เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 519 ความรักของคนจิตวิปริต

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 519 ความรักของคนจิตวิปริต

ซือถูรุ่ยเห็นสภาพของไช่หุ่ยแล้ว คิดว่าคงรอดยาก

“พาออกไปเถอะ แล้วพาคนสักสามสี่คนไปค้นเรือนของเขาด้วย มีขวดมีโถอะไรขนมาให้หมด”

ไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวสบตากันเล็กน้อย อยากได้ของดีที่เหลือของเจ้าผีเฒ่าตัวนี้อย่างนั้นหรือ?

ฝันไปเถอะ เพราะพวกเขาเอาไปซ่อนไว้ตั้งนานแล้ว อีกเดี๋ยวกลับไปก็จะขนกลับไปด้วย

ซือถูรุ่ยหมุนกายกำลังจะจากไป ทว่าจู่ ๆ ก็หันหน้ามาอีกครั้ง มองอาเหริ่นที่กำลังมองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมา “เจ้าชื่ออะไร?”

อาเหริ่นจ้องหน้าเขาแทบอยากจะพุ่งเข้าใส่ แต่ไป๋จิ่นกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน “เรียนท่านเจ้าเมือง เขาเป็นหวัดและเจ็บคออยู่ วันนี้จึงไม่มีเสียงเจ้าค่ะ”

ซือถูรุ่ยพยักหน้ารับรู้ “ช่างคล้ายกับคนที่ข้าเกลียดยิ่งนัก ไสหัวไปได้แล้ว”

ซือถูรุ่ยไม่ชอบให้มีผู้ชายอยู่ในเรือน

พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น เดิมคิดว่าอยู่นี่อาจจะหาซือถูเซิงเจอ ทว่าสุดท้ายหลังจากวนดูรอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่เจอ ส่วนคนที่พวกเขาเจอก็แค่คนที่ดูคล้ายกับซือถูเซิงเท่านั้น

แน่นอนว่าคนที่ผิดหวังมากที่สุดก็คืออาเหริ่น

หลังจากออกมาและส่งไช่หุ่ยให้กับหมอแล้ว ระหว่างทางขณะที่ทุกคนกำลังเดินกลับ เยว่พั่วหลัวก็ได้ถามขึ้นมา “เมื่อก่อนคนที่คอยปรนนิบัติก็เป็นสตรีทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?”

อาเหริ่นส่ายหน้า “เมื่อก่อนไม่ได้เป็นเช่นนี้ มีเพียงเซิงเซิงเท่านั้นที่จะมีคนคอยปรนนิบัติเป็นสตรีทั้งหมด”

เยว่พั่วหลัวเอ่ยหยอกล้อขึ้นมา “ต้องเป็นเพราะเจ้าพาตัวน้องสาวเขาหนีไปเป็นแน่ เหมือนที่เขาพูดกันว่า ถูกงูกัดเข้าครั้งหนึ่ง สิบปีผ่านไปก็ยังกลัวเชือกของบ่อน้ำ*กระมัง”

* ถูกงูกัดเข้าครั้งหนึ่ง สิบปีผ่านไปก็ยังกลัวเชือกของบ่อน้ำ (一朝被蛇咬十年怕井绳) หมายถึง เข็ดหลาบ

ก็มีเหตุผล

แต่หากเป็นเช่นนี้ การจะสืบหาเบาะแสของซือถูเซิงจากบรรดาสตรีมากมายเพียงนี้ เกรงว่าคงยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก

“รอหลังจากผ่านพรุ่งนี้ไป ข้าค่อยไปลองถามหยั่งเชิงดูอีกทีก็แล้วกัน” เผยยวนเสนอ

จี้จือฮวนเอ่ย “ก็ดีเหมือนกัน อย่างไรเสียในเมื่อเขาอยากทำการค้ากับพวกเรา ก็ต้องแสดงความจริงใจออกมาบ้าง”

“กลัวก็แต่หากไม่ได้เบาะแสซือถูเซิงอีก และลากไปเช่นนี้พวกเราอาจจะถูกจับได้”

ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกเหมือนเดินมาถึงทางตัน

“แต่ว่าซือถูรุ่ยผู้นั้นสายตาเฉียบแหลมไม่เบา จากนี้ไปเขาอาจจะจับตามองอาเหริ่นมากขึ้นก็เป็นได้”

เห็นได้ชัดว่าเกลียดเข้ากระดูกดำ

อาเหริ่นเดินไปพลางหันกลับไปมอง สายตาจับจ้องที่ด้านนอกกำแพงสูงนั่น

เซิงเซิง เจ้าอยู่ที่ใด

ขณะเดียวกัน ในเรือนของซือถูรุ่ย ในห้องที่มีผนังกั้นเอาไว้ห้องหนึ่ง

มีหญิงรับใช้ผู้หนึ่งเดินออกไปด้านนอก พูดไปก็ด่าไป “นางคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถูกขังอยู่ในนี้แล้วยังจะทำตัวสูงส่งอะไรกันอีก เก่งจริงก็ไปตายซะสิ”

ทว่าทันทีที่หญิงรับใช้หันไป ก็พบว่ามีชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น

“ท่าน…ท่านเจ้าเมือง!” หญิงรับใช้ตกใจอย่างมาก ก้มหน้าลงและกำลังจะเบี่ยงตัวหลบ แต่คิดไม่ถึงว่าซือถูรุ่ยจะยกเท้าขึ้นมาถีบจนนางหงายท้อง ก่อนจะใช้ปลายเท้าเหยียบลงไปที่หลอดลมของนาง ออกแรงเหยียบหนึ่งทีก็ทำให้หญิงรับใช้ผู้นั้นหมดลมหายใจได้แล้ว

“ลากออกไป”

“ขอรับ”

ซือถูรุ่ยมองไปที่ประตูไม้ผุ ๆ ซึ่งไม่เข้ากับลานบ้านของเขาบานนั้น ก่อนจะทาบมือลงไปบนบานประตู

มีเสียง ‘แอ๊ด’ ดังขึ้น ประตูไม้ผุ ๆ ส่งเสียงจนแสบแก้วหู หลังบานประตูเป็นเพียงทางเดินเส้นหนึ่งเท่านั้น ตรงมุมของทางเดินนั้น มีกรงเล็ก ๆ ที่สร้างจากไม้กระดานตั้งอยู่ คนทั่วไปเห็นต่างก็คิดว่านั่นเป็นกรงใส่สุนัข

แต่เขารู้ดีว่าในนั้นขังสตรีที่เขารักสุดหัวใจเอาไว้

สตรีที่มีสายเลือดเดียวกันกับเขา

เขาปิดประตูลงแล้วเดินเข้าไปตามทางมืด ๆ นั้น

ความยิ่งใหญ่ของจวนซือถู เสียงจ้อกแจ้กจอแจในเมืองแห่งนี้ ล้วนไม่ส่งผลใด ๆ กับสถานที่แห่งนี้

ที่นี่มีเพียงความมืดมิด ความโดดเดี่ยว และความหนาวเหน็บที่ไม่มีที่สิ้นสุด

โซ่เหล็กส่งเสียงพอให้ได้ยิน ซือถูรุ่ยมองดูนางยื่นมือออกจากกรงสุนัข มือที่เดิมได้รับการดูแลอย่างดีคู่นั้น ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ร่างกายผ่ายผอมจนเห็นกระดูก เหี่ยวแห้งและสกปรก

คนที่ไม่รู้คงคิดว่านั่นเป็นมือของขอทาน

นางหยิบเศษอาหารขึ้นมา ยัดเข้าปากอย่างไร้ความรู้สึก

ซือถูรุ่ยยิ่งมองก็ยิ่งโมโห ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปลากนางออกมาจากกรงสุนัขนั่น มองสตรีที่ผมกระเซอะกระเซิง ร่างกายสกปรกมอมแมม ผอมจนเหลือแค่โครงกระดูก ก่อนจะพูดจาประชดประชันใส่นาง “ดูสิ นี่ใครกัน?

นี่ใช่น้องสาวที่บอบบางผู้นั้นของข้าอยู่หรือไม่ หืม?”

ภายใต้แสงจันทร์ ทำให้มองเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของหญิงสาวได้ชัดเจน ใบหน้านั้นเหมือนกับอาชิงทุกประการ เพียงแต่ในดวงตากระจ่างใสคู่นั้นของอาชิงไม่เคยมีประกายเศร้าหมองและสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน

ดวงตาของนางราวกับสูญสิ้นความหวังทั้งหมดไปแล้ว เพียงแค่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ อย่างไร้ความรู้สึกก็เท่านั้น

นางเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่อยู่บนฟ้า ไม่สนใจเสียงคำรามของซือถูรุ่ยแต่อย่างใด

“เซิงเซิง เจ้าอยากมีชีวิตอยู่มากขนาดนี้ แค่กลับไปกับพี่ชายก็จบแล้วไม่ใช่หรือ? เจ้ายังคงเป็นสตรีที่สูงส่งที่สุดในเมืองเจว๋เฉิง เป็นน้องสาวสุดที่รักของข้าถูรุ่ย~”

ซือถูเซิงยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

“ไม่สนใจข้าอย่างนั้นหรือ ฮะ?”

ซือถูรุ่ยผลักนางล้มลงกับพื้นแล้วเหยียบหัวของนางเอาไว้ “นางคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าชอบพวกต่ำต้อยที่ราวกับหมูกับหมาแบบนั้นใช่หรือไม่?!

เจ้าชอบคนของเผ่าหมาป่าเช่นนั้น แต่กลับไม่ชอบข้าอย่างนั้นหรือ!

พวกเราต่างหากที่มีสายเลือดเดียวกัน พวกเรารวมกันต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก!

และมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่คู่ควรให้กำเนิดลูกของข้า นั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าความบริสุทธิ์

แต่เจ้ากลับจะเอาแต่ทรยศข้า ยืนกรานที่จะอยู่กับเจ้าคนป่านั่น มิหนำซ้ำยังให้กำเนิดมารหัวขนถึงสองคนกับมันอีก”

ซือถูรุ่ยยิ่งพูดก็ยิ่งเดือดดาล “เจ้าได้ยินหรือไม่ ด้านนอกนั่น ผู้หญิงเหล่านั้นต่างก็กำลังร้องรำทำเพลง พวกนางเอาใจคนเก่งกว่าเจ้า ดูแลคนเก่งกว่าเจ้า เจ้าออกจากเมืองเจว๋เฉิงไป เจ้าก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง!”

ทว่าซือถูเซิงก็ยังคงมองพระจันทร์อยู่อย่างนั้น

อ่อนแอแต่แข็งแกร่งกว่าที่คิด

ราวกับไม่ว่าจะเจอลมฝนอะไร นางก็จะยืนหยัดและทุ่มสุดตัวจนผ่านลมฝนเช่นนั้นไปให้ได้ เพื่อรอใครบางคน

“เจ้าคิดว่าการที่เจ้าทนมีชีวิตไปวัน ๆ ราวกับหมูกับหมาเช่นนี้ มันก็จะมาหาเจ้าอย่างนั้นหรือ?

มันไม่มาหรอก มันลืมเจ้าไปตั้งนานแล้ว” ซือถูรุ่ยเอ่ยเสียงเบา

“มีเพียงข้า มีเพียงข้าที่รักเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง เซิงเซิง ข้ารักเจ้ามาโดยตลอด” เขาดึงตัวซือถูเซิงขึ้นมา มองหน้าของนาง “ไม่ว่าเจ้าจะมีสภาพเช่นไร ข้าก็จะให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า”

ซือถูเซิงกลอกตาไปมา สายตาที่เลื่อนลอยในที่สุดก็หันมามองซือถูรุ่ย จากนั้นก็ถุยน้ำลายใส่เขา

หากนางยังพูดได้เหมือนเมื่อก่อนล่ะก็ นางคงด่าเขาไปแล้ว

แต่หลังจากที่อาเหริ่นไม่อยู่แล้ว ซือถูเซิงก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรอีกเลย

ชีวิตนี้การที่นางได้รักใครคนหนึ่งอย่างสุดหัวใจ ได้แต่งงานกับเขาเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

นางเพียงอยากมีชีวิตอยู่ อยากพบหน้าลูก ๆ อยากพบหน้าอาเหริ่นอีกสักครั้ง

นางขยะแขยงและรังเกียจคนที่นางเคยเรียกว่าพี่ใหญ่ตรงหน้าผู้นี้ยิ่งกว่าผู้ใด

เขาเป็นคนที่ทำลายความสุขของนาง เป็นคนที่สังหารท่านพ่อ และเอาลูก ๆ ของนางไปทิ้ง!

เมื่อซือถูเซิงคิดถึงเรื่องนี้ ในแววตาจึงมีเพียงความเกลียดชัง

“เหตุใดเจ้าไม่ตายไปซะ” นางเปิดปากพูดโดยไม่มีเสียงกับซือถูรุ่ย

ใช่แล้ว นางไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ได้อีกต่อไปแล้ว

ซือถูรุ่ยให้คนมาร้องเพลงทุกวัน ต่อให้จะเลียนเสียงได้เหมือนเพียงใด จะไพเราะเพียงใด ก็ไม่ใช่นางอยู่ดี

ซือถูรุ่ยมองนาง มุมปากกระตุกเล็กน้อย “เจ้าอยากให้ข้าตายอย่างนั้นหรือ?

เซิงเซิง ความจริงเจ้าก็รักข้าใช่หรือไม่ เจ้าแค่ถูกเจ้าคนป่านั่นหลอกก็เท่านั้น

หากไม่รักข้า เจ้าจะแค้นข้าเพียงนี้ได้อย่างไรกัน”

เขากอดนางเอาไว้แน่น โดยไม่สนใจอาการขัดขืนของนาง และพูดอย่างดุดัน “รอข้าฆ่าเผยยวนแล้ว ถึงเวลาบนโลกนี้ก็จะไม่มีใครมาขวางพวกเราได้อีก เจ้าต้องอยู่ที่นี่กับข้า ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็จะพาเจ้าไปด้วย ชาตินี้เจ้าอย่าคิดว่าจะไปจากข้าได้!”

.

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท