ตอนที่ 743 นาง…นางยังมีชีวิตอยู่หรือ
เหตุใดจักรพรรดิเหยาจึงเลือกสัตว์อสูรเป็นสัญลักษณ์แห่งกฎหมายแทนที่จะเป็นมนุษย์ คำถามนี้ช่างแทงใจดำจริงๆ!
เซี่ยจื้อตะลึงค้างครู่หนึ่ง ราวกับตกอยู่ในภวังค์ความคิด แต่แล้วมันก็รีบดึงสติกลับมาทันใดและคำรามต่ำ “น่าตายนัก เจ้าต้องการทำลายมโนธรรมของข้า!”
โจวเจ๋อเหลือบมองมันและแสดงท่าทีคร้านจะสนใจมันอีก ความรู้สึกนี้เหมือนกับผู้ใหญ่ที่มองดูเด็กซุกซนคนหนึ่ง
ตอนนั้นอิ๋งโกวเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับจักรพรรดิเหลือง สู้กับชือโหยว ทำลายจิ่วหลี วางโครงสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอนาคต แต่หลังจากนั้นล่ะ เมื่อหมดประโยชน์แล้วก็กำจัดทิ้ง เหมือนเมื่อใดที่ยิงนกแล้วก็เก็บธนูไว้ไม่ใช้อีก เมื่อได้กระต่ายแล้วก็เอาสุนัขล่าเนื้อมาฆ่ากิน
บุคคลที่ดูเหมือนจะสูงส่ง แต่เมื่อไปถึงตำแหน่งนั้นแล้ว บอกตามตรงว่า นิสัยใจคอไม่ได้แตกต่างอะไรกับจักรพรรดิรุ่นหลังในโลกมนุษย์ที่เล่นเกมอำนาจเหล่านั้นเลย
เพียงแต่ของพรรค์นี้ อิ๋งโกวไม่อยากจะไปคิด ไม่อยากจะไปยุ่งวุ่นวายกับมัน มันผ่านไปแล้ว อดีตประหนึ่งควัน บางครั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบพบเจอในชีวิตก็เหมือนกับเป็นลิขิตฟ้าจริงๆ
แน่ละว่า เขาไม่มีทางเอ่ยความรู้สึกทอดถอนใจพวกนี้ออกมา เขาอิ๋งโกวจะไม่ทำตัวเหมือนคนแก่ที่นั่งก๊งเหล้าเมาและรู้สึกเสียใจสงสารตัวเองบนโต๊ะแบบนั้นตลอดไป
โจวเจ๋อยื่นมือไปตบหน้าเซี่ยจื้อและพูดว่า “เลือก…วิธี…กิน…มา…สิ…”
ตัวเลือกเดิมๆ คำถามเดิมๆ เพิ่งจะถามไปได้ไม่นาน และเพิ่งจะกินไปได้ไม่นาน คราวนี้ดันโผล่มาส่งของให้ถึงที่ รู้สึกเกรงใจจริงๆ แต่ก็ยังต้องให้เกียรติเล็กน้อย ถึงอย่างไรคนเขาก็สุภาพขนาดนี้ ก่อนจะเอาขึ้นโต๊ะก็ควรต้องถามความคิดเห็นของคนอื่นเขาเสียก่อน
ใช่แล้ว โจวเจ๋อถือว่าสิ่งนี้คือ ‘การให้เกียรติ’
“เหอะๆ…” เซี่ยจื้อแย้มปากฉีกยิ้ม “ถือเป็นเกียรติและพระคุณอย่างยิ่งจริงๆ” น้ำเสียงอัดแน่นไปด้วยการเสียดสี
“หรือ…ว่า…เจ้า…จะ…บอก…ข้า…ก็…ได้…ว่า…รัง…ของ…เจ้า…อยู่…ที่…ใด…”
“…” เซี่ยจื้อ
ความหมายก็คือถามเจ้าว่า ตัวจริงของเจ้านอนหลับใหลอยู่ที่ใด รบกวนให้เจ้ามาส่งถึงที่บ่อยๆ รู้สึกเกรงใจเกินไปแล้ว ครั้งหน้าให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง
เซี่ยจื้อลังเล ใช่แล้ว มันลังเล วิญญาณมีรูปแบบความคิดและความรู้สึกส่วนใหญ่ของร่างจริงอยู่ ชั่ววินาทีนี้เอง ความลังเลของมันสามารถอธิบายท่าทีของมันที่มีต่อเรื่องนี้ได้ แม้ว่าตอนนี้ชายตรงหน้าคนนี้จะอ่อนแอมาก แม้ว่าตอนนี้ชายตรงหน้าคนนี้กำลังดิ้นรนเพื่อต่อลมหายใจ แต่จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าบอกตำแหน่งตัวจริงของมันกับเขา เกรงว่า…
มันพบว่าตัวเองกลัว มันที่มีลักษณะนิสัยแข็งกร้าวปกติแล้วก็ควรจะบอกเขาไปตรงๆ จากนั้นในอนาคตก็ปล่อยให้ร่างจริงของมันสู้กับเขาสักยก ยุติบุญคุณและความแค้นในตอนนั้น แต่มันไม่ได้ทำ
โจวเจ๋อยิ้มหยัน “ช่าง…เถิด…”
“ฮู่ว…” เซี่ยจื้อ
“ตัว…ข้า…หา…เอง…ก็…หา…รัง…สุนัข…ของ…เจ้า…จน…เจอ…แน่”
“…” เซี่ยจื้อ
โจวเจ๋อยกฝ่ามือขึ้นแล้วมองปลายนิ้วเปลือยเปล่าพลางส่ายหัวเล็กน้อย ตอนสุนัขปลาเค็มเฝ้าบ้านต่อสู้นั้นช่างไม่ใส่ใจเลยจริงๆ ถ้าสู้ตามวิธีการสู้ของเขาแบบนี้ ตอนที่ตัวเองต่อสู้กับจิ่วหลีในตอนแรกก็คงจะตายสิ้นซากไปนานแล้ว จะมีปัญหาเรื่องทำผลงานสูงส่งจนเจ้านายหวาดระแวงได้อย่างไรกัน
ตอนนี้เล็บงอกออกมาไม่ได้ชั่วคราว แต่ตรงปลายนิ้วทั้งห้าของโจวเจ๋อยังมีไอหมอกสีดำปรากฏอยู่ แม้ว่ารูปร่างจะเอาแน่เอานอนไม่ได้เล็กน้อย แต่ก็สามารถใช้เป็นเล็บได้ จากนั้นก็ชี้ทั้งห้านิ้วไปที่หน้าของเซี่ยจื้อ
เซี่ยจื้อจ้องเขม็ง “เขาก็จะตายเหมือนกัน!”
นี่เป็นการเตือนครั้งที่สองของมัน ด้วยความสูงส่งและศักดิ์ศรีของเซี่ยจื้อ มันไม่อาจทำเรื่องที่เป็นการเอาชีวิตของเหล่าจางมาข่มขู่เพื่อแลกกับชีวิตของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเป็นตัวตนของเหล่าจางด้วยแล้ว
ตรงจุดนี้เจ้าโง่นี่ก็เข้าใจดี แต่ด้วยนิสัยของเจ้าโง่ สิ่งที่ไม่อยากคิดมากที่สุดก็คือปัญหา ข่มขู่ไปคุกคามมา ทั้งเสียเวลาและปวดสมอง
ประเภทที่ฉันมีตัวประกันอยู่ในมือ วางปืนลง!
คุณรีบยิงสิ! ไม่ต้องห่วงฉัน รีบยิงเร็วเข้า!
ละครประเภทนี้แม้แต่เจ้าสุนัขปลาเค็มเฝ้าบ้านของเขายังขี้เกียจจะดู อย่างนั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเขาเองเลย
เหอะ
นอกจากนี้อิ๋งโกวยังพบเรื่องน่าสนุกมากอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อก่อนทุกครั้งที่ตัวเขาอยากจะทำอะไรสักอย่าง แม้ว่าจะครองร่างกายอยู่ก็ตาม แต่เจ้าปลาเค็มก็ยังสามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาได้เหมือนเดิม มันก็เหมือนกับเหล่าจางที่ต่อต้านเซี่ยจื้อในร่างของตัวเองก่อนหน้านี้ แต่ทว่าคราวนี้เขากลับเงียบมาก
หน้าเนื้อใจเสือนี่นา ตัวเองรู้สึกว่ามันยุ่งยากก็เลยทิ้งไว้ให้ข้ามาจัดการง่ายๆ อย่างนี้เลยสินะ คล้ายกับงูตัวน้อยที่อยู่ในทะเลตัวนั้น มันใช้ข้าเป็นถุงมือสีขาวของมัน
ความคิดเหล่านี้เป็นแค่ความคิดเพียงชั่วขณะ อิ๋งโกวไม่ได้สนใจมัน มือของเขายังคงกดลงอย่างช้าๆ
“ข้าสามารถตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างจิตวิญญาณที่แบ่งออกมานี้กับร่างจริง แล้วมอบมันให้เขาได้” ทันใดนั้นเซี่ยจื้อก็เอ่ยปาก
โจวเจ๋อชะงักมือ ไม่กดลงไปต่อ
“เจ้าเลือกเองสิว่าจะกินข้า หรือว่าจะมอบจิตวิญญาณนี้ให้เขา”
โจวเจ๋อแปลกใจเล็กน้อย เงยหน้าอย่างช้าๆ และพูดว่า “เพราะ…อะ…ไร…”
“เพราะว่าเขาเป็นตำรวจน้ำดีคนหนึ่ง”
“เหอะ…”
“เจ้า…คู่…ควร…กับ…การ…เอ่ย…พูด…เช่น…นี้…หรือ…”
“ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามองข้าเป็นอย่างไร ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องในตอนนั้น แต่โลกนี้อยู่ไม่ได้หากไร้กฎเกณฑ์ ข้า…”
“ข้อ…อ้าง…”
“ได้ แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นสัตว์อสูรผดุงธรรม แม้ว่าจะตายก็ต้องตายอย่างมีคุณค่าสักหน่อย เป็นไปไม่ได้ที่จะลากเขาไปฝังพร้อมกันใช่ไหมเล่า ข้าเป็นสัตว์อสูรผดุงธรรม ข้าไม่ทำเรื่องพรรค์นี้!”
“ข้า…อยาก…กิน…”
สองครั้งก่อนเป็นร่างแยก ครั้งนี้เป็นวิญญาณ รสชาติจะต้องอร่อยยิ่งขึ้นแน่นอน
“ข้าไม่ได้ให้เจ้าเลือก!” เซี่ยจื้อจ้องตาโจวเจ๋อเขม็งและคำราม “ข้าให้เขาเลือก!”
โจวเจ๋อหรี่ตาลงเล็กน้อย ชั่วเวลานี้ อารมณ์โกรธโมโหเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา หมายความว่าอย่างไร ไม่ให้ข้าเลือก แต่จะให้สุนัขของข้าเลือกงั้นหรือ
ในสายตาของเจ้าใครคือเจ้านายที่แท้จริง!
แต่ทว่าความโกรธปรากฏเพียงชั่วครู่และหายวับไปทันที รอยยิ้มเย้ยหยันประดับบนริมฝีปากของโจวเจ๋อ พลางมองเซี่ยจื้อที่สยบอยู่แทบเท้าตัวเอง “ยุ…แยง…ตะ…แคง…รั่ว…”
สีหน้าเซี่ยจื้อฉายแววสุดเหลือเชื่อ และพูดด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว เจ้าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ” เจ้าไม่ใช่อิ๋งโกวที่พุ่งเข้ามาหักเขาข้างหนึ่งของข้าเหมือนในตอนแรกเริ่มอีกต่อไปแล้ว…
“ข้า…ไม่…ได้…เปลี่ยน…”
“เจ้าเปลี่ยน…อื้อๆ อื้อๆ!”
มือของโจวเจ๋ออุดปากของเซี่ยจื้อ จากนั้นสายตามองไปยังหน้าอกของเซี่ยจื้อและพูดขึ้น “ตา…เจ้า…แล้ว…”
ภายใต้การสยบจากความช่วยเหลือของโจวเจ๋อ ปากกาพิฆาตทะลวงผนึกที่เซี่ยจื้อทำกับมันก่อนหน้านี้ แสงสีแดงราวกับลายทางสายแล้วสายเล่าแผ่กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ และค่อยๆ ปกคลุมทั่วร่างกายของเซี่ยจื้อไว้
เซี่ยจื้อถูกโจวเจ๋ออุดปากก็ไม่ได้ดิ้นรนต่อไป ในแววตากลับฉายแววโล่งใจ ขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มคลายการป้องกันของตัวเองให้พลังของปากกาพิฆาตไหลเข้ามาโดยตรง มันในเวลานี้ดูเหมือนทั้งตัวจะถูกแยกครึ่ง พลังของปากกาพิฆาตเริ่มบุกทะลวงเข้าไปในร่างกายนี้ตลอดไปจนกระทั่งวิญญาณในร่างกายนี้อย่างรวดเร็ว!
เมื่อไรก็ตามที่ปล่อยให้ปากกาพิฆาตทำงานนี้เสร็จสิ้น ตราบใดที่มันอยู่ในร่างกายนี้ เซี่ยจื้อก็ไม่มีทางที่จะพลิกคลื่นลูกใหญ่ได้!
อิ๋งโกวในตอนแรกก็ถูกปากกาพิฆาตผนึกเอาไว้จนน่าหงุดหงิดใจ แล้วนับประสาอะไรกับเจ้ารุ่งเรืองเล่า
โจวเจ๋อก้มหน้าลงมองมันต่อไปและพยักหน้าเล็กน้อย นี่เป็นการกระตุ้นเร่งเร้าให้มันตัดการเชื่อมต่อระหว่างตัวมันกับร่างจริงให้เร็วๆ
การกระทำทั้งหมดนี้ พื้นฐานของทั้งหมดนี้ จริงๆ แล้วล้วนตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าร่างจริงของเซี่ยจื้อไม่รู้สถานการณ์ที่นี่ แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ร่างจริงจะมาด้วยตัวเอง แต่ในเวลานี้ไม่เหมาะจะไปเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าในสมัยนั้นจริงๆ
เซี่ยจื้อพยักหน้าแล้วส่งเสียง ‘อื้อๆ อู้อี้’ อีกครั้ง มันอยากพูดคุย โจวเจ๋อคลายมือออก เซี่ยจื้อจึงถอนหายใจเฮือกแล้วเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่าพวกเราจะได้พบกันอีก”
โจวเจ๋อไม่สนใจและเมินเฉยต่อมัน
เซี่ยจื้อกลับไม่รู้ตัวว่าถูกมองข้ามไปจึงพูดต่อ “แม้ว่าในตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนนับไม่ถ้วน ข้าจะไม่เคยไปเหยียบนรกอีกเลยก็ตาม แต่ข้ารู้ว่าท้องฟ้าในนรกนี้กำลังจะเปลี่ยนไป พระกษิติครรภโพธิสัตว์ต่างกับเชื้อสายไท่ซานฝู่จวินในตอนแรก ไท่ซานยืนค้ำฟ้าค้ำดินอยู่ตรงนั้น แต่พระโพธิสัตว์รูปนั้น แค่อยากวางรูปปั้นเทพอีกชิ้นหนึ่งบนแท่นบูชาที่ว่างอยู่ของเขา เพื่อง่ายต่อการที่เขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อนและกราบไหว้บูชาต่อไป หยินเปลี่ยนแล้ว หยางจะตามหลังอยู่อีกไกลหรือไม่”
โจวเจ๋อยังคงเมินเฉยต่อ เขารู้เรื่องพวกนี้หมดแล้ว ไม่นานมานี้เขาก็เพิ่งลงไปเยือนนรกมา โดยเฉพาะการกระทำของพญายมราชที่พนมมือสวดพระนามพระพุทธเจ้า ยิ่งกระตุ้นเสียจนเกือบจะทำให้เขาเป็นบ้า นรกอันสดใสเจิดจ้าตกต่ำลงถึงเพียงนี้!
“กลุ่มคนที่ตายไปในสมัยนั้น เจ้าคิดว่าจะมีสักกี่คนที่สามารถโชคดีอยู่รอดได้เหมือนเจ้า ถ้าครั้งนี้เกิดขึ้นอีกรอบ เจ้าจะยังฟื้นตัวกลับมาเป็นเช่นเดิมได้หรือไม่ ต่อให้ฟื้นคืนแล้ว เจ้ายังจะกล้ายืนอยู่ข้างหน้าต่อหรือไม่ เจ้ากล้างั้นหรือ”
โจวเจ๋อก็ยังเลือกเมินเฉยเช่นเดิม ขณะเดียวกัน โจวเจ๋อมองดูเถาวัลย์ที่ชายคาหน้าต่างด้านหน้าแล้วพูดว่า “ส่ง…มา…”
เถาวัลย์สั่นสะท้านเล็กน้อย ไม่นานเถาวัลย์ก็พันรัดตัวเจ้าฮวาหูเตียวจากลานข้างบ้านส่งไปที่ด้านหน้าโจวเจ๋อ ฮวาหูเตียวยังมึนงง แม้ว่าจะเบิกตากว้างแล้ว แต่สีหน้ายังไม่คืนสติ เมื่อกี้โดนโจวเจ๋อฟาดไปหลายทีคงเป็นการทุบตีที่รุนแรงจริงๆ
นิ้วของโจวเจ๋อวางลงบนท้องของฮวาหูเตียว ร่างของฮวาหูเตียวสั่นเทิ้ม ดวงตาเริ่มเพ่งมองโจวเจ๋อที่อยู่เหนือหัวของมัน ดวงตาของมันฉายแววหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง ขณะเดียวกันยังระคนไปด้วยความสงสัย คล้ายกับขบคิดว่าคนคนนี้ดูเหมือนจะต่างออกไปเล็กน้อย
โจวเจ๋อไม่รีบร้อนผนึกฮวาหูเตียว แต่กลับจับหูฮวาหูเตียวคล้ายกับดึงหูกระต่ายขึ้น ฮวาหูเตียวเวียนหัวติ้วๆ และไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านแล้ว อีกทั้งไม่รู้ว่าทำไม คราวนี้เมื่อโจวเจ๋อทำแบบนี้อีกครั้งนึกไม่ถึงว่ามันไม่รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย กระทั่งยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เดิมทีก็ควรจะเป็นเช่นนี้!
โชคดีที่ฮวาหูเตียวตัวนี้ค่อนข้างโง่และไร้เดียงสา หากจู่ๆ ผู้ใหญ่ทั่วไปมีความคิดและความรู้สึกเช่นนี้ อาจจะเกิดความสงสัยในตนเองอย่างลึกซึ้งทันที
โจวเจ๋อยกฮวาหูเตียวมาไว้ตรงหน้าเซี่ยจื้อแล้วเอ่ยว่า “ดู…สิ…มัน…เป็น…สัตว์…ของ…ใคร” ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจเล็กน้อย ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจ แต่ใครจะรู้ว่าสุนัขเฝ้าบ้านที่ชอบเก็บขยะมาไว้ในบ้านของเขาตัวนั้นจะเก็บของดีๆ มาได้จริงๆ
เดิมทีแววตาของเซี่ยจื้อราบเรียบ แต่พอผ่านไปได้ครู่หนึ่ง จู่ๆ อารมณ์ของมันก็หลุดออกจากการควบคุม คล้ายกับเห็นผีเสียอย่างนั้น และพูดด้วยความตกใจ “นาง…นางยังมีชีวิตอยู่!”
…………………………………………………………………….