ตอนที่ 23 : สติปัญญาของสมองน้อย
ลูซีหยูมองไปที่หลอดใส่พลาสมาในมือของเค้าและรู้สึกลังเล แม้ว่าเค้าจะทดสอบพลาสมาเหล่านี้สองสามครั้งก่อนในหนูทดลองและมันก็ใช้ได้ทุกครั้ง เปอร์เซ็นความสำเร็จใกล้เคียงแต่ก็ไม่ถึง100เปอร์เซ็นจริงๆดังนั้นเค้าจึงยังค่อนข้างกังวลที่จะใช้มันกับตัวเอง
หลอดใส่พลาสมาที่เค้าถืออยู่เป็นพลาสมาที่มีวิวัฒนาการแล้วซึ่งเค้าตั้งชื่อว่า ‘พลาสมาที่มีวิวัฒนาการของสมองย่อยของสาเปียน’ เค้าเพิ่มความสามารถให้กับยีนที่มีอยู่เพื่อพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะเค้าต้องการแยกส่วนของเนื้อเยื่อสมองที่เค้าไม่ได้ใช้ประโยชน์และพัฒนามันให้เป็นสมองน้อย นอกจากนี้เค้ายังใส่โหมดการทำงานของคอมพิวเตอร์ไปยังสมองน้อยเพื่อปรับปรุงความสามารถในการประมวลผล ด้วยวิธีนี้เค้าอาจจะมีความสามารถเทียบเท่าคอมพิวเตอร์
ด้วยสมองน้อยที่เหมือนคอมพิวเตอร์ทำให้ความสามารถในการเรียนรู้และสติปัญญาของเค้าจะได้รับการปรับปรุงอย่างมากซึ่งเป็นสิ่งที่ลูซีหยูต้องการในตอนนี้ สติปัญญาของสมองน้อยจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุคลิกภาพและอารมณ์ในสมองหลัก มันจะเหมือนการเพิ่มชิปเข้าไปในสมองของเค้า ลูซีหยูไม่ได้สนใจเรื่องพลังพิเศษ เช่น การพ่นไฟหรือน้ำ หรือ มีพละกำลังมากและเค้าก็รู้สึกว่าพลังพิเศษพวกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับเค้า สติปัญญาและสมองคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดสำหรับมนุษย์
‘ฉันพร้อมแล้วที่จะทำมันให้สำเร็จ ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว!’ เค้าบอกกับตัวเองจากนั้นเค้าก็หายใจเข้าลึกๆและเล็งพลาสมาไปที่กระดูกสันหลังของเค้า พลังจิตของเค้าช่วยระบุตำแหน่งที่ถูกต้องและฉีดพลาสมาที่มีวิวัฒนาการเข้าไปในไขกระดูกของเค้า ทันทีทันใดเค้ารู้สึกว่าร่างกายของเค้าเย็นราวกับร่างกายของเค้ากำลังเผชิญกับปฏิกิริยาลูกโซ่เหมือนเครื่องจักร ภายใต้การกระตุ้นอย่างต่อเนื่องของพลาสมา ไขกระดูกของเค้าเริ่มสร้างเซลล์ใหม่เพื่อทดทนแทนเซลล์เก่า
หลังจากที่เค้าถอดเสื้อผ้าทั้งหมดลูซีหยูก็กระโดดลงไปในสระที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่เค้าเตรียมไว้และดำลงไปใต้นั้น ด้วยวิธีนี้ของเหลวจะช่วยให้เค้าได้รับสารอาหารจำนวนที่ร่างกายเค้าต้องการใช้ในการพัฒนา ลูซีหยูตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเค้าลืมตาเค้าก็ถีบตัวเองขึ้นมาจากสระอย่างหอบ เค้าจ้องมองฝูงมดครึ่งคนที่อยู่รอบตัวเค้าซึ่งคอยคุมกันเค้าอยู่ เช่นเดียวกับหุ่นยนตร์ มดครึ่งคนเหล่านี้จะทำงานตามที่ได้รับเท่านั้น เค้ายืนขึ้นและเช็คตัวและใส่เสื้อผ้า ตอนนี้พวกมดครึ่งคนก็นำอาหารและน้ำมาให้เค้า
หลังจากที่ลูซีหยูได้กินอาหาร เค้าก็เริ่มสำรวจการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเค้า เค้าตระหนักว่านอกเหนือจากโครงสร้างสมองแล้วก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกับร่างกายของเค้า สมองหลักของเค้าดูเหมือนจะหดลงเล็กน้อยและมีแข็งแรงมากขึ้น สมองหลักถูกหลวมรวมเข้ากับสมองน้อยทำให้เกิดส่วนโค้งที่สมบูรณ์แบบ ในบรรดาสมองทั้งหมดสมองน้อยดูเหมือนจะมีสีที่แตกต่าง มันดูแดงกว่าและยังเปล่งประกายเหมือนโลหะ
‘สมองน้อยทำงาน ได้รับการอนุญาตให้เปิดใช้งานเส้นประสาทภาพ’ เสียงปรากฏในสมองของลูซีหยู
‘ได้รับอนุญาต’
ทันทีที่เค้าอนุญาตการมองเห็นของเค้าก็เปลี่ยนแปลงราวกับว่าเค้าเพิ่งเปิดหน้าต่างใหม่บนคอมพิวเตอร์ การมองเห็นจากดวงตาของเค้าสามารถซูมเข้าออกได้เหมือนกับกล้องถ่ายรูป
ลูซีหยูรู้ว่าตอนนี้เค้าสามารถใช้งานดวงตาได้เหมือนกับกล้องถ่ายรูป ถ่ายรูปที่เค้าเห็นและเก็บมันไว้ในสมองน้อย เค้ารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเค้าชัดเจนขึ้นและสมองของเค้าทำงานได้ราบรื่นขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้เค้าไม่เข้าใจตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องง่ายๆไปหมด ในทำนองเดียวกันหลายสิ่งที่เค้าจำไม่ได้ก่อนหน้านี้ตอนนี้เค้าจำมันได้ทั้งหมด!
‘สมองน้อยสร้างที่จัดเก็บสำหรับข้อมูลทั้งหมด’ เค้าสั่ง ‘และจำแนกพวกมันให้เป็นหมวดหมู่’
‘ได้รับคำสั่ง’
‘สมองน้อยสร้างส่วนสำหรับแผนการวิจัย : แผนการสร้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่และแผนการสร้างพลาสมาที่มีวิวัฒนาการ จัดระเบียบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง’
‘ได้รับคำสั่ง แผนการสร้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เข้าสู่ระยะที่2และเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว32% แผนการสร้างพลาสมาที่มีวิวัฒนาการได้เข้าสู่ระยะที่2และเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว21%’
‘สมองน้อยสร้าง…’
หลังจากให้คำสั่งเพิ่มอีกไม่กี่อันลูซีหยูก็ตัดการเชื่อมต่อกับสมองน้อย ลูซีหยูรู้สึกว่าความคิดของเค้าเร็วพอๆกับความเร็วแสงและเค้าเหมือนจะกลายเป็นซุปเปอร์แมน
ด้วยสมองน้อย เค้าสามารถแก้ปัญหาที่มักจะใช้เวลา1ชั่วโมงหรือ1วันใน1นาที ปกติเค้าสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆใน1วันแต่ตอนนี้เค้าทำได้ใน1นาที เค้าสามารถทำสิ่งต่างๆที่เค้าไม่สามารถทำได้ภายใน1นาที
มันเป็นอิสระและน่าสนใจมากแต่ก็น่ากลัวในเวลาเดียวกัน ภายใต้สถานะนั้นเค้าไม่อาจถูกมองว่าเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไป จิตใจของหุ่นยนต์จะส่งผลต่อบุคลิกภาพและอารมณ์ของเค้า
ลูซีหยูดีใจที่เค้าสร้างเพียงสมองน้อยที่ช่วยเค้าในแผนวิจัยต่างๆของเค้าแทนที่จะเปลี่ยนสมองทั้งหมด แม้ว่าพวกมันจะมีผลเหมือนกันโดยประมาณแต่ผลลัพธ์จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เค้าไม่ต้องการที่จะเป็นหุ่นยนต์และยังต้องการรักษาบุคลิกภาพและความต้องการของเค้าไว้!
เพราะสมองน้อยทำให้แผนการสร้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้าเค้าใช้เวลา1เดือนในการพัฒนา48ชนิดของยีน แต่ตอนนี้ด้วยสมองน้อยของเค้าทำให้ความเร็วในการอ่านหนังสือชีววิทยาและหนังสือเกี่ยวกับยาเพิ่มขึ้นอย่างมาก หนังสือที่เข้าใจยากและบทความทางวิชาการที่วางไว้อยู่ในห้องสมุดทุกอย่างล้วนอยู่ในหัวเค้าหมดแล้ว
การใช้สมองน้อยทำให้เค้าสามารถทำหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน เค้าสามารถออกแบบเส้นทางที่เป็นไปได้มากมายในขณะที่ต้นแบบพันธุกรรมและสายพันธุกรรมอยู่ตรงหน้าเค้าและเค้ากระพริบตาและเปลี่ยนตำแหน่งของพวกมันได้อย่างรวดเร็ว ลูซีหยูสามารถใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อออกแบบยีนต่างๆ ในที่สุดเมื่อถึงเวลาที่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่คนแรกเกดมาเค้าก็ได้พัฒนายีนไปหลายพันชนิดแล้ว
แม้ว่าจะมียีนมากมายแต่ลูซีหยูก็ไม่ได้วางแผนที่จะใส่ให้ตัวอ่อนทุกอย่าง เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะมีความสามารถแตกต่างกัน ดังนั้นเค้าจะกระจายยีนเหล่านี้ได้ยังตัวอ่อนแต่ละคน มันเพียงพอที่จะให้แต่ละคนมีหลายยีนและให้พวกเค้าเปิดใช้งานพรสวรรค์เหล่านั้น
นอกจากนี้เผ่าพันธุ์ต่างๆควรมีความสามารถและทักษะที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามหลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จเค้าจะหยุดแผนสร้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เพราะเค้าบรรลุเป้าหมายของเค้าแล้ว อย่างไรก็ตามการสร้างตัวอ่อนที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับการพัฒนาของพวกเค้าเป็นเพียงขั้นตอนแรก ยังมีอีกหลายวิธีที่จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งมนุษย์สามารถสร้างเผ่าที่มั่นคงได้ เค้าใช้เวลาเกือบครึ่งปีในปราสาทมิติหลังจากนั้นเค้าได้มอบหมายมดครึ่งคนดำเนินการตามแผนส่วนที่เหลือ
มดครึ่งคนจะดูแลลิง หลังจากมนุษย์รุ่นแรกเกิดแล้วมดครึ่งคนจะยกพวกเค้าขึ้นไปในปราสาท แน่นอนว่าลูซีหยูจะไม่สอนวิธีถ่ายทอดพรสวรรค์หรือวิธีใช้มัน มนุษย์ควรพัฒนาภาษาและอารยธรรมของตนเอง ลูซีหยูรู้สึกว่านี่เป็นความก้าวหน้าที่ถูกต้องของอารยธรรมและเค้าไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับมัน
ประตูมิติของปราสาทเชื่อมต่อกับโลกภายนอกอีกครั้งและลูซีหยูได้แก้ไขประตูทางเข้าในป่าอันเขียวชอุ่ม มดครึ่งคนเหล่านี้จะล่าและหาอาหารได้เองดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอด สิ่งที่ลูซีหยูต้องทำคือการรออย่างอดทน!