ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 130

ตอนที่ 130

ตอนที่ 130 คมดาบวายุ

ปราณดาบปกคลุมท้องฟ้าโจมตีลงไปยังยอดฝีมือทั้งสี่คนที่เหลืออยู่

“โอหังนัก!”

” ตายซะ!”

ทุกคนหันไปโจมตีหลินเซวียน

ผู้คนที่ชมอยู่ต่างคิดว่าหลินเซวียนเล่นใหญ่เกินไป ทั้งสี่คือยอดฝีมือแนวหน้าของสํานักตนเอง มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะชนะ

แต่หลินเซวียนไม่ได้คิดจะสู้จริงจังอยู่แล้ว ร่างของเขาสั่นไหว จากนั้นร่างเงามากมายได้ปรากฏขึ้น

ร่างเงาเหล่านั้นเหมือนจริงจนผู้คนไม่สามารถจําแนกได้ว่าไหนคือตัวจริง

“วิชากระจอกของพวกแมลงถ้ำ!” หว่านเจี้ยนซิงเย้ยหยันขณะเหวี่ยงดาบออกไป มันราวกับอุกกาบาตพุ่งลงมายังพื้นโลกขณะโจมตีร่างเงาของหลินเซวียนน

พุบ! พุบ! พุบ!

ร่างเงามากมายถูกฟันกลายเป็นกลุ่มควันทันที

ร่างเงาที่เหลือเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ

“ข้าว่าแล้ว ไม่มีใครต้านการโจมตีของสี่ยอดฝีมือนี้ได้หรอก!” ศิษย์มากมายต่างเย้ยหยันขณะมองการต่อสู้

แต่เมื่อถึงร่างเงาสุดท้าย มันกลับไม่ใช่หลินเซวียนตัวจริง

หว่านเจี้ยนซิงเผยท่าที่มืดดําขณะมองขึ้นไปบนฟ้า

บนอากาศ หลินเซวียนราวกับวิหคทะยาน ใต้เท้าของเขามีแสงสีเขียวปรากฏอยู่ เขากําลังมุ่งไปยังยาเม็ดห้าสี

“บัดซบ หลอกพวกเรางั้นเรอะ!” อ้วนเฟยมองหลินเซวียนด้วยดวงตาที่โกรธจัด

หลินเซวียนคว้ายาเม็ดห้าสีและส่งให้เซียนสุราทันที

จากนั้นเขาได้พลิกตัวพร้อมวิ่งหนี

” ตามมันไป อย่าให้มันหนีไปได้”

หว่าเจี้ยนซิงและอ้วนเฟยไล่ตามเขาไปอย่างฉุนเฉียว

ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ หลินเซวียนไม่ได้คิดจะสู้กับพวกเขาอยู่แล้ว เป้าหมายของเขาคือยาเม็ดห้าสีเท่านั้น

” หลินเซวียน หยุดนะ!”

“กล้าดียังไงมายั่วพวกเรา?”

หว่านเจี้ยนซิงและอ้วนเฟยตะคอกตามมา

“ฮ่าฮ่า!” หลินเซวียนหัวเราะ “อย่าพูดให้ขําน่า ข้าสามารถล้มพวกเจ้าได้ด้วยมือข้างเดียวด้วยซ้ำ!”

“โอหังนัก!”

“ข้าโกรธจริง ๆ แล้ว!”

ทั้งสี่คนตะโกนตามมา แต่ก็ไม่สามารถทําอะไรได้ หลังจากเข้าไปในเขตอาคมของสวนสมุนไพร ความเร็วของพวกเขาก็ตกลงทันที แต่หลินเซวียนกับรวดเร็วขึ้น

“บัดซบ ทําไมมันถึงเร็วนัก!”

“มันรู้ที่ตั้งของเขตอาคมสั้นหรือ?”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินเซวียนจึงค่อย ๆ ลดความเร็วลงและค่อย ๆ เดินอยู่ในสวนสมุนไพร ขณะเดียวกัน เขาได้หาสมุนไพรระหว่างทางไปด้วย

ด้วยคําแนะนําของเซียนสุรา หลินเซวียนเก็บสมุนไพรไปได้อีกมาก

“ไม่ หากไปต่อ พวกเราจะต้องโดนกับดักแน่!” หว่านเจี้ยนซิงกล่าวด้วยท่าทีสงบลง ”นอกจากจะไม่ได้ตัวเขาแล้ว พวกเรายังจะเสียพลังวิญญาณไปด้วย”

อีกสามคนที่ได้ยินจึงหยุดไล่ตาม พวกเขาสงบลงและมองไปทางหลินเซวียนอย่างเย็นชา

มันยังไม่ต้องรีบร้อนที่จะสู้กับหลินเซวียน

หลินเซวียนเองก็หาได้กลัวพวกเขา ถึงแม้พวกเขาจะร่วมมือกัน เขาก็สามารถตอบโต้กลับได้

หลังจากทั้งสี่จากไป หลินเซวียนก็ไม่ได้รีบกลับ เขาตั้งจุดกําบังไว้ที่สวนสมุนไพรและเริ่มบ่มเพาะพลัง

มันมีสมุนไพรวิญญาณมากมายที่นี่ เซียนสุราสามารถนํามันมากลั่นเพื่อทําสุราได้

หลังจากนั้นเขาจึงนั่งลงและเริ่มตื่นสุรา

เขตอาคมที่นี่ราวกับเกราะกําบังทางธรรมชาติ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถมองเห็นมันได้จึงไม่สามารถเข้ามา

หลังจากดื่มสุราวิญญาณไปแล้ว หลินเซวียนก็ค่อย ๆ ปิดตาลงเดินพลัง

สองวันต่อมา หลินเซวียนได้ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ที่นี่ ทั้งฝึกฝน เก็บสมุนไพร และหาอาหาร

อีกด้านหนึ่งของราชวังโลหิต ศิษย์มากมายกําลังเก็บเกี่ยวโอกาสของตนอยู่

ในห้องลับ มู่หรงเฉียนหลิงกําลังถือหนังสือเก่าแก่พร้อมมองอย่างตื่นเต้น

ในห้องถัดไปไม่ไกลจากนาง เจิ้งจอิ่นกําลังถือขวดยาอยู่ในมือพร้อมยิ้มกว้าง เหมือนกับหลินเซวียน เขาได้กลืนมันและนั่งทําสมาธิทันที

หลิงเฟิงเองก็ได้บางอย่าง มันคือขวดหยกสองสามขวด ศิษย์ตระกูลหลิงต่างพากันดีใจ

บรรดาผู้อาวุโสของแต่ละที่ต่างก็รอด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อ

“ครึ่งเดือนแล้วสินะ ข้าไม่ทราบว่าพวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง?” ดวงตาผู้อาวุโสต้วนมู่จากสํานักชวนเทียนเปล่งประกาย

” ด้วยพลังของพวกเขา ตอนนี้น่าจะเข้าไปถึงราชวังโลหิตแล้ว” ผู้อาวุโสสานักดอกบัวกล่าวขณะลูบเครา “ไม่รู้ว่าจะมีใครได้มรดกสืบทอดภายในนั้นหรือเปล่า”

“ยาก!” ผู้อาวุโสหลายคนถอนหายใจ

“ถึงแม้จะไม่ได้มรดก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย” ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากตระกูลหลิงกล่าว “เฟิงเอ๋ออยู่ขั้นสมุทรวิญญาณระดับกลางขั้นสาม เขาจะต้องเข้าหนึ่งร้อยอันดับแรกของเทียบอันดับมังกรแฝงได้แน่หากบรรลุขั้นสมุทรวิญญาณระดับสูง!”

ผู้อาวุโสมากมายต่างมองไปยังประตูวังวนตรงหน้าอย่างตื่นเต้น มีเพียงผู้อาวุโสสํานักเมฆาม่วงที่ยังอยู่เงียบ ๆ โดยไม่มีใครทราบว่าเขาคิดอะไรอยู่

ผู้อาวุโสตระกูลหลิงมองผู้อาวุโสต้วนมู่ของสํานักซวนเทียน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “หากไม่มีอะไรผิดพลาด ศิษย์นักดาบของเจ้าต้องตายในนั้นแน่!”

“ไม่ว่าจะเป็นใคร หากกล้ามาหาเรื่องตระกูลหลิง มันผู้นั้นต้องตาย!”

ภายในราชวังโลหิต หลินเซวียได้เปิดตาขึ้น ขั้นพลังของเขาเข้าสู่ขั้นสมุทรวิญญาณขั้นต้นระดับสามแล้ว และในไม่ช้าคงเข้าสู่ขั้นกลาง

เวลานั้นเขาจะไม่กลัวใครอีก

เซียนสุราใช้ยาเม็ดห้าสี่ช่วยเพิ่มพลังวิญญาณของเขา ซึ่งมันได้ผลดีมาก

“เด็กหนุ่มคนนั้นกําลังรอเจ้าอยู่!” เซียนสุรากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

หลินเซวียนมองไปอีกทางและพบว่ามีคนอยู่ตรงนั้น มันคืออ้วนเฟยกําลังมองมาอย่างเย็นเยือก

” ขยับแขนขาหน่อยละกัน” หลินเซวียนดูสงบมาก ร่างของเขากลายเป็นสายฟ้าพุ่งออกไป

“กล้าสู้กับข้าตรง ๆ งั้นเรอะ!” เสียงของอ้วนเฟยดังขึ้น

” แล้วทําไมข้าต้องไม่กล้า?” หลินเซวียนหาได้กลัวไม่

“ดี!” อ้วนเฟยหัวเราะพร้อมปล่อยหมัด

ลมกรรโชกอันรุนแรงได้พุ่งออกมา

หลินเซวียนแยกเงาดาบออกรอบด้าน มันกระทบกับกําปั้นของอ้วนเฟยดังราวกับโจมตีเหล็ก

“แข็งมาก!”

หลินเซวียนชะงักเล็กน้อย หมัดของอ้วนเฟยแข็งกว่าโลหะ ดาบธรรมดาบไม่สามารถทําอะไรเขาได้

สมแล้วที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม หลินเซวียนถึงกับเปล่งประกาย ขณะเดียวกัน ดาบของเขาได้เพิ่มพลังขึ้น คมดาบอันน่าสะพรึงได้เผยประกายสีทองและเขียวออกมา

” รับดาบข้า!”

อากาศรอบด้านกลายเป็มคมดาบวายุพุ่งไปยังอ้วนเฟย

”ร่างทองคํา!”

อ้วนเฟยตะโกนขึ้น จากนั้นประกายแสงสีทองได้ห่อหุ้มรอบตัวเขา

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของเขาได้กลายเป็นทองคําส่องแสงราวกับดวงอาทิตย์

ขณะเดียวกัน ปราณดาบสายลมของหลินเซวียนได้ฟาดฟันเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

Status: Ongoing

ลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้

ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม

ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน!

หนึ่งดาบทะลวงดารา!

หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน!

หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท