก็คงต้องรออีกสักระยะ แต่ผมส่งรายชื่อให้คุณดูได้นะ”
“คนที่ได้รับเลือกในรายชื่อนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดบุคลากรในสาขาวิชาชีพ ตอนนั้นผมคิดว่าคุณจะไม่ถูกเลือกซะแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าตอนคัดเลือกจะมีคนพวกนั้นโผล่มาช่วย”
หลังจากวางสายแล้วไป๋เยี่ยก็ถอนหายใจ ตอนนี้เขายุ่งมาก เขาใช้เวลาทั้งช่วงเทศกาลปีใหม่ในประเทศเมียนมา เขาไม่มีแม้แต่เวลาจะไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ทุกคนเลยด้วยซ้ำ
ทว่าบรรดาอาจารย์ก็ไม่ได้ถือสาอะไร ครั้งนี้พวกเขาใช้ความสนิทสนมเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ไป๋เยี่ยได้ขึ้นเป็นนักวิชาการฉางเจียงในที่สุด
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ยิ่งซาบซึ้งใจ
ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นข้อความจากเกาเย่ว์หยางนั่นเอง
มันเป็นประกาศทางการฉบับหนึ่ง
เมื่อไป๋เยี่ยเปิดมันขึ้นมาก็พบชื่อ ‘ไป๋เยี่ย‘ อยู่ในรายชื่ออาจารย์ห้าสิบคน!
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อได้เห็นข้อความตรงหน้าก็อดดีใจไม่ได้จริงๆ
นักวิชาการฉางเจียง!
นี่มันไม่ใช่แค่ฉายาด้วยซ้ำ!
มันคือเกียรติยศ!
คือตำแหน่งที่เป็นรองเพียงผู้อำนวยการสถาบันเท่านั้น
จู่ๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น!
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับท่านสมาชิกที่เคารพกับการได้รับฉายากิตติมศักดิ์ ‘นักวิชาการฉางเจียง‘]
[ติ๊ง! เปิดใช้งานฉายา ‘นักวิชาการฉางเจียง’ แล้ว ยินดีด้วย คุณได้รับสิทธิพิเศษต่อไปนี้:
1. สิทธิพิเศษของสุดยอดอาจารย์ข้อแรก: ตำแหน่งนักวิชาการฉางเจียงเป็นตำแหน่งที่อยู่ในสาขาวิชาชีพด้านการศึกษา จึงจะได้รับสิทธิพิเศษด้านการศึกษา ผู้เรียนจะซึมซับและพัฒนาตนเองจากทักษะและความรู้ที่คุณถ่ายทอดออกไปได้เร็วขึ้น เอฟเฟกต์นี้จะช่วยเพิ่มความเร็วในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน โดยผู้เรียนจะได้รับโบนัสค่าประสบการณ์ 50% และผู้เรียนยังมีโอกาสเกิดพรสวรรค์ด้วย
2. 2. สิทธิพิเศษของสุดยอดอาจารย์ข้อที่สอง: โครงการนักวิชาการฉางเจียงเป็นโครงการเฟ้นหาบุคลากรในหมวดหมู่การศึกษา สมาชิกทีวิจัยของคุณที่สถาบันจะทำวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพิ่มอัตราสำเร็จในการทดลอง เพิ่มความเร็วในการพัฒนาทักษะด้านงานวิจัย 50%
3. สิทธิพิเศษของสุดยอดอาจารย์ข้อที่สาม: ในฐานะที่คุณเป็นสุดยอดอาจารย์ คุณจะต้องพิชิตใจบรรดาผู้เรียนของคุณด้วยความสามารถและผลงาน โดยจะเพิ่มโอกาสคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ขึ้นอีก 50% ทุกๆ เดือนคุณจะสามารถเปิดโหมด ‘ระดมความคิด‘ ได้หนึ่งครั้ง]
ไป๋เยี่ยอ่านสิทธิพิเศษทั้งสามข้อก็อดตะลึงไม่ได้!
เขาคิดในใจ นี่มันไม่ขาดทุนเลยนะ!
ไม่ขาดทุนเลยสักนิด
เรียกได้ว่านี่เป็นกำไรที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อจริงๆ!
ดูสิทธิพิเศษข้อแรกสิ ยกระดับความสามารถของผู้เรียนได้ แถมยังทำให้ผู้เรียนมีพรสวรรค์อีก นี่…นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
ไป๋เยี่ยคิดเช่นนั้นแล้วก็สูดหายใจเข้าอย่างแรง