บทที่ 366 กลโกงของทีมวิจัย
ไป๋เยี่ยค่อนข้างประหลาดใจเมื่อได้อ่านสิทธิพิเศษแต่ละข้อ
เดิมทีเขาคิดว่ามันเป็นเพียงโบนัสทั่วๆ ไป ไม่คิดเลยว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้
บางทียิ่งฉายานั้นมีความสำคัญมากเท่าใด คุณสมบัติที่ได้รับก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
โครงการนักวิชาการฉางเจียงเป็นโครงการมอบรางวัลให้บุคลากรที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการ และตำแหน่งนี้ก็เป็นรองเพียงแค่ผู้อำนวยการสถาบันเท่านั้น รางวัลที่ได้รับจึงยิ่งใหญ่มาก
หลังจากที่เข้าใจแล้ว ไป๋เยี่ยก็เงียบไป อย่างไรเสียหนทางของเขาก็ยังอีกยาวไกล ไหนจะตำแหน่งอาจารย์ของทั้งสองสถาบัน ตำแหน่งบุคลากรโครงการไป่เหริน และผู้ได้รับรางวัลโนเบลอีก
ไป๋เยี่ยคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจขึ้นมาในทันที!
ต้องค่อยๆ เดินไปทีละก้าวเท่านั้น ไป๋เยี่ยเข้าใจทั้งหมดนั้นแล้วก็นั่งลงพิจารณาถึงรางวัลที่เขาจะได้รับจากฉายาอย่างรอบคอบ
ในบรรดาสิทธิพิเศษทั้งสามข้อนี้ สิทธิพิเศษข้อที่หนึ่งอาจจะไม่ค่อยมีผลมากนัก แต่ก็เป็นทักษะที่มีประโยชน์มากต่อการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษา
นั่นคือการเพิ่มความเร็วในการรับค่าประสบการณ์ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสิทธิพิเศษข้อนี้จะเร่งการซึมซับความรู้ได้ อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะพัฒนาพรสวรรค์ได้ด้วย
พรสวรรค์คือตัวกำหนดขีดจำกัด ถ้าคุณเรียนรู้ช้าก็อาจจะเพิ่มเลเวลให้ตนเองได้โดยการขยันหมั่นเพียร แม้จะต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่นเล็กน้อยแต่ก็ยังทำได้ ทว่าพรสวรรค์นั้นกลับเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ยากยิ่งกว่า
แต่ไป๋เยี่ยทำได้!
ไป๋เยี่ยจินตนาการได้ว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นคนที่ส่งต่อความรู้ให้บรรดาเสาหลักของประเทศชาติ ซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบการแพทย์ภายในประเทศได้
สิทธิพิเศษข้อที่หนึ่งจึงเป็นที่น่าพอใจมาก!
จากนั้น ไป๋เยี่ยก็มาอ่านสิทธิพิเศษข้อที่สอง ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษแบบทีม
นี่มันเจ๋งมาก!
ความสามารถของคนคนหนึ่งมีขีดจำกัด แต่ความสามารถของทีมนั้นไม่จำกัด หากทั้งทีมปรับปรุงขีดความสามารถด้านการวิจัยได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสถาบันวิจัยของไป๋เยี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย
และสิ่งนี้ยังทำให้ไป๋เยี่ยพัฒนาทีมวิจัยของตนเองได้ด้วย
ส่วนสิทธิพิเศษข้อสุดท้ายคือ ‘โหมดระดมสมอง‘ พูดตามตรง ไป๋เยี่ยรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งนี้มาก
ทุกๆ เดือนเขาจะเปิดใช้งานโหมดนี้ได้หนึ่งครั้ง ซึ่งหมายความว่าไป๋เยี่ยจะค้นพบสิ่งใหม่ๆ ทุกเดือน มันคือสิ่งที่สร้างคุณูปการให้กับเขาเมื่อตอนยังอยู่ที่ห้องแล็บโนเบลของศาสตราจารย์ถูโยว
เดือนละครั้ง!
นับว่าเป็นโอกาสที่ดี!
หลังจากอ่านสิทธิพิเศษทั้งหมดแล้ว ไป๋เยี่ยก็นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความพึงพอใจ
ตอนนี้สิทธิพิเศษทั้งสามข้ออยู่ในในมือของไป๋เยี่ยแล้ว และมันได้กลายเป็นอาวุธสำหรับเขาไปเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ไป๋เยี่ยเองก็รู้สึกขอบคุณอาจารย์ทุกคนเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าหากไม่มีพวกเขา ไป๋เยี่ยก็คงไม่ได้รับรางวัลพวกนี้โดยง่าย
ส่วนเรื่องประกาศรายชื่อโครงการนักวิชาการฉางเจียงนั้น ไป๋เยี่ยไม่ได้สนใจมันอีกต่อไป เมื่อเทียบกับเกียรติยศแล้ว ไป๋เยี่ยให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นของตนเองอย่างแท้จริงมากกว่า ส่วนชื่อเสียงจอมปลอมนั่น ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจแต่อย่างใด
แต่ถึงกระนั้น แค่ไป๋เยี่ยไม่สนใจมันก็ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะไม่สนใจ
หลังจากที่ไป๋เยี่ยวางสายโทรศัพท์แล้ว เขาก็ไปทำงานต่อ ขั้นตอนการแยกและสกัดสารห้ามทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แต่จะต้องดำเนินไปด้วยความตั้งใจ
การหาสารประกอบที่ให้สรรพคุณจากสารนับพันชนิดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ไป๋เยี่ยมีโหมดระดมสมองอยู่ในมือ เขาเองก็สงสัยว่าจะใช้มันได้หรือไม่ อย่างไรเสียเขาก็มีเวลาเหลืออยู่เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น ไป๋เยี่ยเกิดความลังเลเล็กน้อย เขาควรจะรีบใช้มัน หรือว่ารอให้ตนเข้าใจในการทดลองดังกล่าวมากกว่านี้ก่อนถึงค่อยใช้ดี
ถ้าใช้ตอนนี้ก็อาจจะค้นพบขั้นตอนที่ละเอียด ทว่าการทดลองขั้นต่อไปอาจจะกลายเป็นเรื่องยากได้
แต่ถ้าใช้ตอนสิ้นเดือน ไป๋เยี่ยก็จะมีความเข้าใจในการทดลองมากขึ้นและดำเนินการต่อไปได้ บางทีใช้ตอนนั้นอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า บวกกับโหมดระดมสมองที่จะเปิดใช้ได้อีกครั้งเดือนหน้า ไป๋เยี่ยก็อาจจะบรรลุผลสำเร็จได้
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจจะใช้โอกาสนี้ในช่วงปลายเดือนหลังจากที่ทำการค้นคว้าเพิ่มเติมแล้ว
ไป๋เยี่ยวางการทดลองในมือลงและหันมาตรวจสอบข้อมูล ปัจจุบันมียาจีนหลายชนิดที่ใช้ในการรักษากระดูกหัก ซึ่งมีจำนวนหนึ่งที่เป็นยาจีนแปรรูป
ในการแพทย์แผนปัจจุบันมีตัวยาที่ช่วยเรื่องการซ่อมแซมกระดูกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนผสมหลักของสิ่งเหล่านี้คือแคลเซียมจากสารอินทรีย์แท้ๆ อย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส แร่ธาตุและกรดอะมิโน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการปรับเปลี่ยนและทดแทนกันของกระดูก โดยจะเพิ่มจำนวนเซลล์จากกระบวนการนี้และเร่งการฟื้นฟูตัวเองของกระดูก ดังนั้นก็จะได้เป็นการเร่งผลการรักษานั่นเอง
แต่ถึงกระนั้น ไป๋เยี่ยก็คิดว่านี่ไม่ใช่วิธีการที่เร่งกระบวนการสร้างกระดูกจริงๆ เพราะว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นอยู่ในระดับปานกลาง และเห็นผลเร็วกว่าผู้ป่วยทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ไป๋เยี่ยคิดว่าเขาควรค้นคว้ายาทาเชื่อมกระดูกเพิ่มเติมว่ามีสรรพคุณในการซ่อมแซมกระดูกอย่างไรบ้าง โดยค้นหาจุดสำคัญและหาสารที่ต้องการ ด้วยวิธีนี้ เขาอาจจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ
หลังจากคิดจนถี่ถ้วนแล้ว ไป๋เยี่ยก็กลับไปที่สถาบันวิจัยกระดูกเพื่อจัดการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดกับทีมวิจัย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาปฏิกิริยาและผลของยาทาเชื่อมกระดูก
ไป๋เยี่ยจึงขอให้กลุ่มควบคุมเริ่มศึกษาระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยาตัวอื่นๆ ด้วย
หลังจากที่การวิจัยเริ่มต้นขึ้น ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นแล้ว อย่างไรเสียสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ก็สำคัญที่สุด ไป๋เยี่ยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็นห้ากลุ่มโดยอิงตามระยะเวลาการฟื้นฟูและกระบวนการการฟื้นฟู
โดยทั่วไปแล้วกระบวนการฟื้นตัวของกระดูกจะมีอยู่สี่ขั้น
ขั้นแรกคือการก่อตัวของลิ่มเลือด เมื่อกระดูกเกิดการแตกหัก นอกจากเนื้อเยื่อบริเวณกระดูกจะถูกทำลายแล้ว เนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่ข้างเคียงก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย ซึ่งบริเวณเนื้อเยื่อกระดูกมีหลอดเลือดอยู่จำนวนมาก หลังการแตกหักจึงมีเลือดออกและเลือดจะคั่งอยู่ในบริเวณที่แตกหักและเนื้อเยื่อใกล้เคียงด้วย
ส่วนใหญ่ขั้นแรกจะเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมักจะกินเวลาราวๆ สองวัน ช่วงเวลานี้จึงใช้การประคบเย็นเพื่อลดเลือดคั่ง
ขั้นที่สองคือระยะการสร้างแคลลัส[1] โดยปกติแล้วภายในเวลาสองถึงสามวันหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ ไฟรโบรบลาสต์และหลอดเลือดที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ก็จะเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งไฟโบรบลาสต์[2]ก็คือเซลล์ตั้งต้นของคอนโดรบลาสต์[3] เนื้อเยื่อที่มีการขยายเหล่านี้ก็จะค่อยๆ เชื่อมต่อกัน ทำหน้าที่คล้ายสะพานเชื่อมระหว่างปลายกระดูกที่หัก จากนั้นก็จะก่อตัวเป็นพังผืดและกลายเป็นแคลลัสในที่สุด
หลังจากกระบวนการนี้ กระดูกก็จะเริ่มค่อยๆ สมานตัว ลิ่มเลือดก็จะกลายเป็นวัสดุที่ใช้ในการสมานตัวด้วย และภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ เนื้อเยื่อก็จะเริ่มก่อตัวเป็นกระดูกอ่อน
มาถึงขั้นที่สาม ตัวยาที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ทำหน้าที่คล้ายกับกระบวนการก่อตัวของแคลลัสในกระดูก เพราะว่าเซลล์กระดูกจะค่อยๆ สร้างกระดูกใหม่ขึ้นมาแทนที่แคลลัส จากนั้นก็เริ่มก่อตัวเป็นเนื้อเยื่อที่มีรูปร่างคล้ายกระดูกชิ้นนั้นและเริ่มมีการสะสมแร่ธาตุ
ขั้นสุดท้ายคือการก่อตัวของแคลลัส หลักๆ แล้วขั้นตอนนี้ก็คือการเชื่อมปลายกระดูกที่ไม่ต่อกันอย่างสม่ำเสมอจากกระบวนการทั้งสามขั้นก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะก่อตัวเป็นโครงสร้างที่ใช้งานได้ตามสรีรวิทยาของมนุษย์ มีการสร้างกระดูกลาเมลลาร์[4]ขึ้น เยื่อหุ้มกระดูก[5]และโพรงไขกระดูก[6]เริ่มกลับมาทำงานตามปกติ
นี่คือกระบวนการฟื้นตัวของเคสกระดูกหักทั้งหมด ทว่าไป๋เยี่ยเลือกที่จะแบ่งผู้ป่วยออกเป็นห้ากลุ่ม โดยกลุ่มสุดท้ายจะมีไว้เพื่อวิเคราะห์ตัวยา ซึ่งจะนำยาจีนแต่ละชนิดมาศึกษา จากนั้นก็จะนำไปวิจัยร่วมกับกลุ่มตัวอย่างอีกสี่กลุ่มต่อไป
[1] แคลลัส (Fibrocartilage Callus) คือเส้นใยที่เกิดจากเซลล์กระดูกสองชนิดได้แก่ ไฟโบรบลาสต์ และ คอนโดรบลาสต์ จะถูกสร้างขึ้นหลังจากที่กระดูกเกิดการแตกหัก
[2] ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) คือ เซลล์ที่เป็นตัวสร้างโปรตีนสองชนิด คือ คอลลาเจนและอิลาสติน และเป็นเซลล์ตั้งต้นของเซลล์กระดูกอื่นๆ
[3] คอนโดรบลาสต์ (Chondroblast) คือ เซลล์กระดูกอ่อนชนิดหนึ่ง
[4] กระดูกลาเมลลาร์ (Lamellar bone) คือกระดูกแข็งที่มีแผ่นใยคอลาเจนเรียงตัวขนานกันอย่างเป็นระเบียบ
[5] เยื่อหุ้มกระดูก (Periosteum) คือส่วนที่ทําหน้าที่สร้างเซลล์กระดูกใหม่ทดแทนเซลล์กระดูกที่ตายไป
[6] โพรงไขกระดูก (Medullary cavity) คือเนื้อเยื่อที่มีไขกระดูก (Bone marrow) อยู่ ทำหน้าที่เป็นแหล่งผลิตเซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือดชนิดต่างๆ