บทที่ 550 ไม่อยู่บ้าน
บทที่ 550 ไม่อยู่บ้าน
เซี่ยชิงหยวนเลิกคิ้ว “เธอไม่อยากเห็นเหรอว่าไก่ฟักออกมายังไง?”
เสิ่นอี้หลินพยักหน้าโดยไม่คิด “อยากครับ!”
เขาเงียบลงครู่หนึ่ง “แต่ที่บ้านเราไม่มีแม่ไก่”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะ “ที่บ้านเราไม่มี แต่บ้านคนอื่นมี”
ในตอนที่หญิงสาวไปบ้านของเถียนกุ้ยฟางเมื่อเช้านี้ แม่ไก่ของเธอบังเอิญกำลังฟักไข่อยู่พอดี
สันนิษฐานว่าไข่ไก่ป่านี้น่าจะได้รับการปฏิสนธิแล้ว หญิงสาวจึงวางแผนว่าจะลองนำไปไว้ในเล้าไก่ เพื่อดูว่าแม่ไก่สามารถฟักลูกไก่ได้หรือไม่
พอได้ยินดังนั้น เสิ่นอี้หลินก็ไร้ซึ่งความลังเลใดอีก เขารีบวิ่งออกไปนำไข่ไก่ป่ามา
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงพาเขาไปที่บ้านของเถียนกุ้ยฟางและเล่าให้เถียนกุ้ยฟางฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
แน่นอนว่าเถียนกุ้ยฟางย่อมเห็นด้วย ทั้งยังกล่าวเสริมอีกว่า “อี้หลินของครอบครัวพวกเธอนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ คนธรรมดาทั่วไปล้วนไม่มีใครจับไก่ป่าได้เลยนะ!”
ก่อนจะตะโกนเรียกลูกชายคนเล็กที่บ้าน “หู่จือ มาเล่นกับน้องมา”
หู่จือนั้นสมดั่งชื่อเรียกขานของเขา เด็กชายท่าทางกำยำน่าเอ็นดูราวกับเสือ และมีอายุมากกว่าเสิ่นอี้หลิน 2 ปี
ทุกคนต่างบอกว่าเสิ่นอี้หลินเป็นเด็กที่มาจากในเมือง เวลาที่ได้พบเขาก็พลันรู้สึกเก้ ๆ กัง ๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เสิ่นอี้หลินเป็นฝ่ายก้าวเข้าไปจับมือของเขาอย่างเป็นธรรมชาติและสุภาพ “สวัสดีหู่จือ ฉันชื่อเสิ่นอี้หลิน จากนี้ไปเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ”
หู่จือระบายยิ้มอย่างเอียงอาย “ฉัน… ฉันชื่อหู่จือ”
จากนั้นทั้งสองก็จับมือออกไปเล่นกันข้างนอก
เถียนกุ้ยฟางตะโกนกำชับไล่หลังไปว่า “หู่จือ คอยดูแลน้องดี ๆ นะ ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยด้วย!”
หู่จือไม่ได้หันหลังมา เขาตอบเพียงว่า “เข้าใจแล้ว!”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังเด็กสองคนที่วิ่งออกไปแล้วเอ่ยว่า “พี่สาวกุ้ยฟาง ฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อถามอีกเรื่องหนึ่งน่ะค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ฟาร์มเพาะพันธุ์นี้คาดว่าจะถูกสร้างขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า และก็จะมีกำลังคนมากขึ้นในการไปช่วยซ่อมแซมขุดเจาะถนน ทางเราวางแผนที่จะจัดสรรเลี้ยงอาหารกลางวันค่ะ จึงต้องการชาวบ้านสักสองคนมาช่วยทำอาหาร โดยทางเราจะจ่ายค่าแรงให้ พี่พอจะมีแนะนำใครให้ได้บ้างไหมคะ?”
เถียนกุ้ยฟางเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา ฉันเดาว่าเมื่อฉันพูดออกไปแล้ว คนที่ต้องการมารับงานนี้คงต้องต่อแถวยาวเหยียดเลยเชียว”
เถียนกุ้ยฟางตอบรับคำขอของเซี่ยชิงหยวน และนัดวันที่จะไปตลาดในตำบลในอีกสองวันเพื่อดูว่ามีลูกเจี๊ยบและลูกเป็ดหรือไม่
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เสิ่นอี้โจวบอกกับเธอว่าเขาจะเดินทางไปนอกหมู่บ้านในอีกสองสามวัน “บังเอิญว่าทั้งผมกับหลิงเยี่ยต่างมีแผนว่าจะไปในตัวอำเภอ ด้วยเหตุนี้เราเลยจะเดินทางไปด้วยกันน่ะ”
“ในตัวอำเภอเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “นี่เป็นเพียงหนึ่งในการนำร่องเท่านั้น อีกทั้งความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมของสถานที่อื่น ๆ ก็จำเป็นต้องได้รับการวางแผนประสานงานอย่างครอบคลุมด้วย แถมเรื่องของภูเขาหายากที่คุณพูดถึง เราก็ต้องไปติดต่อผู้ซื้ออีก”
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้มและสะกิดเขา “นี่เป็นเรื่องที่ดีเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะเขียนรายชื่อให้คุณเอง พอถึงเวลาคุณจะได้ติดต่อหาพวกเขาได้”
เสิ่นอี้โจวรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนได้รายชื่อมาจากปี่เหลาซาน จึงไม่ได้ปฏิเสธ “ลำบากคุณแล้วครับภรรยา”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ ตราบใดที่งานบรรเทาความยากจนนี้สามารถสำเร็จลุล่วงได้เร็วขึ้นหนึ่งวัน นั่นคือความปรารถนาสูงสุดของฉันแล้ว”
…
สองวันต่อมา เวลาเช้าตรู่ เซี่ยชิงหยวนออกเดินทางพร้อมเสิ่นอี้โจวและคนของเขา
หลังจากอยู่ด้วยกันเกือบครึ่งเดือน หลินตงซิ่วจึงเริ่มคุ้นเคยกับผู้หญิงในหมู่บ้านมากขึ้นเช่นกัน เธอจึงพาเสิ่นอี้หลินและหลานทั้งสองคนลงมาจากบ้านไม้ไผ่ เพื่อจะไปเยี่ยมเยียนบ้านของพวกเธอ
เมื่อเดินทางมาถึงเมือง พวกเขาต่างแยกย้ายกัน
เสิ่นอี้โจว หลิงเยี่ย และเจ้าหน้าที่สองสามคนจากศูนย์บรรเทาความยากจนเดินทางต่อไปยังในอำเภอ ในขณะที่เซี่ยชิงหยวน เถียนกุ้ยฟาง และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้านการเพาะพันธุ์นั้นอยู่ในตำบลเพื่อซื้อลูกเจี๊ยบและลูกเป็ด
ตลาดในตำบลนั้นเป็นไปตามที่เซี่ยชิงหยวนคาด มีของขายเพียงไม่กี่อย่างและมีคนไม่มากนัก ซ้ำยังไม่ใหญ่เทียบเท่ากับตลาดเมื่อครั้งที่อยู่ที่หมู่บ้านซีสุ่ยเสียด้วยซ้ำ
พวกเขากว้านซื้อลูกเจี๊ยบและลูกเป็ดในตลาดทั้งหมด หากแต่ก็ได้ลูกเจี๊ยบเพียง 100 ตัวและลูกเป็ด 30 ตัวเท่านั้น
ส่วนลูกหมูและลูกวัวก็มีให้เลือกเพียง 2 ตัวและ 1 ตัวตามลำดับ
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้านการเพาะพันธุ์จึงเอ่ยบอกเถ้าแก่ว่า “พวกเราต้องการในจำนวนที่มากน่ะครับ เมื่อมีตลาดในครั้งหน้า คุณมีเท่าไหร่ก็เอามาให้หมดเลยครับ”
ตอนนี้นั้นเป็นวันที่ยี่สิบแล้ว ดังนั้นตลาดในครั้งหน้าก็ราว ๆ อีกหนึ่งสัปดาห์กว่า ๆ เท่านั้น
ไม่เพียงแต่ลูกหมูและลูกวัว แต่ยังรวมถึงลูกเจี๊ยบและลูกเป็ดด้วย พวกเขากล่าวบอกเถ้าแก่เจ้าของร้านเช่นเดียวกัน
เขาทำการค้าขายมานานนม แต่ไม่ได้พบกับลูกค้าที่กล้าได้กล้าเสียถึงเพียงนี้ จึงเอ่ยหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าตกลงกันแล้วนะ ถึงเวลาผมเอามา คุณจะไม่เอาไม่ได้นะ”
เซี่ยชิงหยวนระบายยิ้ม “ขอแค่มันดี พวกเราซื้อหมดค่ะ”
ความหมายคือกล่าวบอกเป็นนัยว่าอย่าได้พยายามขายต่อสินค้าที่ด้อยคุณภาพ เพียงเพราะพวกเขาต้องการในปริมาณมาก
เถ้าแก่รับปากซ้ำแล้วซ้ำอีก “วางใจเถอะ ผมจะดูแลรับรองให้แน่ใจว่าลูกสัตว์ทุกตัวได้รับการตรวจสอบก่อนที่จะขายให้คุณแน่นอน”
พวกเขาทำงานในสายนี้ย่อมมีหนทางเป็นของตัวเอง อย่างมากที่สุดก็แค่ต้องมาในเมืองเพิ่มอีกครั้ง
ทั้งสามคนถือตะกร้าของตนไว้ในมือ ทั้งยังซื้อของเพิ่มอีก ในท้ายที่สุดจึงกลับไปยังหมู่บ้านพร้อมของเต็มตะกร้า
เมื่อถึงเวลาต้องจากกัน เถียนกุ้ยฟางบอกกับเซี่ยชิงหยวนว่า “ตาเฒ่าที่บ้านของฉันจะไปรักษาการณ์ที่ชายแดนในคืนนี้ เขาจะกลับมาก็วันพรุ่งนี้เลย เธออยู่บ้านกับแม่สามีก็ปิดประตูลงกลอนให้ดีนะ”
เธอชี้ไปทางบริเวณที่ทหารปลดประจำการอาศัยอยู่แล้วพูดว่า “มีพวกเขาอยู่ที่นี่ด้วย ไม่ต้องกลัวหรอก”
พวกเสิ่นอี้โจวเดินทางไปยังตัวอำเภอ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยาวไกล เวลาเพียงหนึ่งวันไม่เพียงพอให้ไปกลับได้ ดังนั้นคืนนี้จึงมีเพียงแม่สามีของเซี่ยชิงหยวน ลูกสะใภ้ และเด็ก ๆ สามคนเท่านั้น
ในตอนนี้เซี่ยชิงหยวนเองคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้แล้ว จึงไม่ได้หวาดกลัวเหมือนครั้งแรกที่มาถึง หญิงสาวจึงพยักหน้ารับ “ทราบแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะพี่สาวกุ้ยฟาง”
ทั้งสองยืนพูดคุยกันอยู่ที่ปากทางแยกอีกสองสามคำ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านของตน
เซี่ยชิงหยวนซึ่งเพิ่งหันหลังเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พลันสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งอย่างคาดไม่ถึง
แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ความโลภ และการหยั่งเชิง