บทที่ 525 ลำดับวงศ์ตระกูลของถังซวงและถังเซวี่ย
บทที่ 525 ลำดับวงศ์ตระกูลของถังซวงและถังเซวี่ย
ก่อนผู้เฒ่าตระกูลจะได้ตอบกลับ ผู้เฒ่าถังซึ่งเป็นผู้นำตระกูลกล่าวขึ้นว่า “ไม่ได้ มันขัดกับกฎของตระกูล”
ผู้เฒ่าตระกูลหันมองผู้เฒ่าถังก่อนจะถามต่อว่า “ทำไมถึงขัดกับกฎของตระกูล? ลูกสาวของหวยรุ่ยชื่ออวี้สือก็อยู่ในรายชื่อลำดับวงศ์ตระกูลถังนิ”
ผู้เฒ่าถังกำลังจะอ้าปากตอบ แต่ถังหวยรุ่ยเอ่ยปากขึ้นก่อนว่า “นั่นเพราะเนี่ยหลางเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้าน แต่สามีของถังหลานไม่ใช่ เพราะฉะนั้นลูกของเธอจึงไม่ได้รวมอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลถังของเรา”
เนี่ยหลางที่ยืนอยู่ข้างกายถังหวยรุ่ยรู้สึกว่าคนรอบตัวของเขากำลังหัวเราะเยาะตนอยู่ ใบหน้าของเขากลายเป็นหม่นหมอง ยิ่งนานยิ่งอับอาย แต่ว่าถังหวยรุ่ยยังไม่หยุด เธอยังพูดต่อไปว่า
“ยิ่งกว่านั้น ถังซวงกับถังเซวี่ยเทียบกับอวี้สือของพวกเราได้งั้นหรือ? พวกเธอไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะเทียบกับอวี้สือได้สักนิด”
จากนั้นถังหวยรุ่ยนึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินก่อนหน้า แล้วหันมองถังหลานด้วยความเหยียดหยาม “ฉันได้ยินว่าถังซวงกับถังเซวี่ยเป็นลูกของเธอกับอดีตสามีไม่ใช่หรือ ดูเหมือนสามีปัจจุบันของเธอจะใจกว้างมากที่ไม่สนว่าเธอเคยแต่งงานมาแล้ว และยังยินดีช่วยเลี้ยงดูลูกสาวทั้งสองคน เธอนี่โชคดีจริง ๆ”
คนรอบตัวที่ไม่รู้เรื่องนี้หันมองถังหลานด้วยความประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเธอโชคดีจริง ๆ
ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าถังหลานที่ดูอ่อนโยนและใจดีจะเป็นผู้หญิงที่เคยหย่าร้างมาแล้ว ขณะเดียวกันผู้หญิงคนอื่นก็ล้วนแต่อิจฉา จิงเจ้อหรงหล่อเหลามาก ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาแต่งงานกับถังหลาน แต่งงานกับเธอก่อนที่จะกลับตระกูลถังด้วยซ้ำ
ไม่ต้องกล่าวถึงผู้หญิงคนอื่นเลย แม้แต่ถังหวยรุ่ยเองยังอดไม่ได้ที่จะอิจฉา
แม้เนี่ยหลางจะดูดีก็จริง แต่เขาไม่สามารถเทียบเท่าจิงเจ้อหรงได้เลย ทั้งด้านความสง่างามและความสุขุม จิงเจ้อหรงทิ้งห่างเนี่ยหลางไปหลายก้าว แต่ชายผู้โดดเด่นคนนี้กลับยอมแต่งงานกับถังหลานผู้เคยหย่าร้างกับสามีมาก่อนเนี่ยนะ
เมื่อเห็นว่าถังหลานปรากฏตัวในตระกูลพร้อมกับผู้ชายที่เพียบพร้อม ถังหวยรุ่ยยิ่งขุ่นเคืองมากขึ้นไปอีก
ถังหลานอายุมากกว่าเธอแค่ครึ่งปี แต่หล่อนกลับดูอ่อนเยาว์ เพราะได้กินยาชั้นเลิศทุกวัน และถังหลานเติบโตจากโลกภายนอกจึงไม่สามารถเทียบเทียมเธอได้ แต่อีกฝ่ายกลับดูเด็กกว่า สาวกว่า และสวยกว่า ซึ่งทำให้เธอค่อนข้างหงุดหงิดใจมากจริง ๆ
ได้ยินถังหวยรุ่ยพูดจาถากถาง ใบหน้าของถังหลานก็บึ้งตึง ขณะเธอจะพูดบางอย่าง จิงเจ้อหรงก็ก้าวขาออกมายืนด้านหน้าของเธอแล้ว
“นี่… คุณถังครับ ถึงซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยจะไม่ใช่ลูกในสายเลือดของผม แต่พวกเขาก็คือลูกของผมครับ และไม่ใช่อาหลานที่โชคดี ผมต่างหากที่โชคดีที่ได้พบเจอกับผู้หญิงอย่างอาหลาน สิ่งที่ผมจะเกลียดมีเพียงอย่างเดียว คือผมเกลียดที่ไม่ได้พบเธอให้เร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผมคงได้ดูแลเธอตั้งนานแล้ว”
หลายคนในที่นี้ยิ่งอิจฉาเมื่อเห็นจิงเจ้อหรงก้าวขาออกมาปกป้องถังหลาน
นั่นทำให้ถังหวยรุ่ยยิ่งโกรธมากขึ้น แต่ขณะที่เธอจะพูดบางอย่าง ผู้เฒ่าตระกูลก็กล่าวขัด
“หยวนซ่ง ฉันคิดว่าถังซวงกับถังเซวี่ยควรจะอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลถัง เพราะสกุลของพวกเขาคือถัง หมายความว่าพวกเขาเองก็ต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลถังของเราเช่นกัน อีกอย่างฉันได้ยินว่าอาหลานมีลูกอีกสองคน และหนึ่งในนั้นเป็นเด็กผู้ชาย ไม่แน่ใจว่าเราควรเอาเขาเข้าร่วมกับลำดับวงศ์ตระกูลของเราไหม”
ผู้เฒ่าตระกูลทราบเรื่องนี้ตอนที่ถังคุนหาวกล่าวออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าตระกูลอย่างนั้นแล้ว ผู้เฒ่าถังถึงกับตกตะลึงไป
“อะไรกัน… อาหลานมีลูกชายงั้นหรือ?”
แม่เฒ่าถังหันมองถังหลานก่อนจะถามว่า “อาหลาน ทำไมไม่พาเด็กสองคนนั้นมาด้วยล่ะ?” เธอมีแต่หลานสาวและไม่มีหลานชาย เพราะเหตุนี้เด็กในรุ่นหลานจึงมีเพียงถังอวี้สือที่เป็นผู้หญิงแค่คนเดียวเท่านั้น เธอจึงคิดว่าถังหลานมีลูกสองคนคือถังซวงและถังเซวี่ย แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีลูกอีกสองคน และหนึ่งในนั้นเป็นเด็กผู้ชายด้วย สิ่งนี้ทำให้เธอยิ่งประหลาดใจมาก
ถังคุนเฉินและหลานอี้ไป๋หันมองถังหลานและจิงเจ้อหรง พวกเขาจึงคาดเดาได้ว่าลูกอีกสองคนของถังหลานคงจะเป็นลูกของจิงเจ้อหรง
ถังหวยรุ่ยยิ่งรู้สึกอิจฉาถังหลานมากขึ้น
เหตุผลที่เธอต้องแต่งงานก็เพราะต้องการบุตรชายเพื่อสืบทอดตระกูลถัง แต่เธอก็ไม่ต่างจากแม่ของตนเองที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการคลอด หลังจากนั้นเธอจึงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก ดังนั้นจึงมีลูกสาวเพียงคนเดียวคือถังอวี้สือ และโชคดีที่ถังอวี้สือสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีและมีพรสวรรค์ เธอจึงค่อย ๆ คลายปมเรื่องลูกชายไป แต่ตอนนี้เธอกลับได้ทราบว่าลูกพี่ลูกน้องที่เหมือนตายไปแล้วของเธอไม่เพียงแต่จะมีชีวิตอยู่ แต่อีกฝ่ายกลับมีลูกชายด้วย แล้วเธอจะสามารถยอมรับมันได้ยังไง?
หลังได้ยินว่าถังหลานมีลูกชาย ผู้เฒ่าถังลอบผ่อนคลายลงเล็กน้อย เป็นตอนนี้เองที่เขาต้องการให้ลูก ๆ ของถังหลานเข้าสู่ลำดับวงศ์ตระกูลทั้งหมด นี่ไม่เพียงแต่จะเพิ่มสมาชิกของตระกูลถัง แต่ยังนำความมั่นคงมาสู่สายเลือดของพวกเขาด้วย… เด็กชายที่พวกเขาปรารถนา
แต่ผู้เฒ่าตระกูลรองกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “พี่ใหญ่ จะเอาอย่างนั้นหรือครับ? แต่อย่างที่หวยรุ่ยพูดไว้ ถังหลานไม่ได้แต่งเขยเข้าบ้าน ดังนั้นลูกของเธอไม่สามารถอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลถังได้ และสกุลถังที่ถังซวงกับถังเซวี่ยใช้มันเป็นเรื่องบังเอิญไร้ซึ่งความหมาย ส่วนลูกอีกสองคนของถังหลานก็ไม่ได้ใช้สกุลถังด้วยเช่นกัน”
แม้ถังหลานจะกลับคืนสู่ตระกูลถังแล้ว แต่เธอไม่สนใจที่จะได้สิ่งใดจากตระกูลถัง และเธอก็ไม่ต้องการให้ลูก ๆ ของเธออยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลถังด้วย
“ค่ะ ลูกอีกสองคนของฉันสกุลจิง และอาเจ้อไม่ใช่เขยแต่งเข้าบ้านตระกูลถัง เพราะฉะนั้นลูกของฉันกับเขาจะไม่อยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลถังค่ะ”
ได้ยินถังหลานปฏิเสธอย่างนั้นแล้ว ถังหวยรุ่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่เธอยังไม่ทันได้โล่งอกดีนัก หัวเฟยเฟิ่งกล่าวขึ้นว่า “ลูกของอาหลานกับเจ้อหรงก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถังซวงกับถังเซวี่ยจะต้องอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลถัง ทุกสิ่งที่ถังอวี้สือได้รับ ถังซวงและถังเซวี่ยที่อยู่ในครอบครัวของเราก็ต้องได้รับเช่นกัน อีกอย่างทำไมซวงเอ๋อร์จะเทียบกับถังอวี้สือไม่ได้? พวกเขาทั้งสองคนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และร่วมกันทำโครงงานด้วยกัน ซวงเอ๋อร์ของเราก็มีส่วนร่วมในความสำเร็จนั้นด้วย และความสามารถของเธอไม่ได้ด้อยกว่าเลยเมื่อเทียบกับถังอวี้สือ”
ได้ยินคำพูดของหัวเฟยเฟิ่ง ถังหลานขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะหันไปมอง เธอไม่ต้องการให้ลูกสาวอยู่ในตระกูลถัง
ตระกูลถังนั้นใหญ่เกินไป และเต็มไปด้วยคนมากมาย พวกเขาเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความริษยา จิตใจร้อยแปดไม่อาจหยั่งถึง หากซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเข้าตระกูลถังจริง ๆ ลูกของพวกเขาสองคนก็จะกลายเป็นญาติตระกูลถังด้วย
หัวเฟยเฟิ่งราวกับมองเห็นความกังวลของลูกสาว เธอยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ถ้าซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเข้าสู่ตระกูลถังแล้ว พวกเขาจะได้รับทรัพย์สมบัติของตระกูลถังที่ควรได้ แต่ยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนจ้ะ”
ถังหลานได้ยินอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ เพียงหันมองถังซวงและถังเซวี่ยก่อนจะถามว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ลูกสองคนคิดยังไง?”
ถังเซวี่ยยังไม่ตัดสินใจ แต่หันมองถังซวง “หนูแล้วแต่พี่ค่ะ”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงทักษะการแพทย์ของตระกูลถัง เธอเองก็มีความปรารถนาอยู่ในใจ เธอจึงหันมองผู้เฒ่าตระกูลก่อนจะถามขึ้นว่า “ผู้เฒ่าตระกูลคะ ถ้าฉันกับเสี่ยวเซวี่ยจะเข้าร่วมลำดับวงศ์ตระกูลต่อจากแม่ของฉัน คุณคิดยังไงคะ?”
“ได้แน่นอน”
ผู้เฒ่าตระกูลพยักหน้ายิ้มรับ
แต่ถังคุนเฉินไม่เห็นด้วย
ทว่าผู้เฒ่าตระกูลกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย เพียงกล่าวตำหนิว่า “คุนเฉิน ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะมาตัดสินใจเรื่องภายในตระกูล ให้พวกเราผู้อาวุโสและพ่อของเธอตัดสินใจก็พอแล้ว”
ใบหน้าของถังคุนเฉินยิ่งมืดมน แต่เขาก็ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้
แม้ผู้เฒ่าตระกูลรองจะไม่เห็นด้วยกัน และยังมีผู้เฒ่าตระกูลสามและหกอีก
แต่ก็น่าเสียดายที่มีผู้เฒ่าตระกูลอีกมากเห็นด้วยกับผู้เฒ่าตระกูลใหญ่
และสุดท้าย ถังซวงและถังเซวี่ยจึงได้เข้าร่วมลำดับวงศ์ตระกูลถัง