บทที่ 1090 เหตุใดต้องปิดบังข้า?
บทที่ 1090 เหตุใดต้องปิดบังข้า?
เมื่อลู่ฉาวอวี่กลับมาถึงบ้าน ทั้งห้องก็สว่างไสว
เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะไปยังห้องข้าง ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำก่อนค่อยกลับมาที่ห้อง แต่เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มจึงเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก่อน
สิงเจียซือนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังใช้พู่กันเขียนอะไรบางอย่าง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นางก็เงยหน้าขึ้น
“ท่านกลับมาแล้วหรือ”
“เหตุใดยังไม่พักผ่อนเล่า?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถาม
“ข้ารอท่านอยู่” สิงเจียซือกำฝ่ามือแน่น
ลู่ฉาวอวี่หยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา ก้าวเข้าไปหาแล้วสวมมันลงบนตัวนาง
“อากาศเย็น รักษาความอบอุ่นหน่อย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ?” ลู่ฉาวอวี่มองนางแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม “นั่งลงคุยกันเถอะ”
“หนึ่งปีผ่านไปแล้ว” สิงเจียซือหลุบตาลง “ข้าคิดว่า ข้อตกลงของเราก็สิ้นสุดแล้วเช่นกัน”
มือที่กำลังรินชาของลู่ฉาวอวี่หยุดชะงักไปชั่วขณะ
เขาวางกาน้ำชาลงแล้วมองหน้านาง “เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีเจ้าค่ะ ก็แค่ถึงหนึ่งปีแล้ว” สิงเจียซือเฉไฉมองไปทางอื่น “อย่างไรข้าก็มัวอ้อยอิ่งไม่ยอมจากไปไม่ได้”
“แม้เจ้าไม่พูด ข้าก็สามารถไปถามบ่าวรับใช้ในจวนได้” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ยามนี้ดึกมากแล้ว บ่าวรับใช้ล้วนพักผ่อน หากเจ้าไม่กลัวยุ่งยาก ข้าปลุกเขาขึ้นมาถามได้”
“เหตุใดท่านเอาแต่ใจเช่นนี้เล่า” สิงเจียซือหันกลับมาถลึงตามองเขา “พวกเราตกลงกันไว้หนึ่งปี ถึงเวลาแล้วก็ต้องเคารพซึ่งกันและกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วหรือ?”
“ข้าไม่เคยรับปาก” ลู่ฉาวอวี่กล่าว
สิงเจียซือดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ “ตำแหน่งฮูหยินน้อยลู่ไม่ควรสูญเปล่าไปกับข้า”
“ข้าไม่คิดว่ามันสูญเปล่า”
“ในท้องข้ามีของบางอย่าง เหตุใดท่านต้องปิดบังข้าด้วย?” สิงเจียซือเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางแดงก่ำ
“เจ้า… เป็นเพราะเรื่องนี้…”
“เรื่องนี้ยังไม่ร้ายแรงพอหรือ?”
นางไม่สามารถมีลูกได้
หากนางไม่จากไป เช่นนั้นนางจะไม่กลายเป็นคนบาปของสกุลลู่หรือ?
ลู่ฉาวอวี่ถอนหายใจเบา ๆ
เขาลุกขึ้น อุ้มสิงเจียซือขึ้นมา
“ท่าน…”
สิงเจียซือมองเขาอย่างตื่นตระหนก ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อชัดเจน
“ท่านทำอะไร?”
ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ดึกมากแล้ว สมองของเจ้ามีแต่แป้งเปียก พักผ่อนให้เพียงพอก่อน มีอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
“ท่านวางข้าลงก่อน” สิงเจียซือได้ยินเสียงตึกตัก ๆ จากอกตนเอง
ลู่ฉาวอวี่วางนางลงบนเตียง ถอดรองเท้าให้ จ้องมองนางแล้วเอ่ย “ต้องให้ข้าช่วยเจ้าถอดเสื้อผ้าหรือไม่?”
“ไม่ต้อง” สิงเจียซือยกมือขึ้นบังอก
“เช่นนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออก นอนเสีย อย่าได้คิดฟุ้งซ่านไปทั่ว”
“ท่านออกไปก่อน” สิงเจียซือแก้มแดงก่ำราวกับมีเลือดไหลออกมากองรวมกัน
ลู่ฉาวอวี่เห็นท่าทางเขินอายของนาง รอยยิ้มพลันปรากฏในแววตา
เขาโน้มตัวลงมา จูบลงบนริมฝีปากบาง “หากข้าไม่ออกไปเล่า?”
สิงเจียซือเบิกตากว้าง
มุมปากของลู่ฉาวอวี่ยกขึ้น เขาโน้มตัวลงไปจูบริมฝีปากของนาง “วิญญาณจงกลับมา”
“ท่าน… ท่าน…”
ลู่ฉาวอวี่ยกมือขึ้นประคองท้ายทอยนาง เขาโน้มศีรษะลงไปดูดดึงริมฝีปากหญิงสาว
สิงเจียซือรู้สึกถึงกระแสความร้อนที่ไหลไปทั่วร่าง ราวกับวิญญาณของนางหลุดลอยไป ตั้งแต่หัวจรดเท้าไร้เรี่ยวแรง ร่างกายอ่อนยวบ นางเอนกายลงไปด้านหลัง
ลู่ฉาวอวี่เอามือบังศีรษะนางไม่ให้ชนกับหัวเตียง
“ใต้เท้า ท่าน… ท่าน…” สิงเจียซือทั้งเขินอายทั้งรำคาญตนเอง ความคาดหวังในใจเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน “ชอบข้าหรือ?”
“ข้านึกว่าเรื่องนี้คงไม่ต้องการคำตอบ” ลู่ฉาวอวี่เล่นกับปอยผมของนาง “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนไม่สนใจถูกผิด เห็นสตรีลำบากแล้วต้องช่วยเหลือเสมอไปหรือ?”
สิงเจียซือได้ยินคำตอบยืนยัน ในใจพลันขมขื่น
หากนางไม่มีของสิ่งนั้นอยู่ในร่างกาย หากนางไม่สูญเสียความสามารถในการให้กำเนิด เมื่อได้ยินลู่ฉาวอวี่เอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกมานางคงดีใจมาก…
“เอาของสิ่งนั้นออกมาเถอะ ข้าถามหมอหลวงแล้ว เขาบอกว่าไม่กระทบต่ออายุขัย”
“แต่ข้าไม่สามารถมีลูกได้”
ลู่ฉาวอวี่ลูบแก้มนางเบา ๆ “เจ้าอยากมีลูกให้ข้าหรือ?”
“ใต้เท้า!”
“ลูกหลานของพ่อข้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน สกุลลู่ไม่ได้มีเพียงข้าเป็นบุรุษเพียงคนเดียว ถึงแม้ข้าจะไม่มีลูกก็จะไม่จากครอบครัวไป ถึงเวลาสืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋อง อย่างมากภายหน้าก็ให้เจ้าสี่มีลูกเพิ่มอีกสองสามคนและรับเลี้ยงก็พอแล้ว”
“แต่ว่า…”
“เอาละ อย่าได้คิดมาก พักผ่อนเถอะ” ลู่ฉาวอวี่ลุกขึ้นยืน เขาถอดเสื้อคลุมออก
สิงเจียซือพรวดพราดลุกขึ้นนั่ง
“ใต้เท้าจะนอนที่นี่หรือ?”
“อืม ข้าง่วงแล้ว ขยับเข้าไปหน่อย”
สิงเจียซือนนอนอยู่บนเตียง มองบุรุษรูปงามที่ทอดกายอยู่ข้าง ๆ
เขาหันหลังให้นางแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา
เมื่อนึกถึงจูบเมื่อครู่นี้ แก้มของนางก็ร้อนราวกับไฟขึ้นมาอีกครั้ง
นางหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว
สิงเจียซือไม่อยากไปจากเขา
นาง… ชอบเขา
แม้ไม่รู้เขาชอบนางเพียงใด แต่นางชอบเขามาเนิ่นนานแล้ว เพียงแต่เขาดีเกินไป สมบูรณ์แบบเกินไป นางจึงไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝัน
เดิมทีคิดว่าได้เขาเป็นสามีหลอก ๆ ชีวิตนี้ของนางก็มีสิ่งที่ควรค่าแก่การจดจำแล้ว
นึกไม่ถึงว่า ที่แท้เขาก็มีความจริงใจหลายส่วน
ลู่ฉาวอวี่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพลิกกายกลับมา
สิงเจียซือรีบหลับตาลง
ลู่ฉาวอวี่คว้าเอวหญิงสาว โอบกระชับนางเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
“หากเจ้ายังไม่นอนอีก รู้หรือไม่ว่า… ข้าจะดับเทียนเข้าหอแล้ว”
สิงเจียซือหยิกเนื้อนุ่มที่เอวลู่ฉาวอวี่ นางถลึงตามองเขาด้วยความโมโห
ลู่ฉาวอวี่เพียงแค่ขู่ เขาจะทำเรื่องบุ่มบ่ามเช่นนั้นยามที่ภรรยาป่วยได้อย่างไร?
วันถัดมา ลู่ฉาวอวี่ไม่ได้ไปที่สำนักตรวจการแต่รั้งอยู่กับสิงเจียซือ รอจื่ออิงอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
เมื่อจื่ออิงเห็นลู่ฉาวอวี่ ความประหลาดใจก็แวบขึ้นมาในดวงตา
ทว่าเมื่อนึกถึงนิสัยใจคอของคนสกุลลู่ นางก็กระจ่างแจ้งขึ้นมาหลายส่วน
แม่นางสิงผู้นี้เสียบิดามารดาไปตั้งแต่เยาว์วัย โชคชะตาเลวร้าย นึกไม่ถึงว่าจะมีโชคดีอยู่ที่นี่
“ใต้เท้าลู่ ฮูหยินน้อยเล่าเรื่องสภาพร่างกายนางให้ฟังแล้วหรือ?”
“ข้ารู้อาการของนางเร็วกว่าที่นางรู้” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ร่างกายของนางสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง ท่านเพียงรักษานางให้ดีก็พอ”
“ได้”
สิงเจียซือคว้ามือของลู่ฉาวอวี่มากุม
นางกลัว…
ลู่ฉาวอวี่ปลอบประโลม “ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอด”
จื่ออิงกำลังจะทำการผ่าตัดสิงเจียซือ มู่ซืออวี่ได้ยินจึงรีบรุดมา นางกำลังจะเข้าไป ทว่าเมื่อได้ยินว่าลูกชายอยู่ข้างในก็ไม่ได้เข้าไปอีก
มู่ซืออวี่รออยู่ด้านนอก
ลู่จื่อชิงทราบข่าวจึงรุดมาเช่นกัน
“ท่านแม่ วันนี้ก็ประกาศผลแล้ว” ลู่จื่อชิงกล่าว “อีกประเดี๋ยวข้าอยากออกไปดูหน่อย”
“ได้ เจ้าไปเถอะ” มู่ซืออวี่เอ่ย “เตรียมของขวัญให้พร้อม”
“ดูเหมือนท่านแม่ก็เห็นความสามารถของหานจือเช่นกัน”
“ข้าเห็นความสามารถของเขา ทั้งยังมองเห็นความสามารถของน้องเฉิน เจ้าเตรียมของขวัญจำไว้ว่าต้องเตรียมสองชิ้น ไม่อาจละเลยท่านน้าเจ้าได้”
“ข้ารู้แล้ว”
หนึ่งชั่วยามต่อมา ประตูเปิดออก สาวใช้ผู้หนึ่งถืออ่างเลือดออกมาจากข้างใน
เมื่อเห็นเลือด มู่ซืออวี่พลันขมวดคิ้ว แล้วเอ่ย “บอกห้องครัว ระยะนี้ให้เตรียมน้ำแกงบำรุงร่างกายเพิ่มให้ฮูหยินน้อยด้วย”
“พี่สะใภ้ข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถามสาวใช้
“พระชายา คุณหนู ฮูหยินน้อยไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าว “ทักษะทางการแพทย์ของแม่นางจื่ออิงยอดเยี่ยมยิ่ง ของถูกเอาออกมาแล้ว เพียงแต่ฮูหยินน้อยยังหมดสติ ยาหมดฤทธิ์แล้วถึงจะตื่นเจ้าค่ะ”
เสียงของจื่ออิงดังมาจากข้างใน คงกำลังกำชับลู่ฉาวอวี่ถึงสิ่งที่ต้องระวังหลังการผ่าตัด