บทที่ 548 เซี่ยชิงหยวนโกรธ
บทที่ 548 เซี่ยชิงหยวนโกรธ
ไก่ป่าตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้น เหยียดขาตรง พลางส่งเสียงครวญครางครั้งสุดท้ายออกมาจากลำคอ
จู่ ๆ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกราวกับว่าตัวเธอนั้นโหดร้าย
หลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลินวิ่งลงไปตามเนินเขาพร้อมเสียงหอบหายใจอันดัง ก่อนจะหายใจออกเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าเป็นเซี่ยชิงหยวน
เสิ่นอี้หลินดูเหมือนจะโอบอะไรบางอย่างไว้ในอ้อมแขนของเขา เด็กชายวิ่งลงมาไม่กี่ก้าว แตะไก่ที่ตายแล้วบนพื้น และเอ่ยว่า “ดูสิว่าแกยังวิ่งได้อยู่ไหม?”
เขายิ้มให้เซี่ยชิงหยวน และเปิดกระเป๋าเสื้อของตนราวกับกำลังจะแบ่งความดีความชอบ “พี่สะใภ้ ดูสิ พวกเราเก็บไข่ไก่ป่ามาได้เยอะมากเลย!”
ในตอนที่เขาไปไล่ตามจับไก่ป่า ก็ไปพบรังไก่ป่าเข้า ซึ่งมีไข่ไก่ป่าหลายสิบฟองอยู่ในนั้น
ไข่ไก่ป่ามีขนาดเล็กกว่าไข่ไก่ทั่วไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นสีน้ำเงินแกมเขียว ทั้งยังมีสีน้ำตาล สีเทา และสีขาว
ไก่ป่ามีขนาดเล็กกว่าไก่บ้านเล็กน้อย แต่มีหางที่ยาวกว่ามาก
ขนของไก่ป่าตัวมีสีสดใส ที่แผงคอมีขนสีขาวเป็นวงกลม ขนหางยาวและมีแถบสีลายขวาง ส่วนตัวเมียมีขนสีเข้ม ส่วนใหญ่มักเป็นสีน้ำตาลและสีเหลืองอมน้ำตาล มีจุดสีดำปะปน และมีหางสั้นกว่า
ไก่ป่าที่นอนอยู่บนพื้นนี้เป็นไก่ตัวผู้
หลินตงซิ่วกำลังลงมาจากเนินเขาเช่นกัน บนตัวของเธอมีเด็กสองคนอยู่จึงก้าวเดินได้ไม่เร็วนัก
เมื่อเธอเห็นเซี่ยชิงหยวน สีหน้าก็พลันกระอักกระอ่วน
เธอขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับเด็กสองคน ซ้ำยังจับไก่ป่าอีก หากเธอล้มลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่เด็กคนข้างหน้าก็คนข้างหลังคงได้รับบาดเจ็บ
เซี่ยชิงหยวนเองย่อมสังเกตเห็นท่าทีของหลินตงซิ่วได้โดยธรรมชาติ
คำพูดที่อยากจะว่ากล่าวตำหนิพลันพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
ถึงกระนั้น ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนก็เย็นเยียบอยู่เล็กน้อย “แม่คะ”
นี่เป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลาอันยาวนานที่เห็นเซี่ยชิงหยวนมีท่าทีเช่นนี้
หลินตงซิ่วพยายามอธิบายว่า “คือ… ตอนแรกเราตั้งใจจะมาเก็บผักป่าที่เชิงเขา แต่ว่าไก่ป่าตัวนี้ก็วิ่งลงมาจากภูเขา เราก็เลยพูดคุยกันว่าพอจะจับมันได้หรือเปล่าน่ะ”
ไม่ต้องพูดถึงในฤดูใบไม้ผลิ แม้ในเวลาปกติทั่วไปก็มักพบเห็นไก่ป่าตามเชิงเขา
เพียงแต่ไก่ป่ามีความว่องไวมาก จึงยากที่คนจะจับได้
เสิ่นอี้หลินเองก็สัมผัสได้ว่าเซี่ยชิงหยวนอาจจะโกรธ จึงปริปากเอ่ยเสียงอู้อี้ “พี่สะใภ้ พวกเรากลับไปต้มซุปไก่ให้ทิงหลาน ทิงอวิ๋นดื่มกันเถอะครับ”
เมื่อมองดูดวงตาที่สดใสของเสิ่นอี้หลิน เซี่ยชิงหยวนจึงเอื้อมมือออกไปแตะปลายจมูกของเขาพลางกล่าวว่า “เธอนี่นะ” อย่างช่วยไม่ได้
หญิงสาวปัดดินและเศษวัชพืชบนก้นของเขา “อย่าทำแบบนั้นอีกนะ มันอันตรายมากรู้ไหม?”
บนภูเขาของมณฑลอวิ๋นนั้นมีป่าไผ่หลายแห่ง จึงมีไม้ไผ่ที่หักหรือถูกตัดจนเหลือเพียงรากซึ่งแหลมคมอย่างยิ่ง หากบังเอิญสะดุดล้มทับไม้ไผ่พวกนั้นในขณะไล่ล่าไก่ป่า ผลที่ตามมาย่อมเกินจะจินตนาการได้
เสิ่นอี้หลินเมื่อลองหวนคิดกลับไปก็ตระหนักถึงอันตราย เด็กชายจึงเกาหัวอย่างรู้สึกผิด “เป็นผมเองครับที่เห็นไก่ป่าแล้วไล่ตามไป แม่แค่ตามมาช่วยผมจับมัน จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแน่นอนครับ”
เขาชี้ไปยังไก่ป่าที่อยู่บนพื้น “พี่สะใภ้ มื้อเที่ยงเรากินไก่กันนะ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้ารับ “อื้ม”
เธออุ้มเสิ่นทิงหลานมาจากแผ่นหลังของหลินตงซิ่วแล้วเอ่ย “แม่คะ กลับบ้านกันเถอะ”
เมื่อหลินตงซิ่วเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ได้ตำหนิอะไรมากนัก หัวใจที่หนักอึ้งจังผ่อนคลายลง ก่อนเอ่ยตอบอย่างร่าเริง “จ้ะ”
จากนั้นจึงรีบตามหญิงสาวไป
เธอขยิบตาให้เสิ่นอี้หลิน และบอกให้เขาไปเก็บไก่ป่าที่อยู่บนพื้น
เสิ่นอี้หลินหดคอของเขา ก่อนจะรีบไปหยิบไก่ป่ามาอย่างว่องไวแล้วจากไป
…
ระหว่างทางกลับบ้าน เซี่ยชิงหยวนเอาแต่ครุ่นคิดหาวิธีปรับปรุงสภาพครอบครัวของเธอในช่วงเวลาสั้น ๆ และแม้ในขณะที่เธอกำลังตุ๋นซุปไก่ คิ้วของเธอก็ยังขมวดแน่น
เมื่อเห็นหญิงสาวเป็นแบบนี้ หลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลินก็อดไม่ได้ที่จะก้าวเท้าเบา ๆ เพราะกลัวว่าจะไปทำให้เธอโกรธ
ด้วยว่าปกติแล้วเซี่ยชิงหยวนน้อยนักที่จะโมโหโกรธา แต่หากโกรธขึ้นมาก็ทำเอาพวกเขากลัวแทบตาย
ไก่ป่ากินแมลงและผลไม้บนภูเขาเป็นอาหาร ทั้งยังใช้กล้ามเนื้อออกกำลังกายบ่อย ๆ เนื้อของพวกมันจึงแน่นกว่าไก่บ้าน เซี่ยชิงหยวนเติมน้ำในหม้อขนาดใหญ่แล้วเคี่ยวเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
อีกทั้งยังใส่เม็ดพุทราและเห็ดลงไปในน้ำซุปด้วย เวลาที่ตักใส่ชาม จะโรยต้นหอมซอยเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
ซุปไก่สีเหลือง ซึ่งมีน้ำมันสีเหลืองเข้มลอยอยู่ด้านบน พร้อมกับเม็ดพุทราสีแดงกับต้นหอมสีเขียว ดูน่ากินและน่าอร่อยอย่างยิ่ง
ก่อนที่จะเติมเกลือ เซี่ยชิงหยวนถือโอกาสใช้ประโยชน์จากซุปไก่ที่กำลังเดือด พลันใช้ทัพพีตักน้ำมันทีลอยอยู่ออก ก่อนจะตักน้ำซุปใส่ถ้วยเล็กสองถ้วยเพื่อให้ลูก ๆ
เสิ่นทิงหลานและเสิ่นทิงอวิ๋นซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ มองเซี่ยชิงหยวนที่มาป้อนน้ำซุปให้พวกเขา จึงพากันเต้นโยกตัวไปมาอย่างตื่นเต้น
เด็กน้อยทั้งสองดื่มซุปหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองเข้าไปในหม้ออีกครั้งตาละห้อย
เซี่ยชิงหยวนลูบปลายจมูกของพวกเขาพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะ “กินอีกไม่ได้แล้วนะ ไม่อย่างนั้นระบบย่อยอาหารของหนูจะจัดการมันไม่ได้ รอให้โตกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วถึงจะกินข้าวพร้อมพ่อกับแม่ได้นะ”
เสิ่นอี้โจวซึ่งกลับมาจากข้างนอก และเห็นว่าที่บ้านมีเนื้อ จึงมองดูขนไก่บนพื้นแล้วพูดว่า “จับไก่ป่าบนภูเขามาได้เหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า แล้วพยักพเยิดคางของเธอไปทางเสิ่นอี้หลินและหลินตงซิ่ว “แม่กับอี้หลินเป็นคนไปจับมาได้น่ะ”
แล้วเธอเป็นคนใช้ไม้ทุบมันตาย
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าประโยคสุดท้ายส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนของเธอเล็กน้อย จึงหยุดปากไว้
เสิ่นอี้โจวไม่รู้ความจริงจึงยกนิ้วโป้งให้ทั้งคู่ “แม่ครับ อี้หลิน สุดยอดไปเลย”
หลินตงซิ่ว “…”
เสิ่นอี้หลิน “…”
ทั้งคู่พากันก้มศีรษะด้วยความขายหน้า