บทที่ 528 ขัดแย้ง
บทที่ 528 ขัดแย้ง
หลังใส่ยาคืนชีพลงในขวดหยกเรียบร้อยแล้ว ถังซวงถอนหายใจอย่างโล่งอก
และไม่คิดจะรอเวลาอีกต่อไป เธอหยดเลือดลงบนใบสั่งยาแต่ละใบ ก่อนจะพยายามจดจำมันไว้ในใจ ความจริงแล้วเธออยากจะจดมันลงกระดาษแต่กลัวว่าจะถูกจับได้ ดังนั้นการจดจำไว้ในใจจึงจะปลอดภัยกว่า
ขณะถังซวงกำลังจดจำใบสั่งยาเหล่านั้น ถังเซวี่ยกับเฟิงเยี่ยหานก็ขึ้นไปบนยอดเขา
“โห… วิวที่นี่สวยจริง ๆ ด้วย”
ถังเซวี่ยมองทะเลดอกไม้ตรงหน้าด้วยความผ่อนคลาย “เฟิงเยี่ยหาน เราไปดูตรงนั้นกันเถอะค่ะ”
“อื้ม”
เฟิงเยี่ยหานมองถังเซวี่ยอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพาเธอเดินไปที่นั่น
“เสียดายที่พี่ไม่ได้มาด้วย อีกสองวันพวกเราก็จะกลับแล้วด้วยสิ เดี๋ยวค่อยให้พี่เขยพาพี่สาวมาก็ได้”
เฟิงเยี่ยหานพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ให้พวกเขาสองคนมาที่นี่ด้วยกันดีกว่า ถ้าเราไปด้วยคงจะรบกวนพวกเขาแย่”
ได้ยินอย่างนั้นถังเซวี่ยพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “อื้ม จริงด้วย”
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่บนยอดเขาสักพัก ก่อนที่จะเดินลงมา
ภูเขาลูกนี้เป็นพื้นที่ของตระกูลถังทั้งหมด หลังจากเดินลงจากยอดเขาแล้ว พวกเขามาถึงลานบ้านแห่งหนึ่งและกำลังจะเดินผ่านไป เพราะหากลงไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงลานบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่แล้ว
ทันทีที่ทั้งสองเดินผ่านประตูลานบ้านนั้น พวกเขาพบเจอผู้หญิงสวยคนหนึ่ง และชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่
“นี่… หยุดนะ พวกเธอเป็นใคร ทำไมถึงมาที่ประตูบ้านของฉัน”
ได้ยินแล้วถังเซวี่ยตอบกลับทันที “พวกเราลงมาจากยอดเขา กำลังจะกลับไปที่บ้านของเราค่ะ แค่เดินผ่านมาเท่านั้น”
“เดินผ่าน… ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกเธอแค่เดินผ่านมา”
ผู้หญิงคนนั้นดูดีมาก แต่น้ำเสียงดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก
ถังเซวี่ยอยากจะอธิบาย แต่เฟิงเยี่ยหานก้าวออกมาด้านหน้า ให้เธอยืนอยู่ด้านหลังของเขา สายตาจับจ้องผู้หญิงคนนั้นก่อนจะกล่าวเสียงทุ้ม “พวกเราแค่เดินผ่านมา คุณจะหยาบคายเกินไปหรือเปล่าที่คิดว่าพวกเราจะขโมยของในบ้านของคุณ ไร้สาระเกินไปแล้ว”
กล่าวจบแล้ว เฟิงเยี่ยหานจับมือถังเซวี่ยก่อนจะออกเดินทันที
แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นก็ยังเข้ามาขวางทางพวกเขา
“หยุดนะ ฉันบอกให้พวกเธอออกไปได้แล้วหรือ?”
ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปหาเฟิงเยี่ยหาน ก่อนจะจับจ้องเขาครู่หนึ่ง
คราวแรกความสนใจของเธออยู่ที่ถังเซวี่ย ไม่ได้เห็นใบหน้าเฟิงเยี่ยหานชัดเจนนัก จนขณะนี้ที่เฟิงเยี่ยหานเงยหน้าขึ้นลำคอตั้งตรง เธอจึงมองเห็นเขาชัดเจน สายตาของเธอจึงถูกความหล่อเหลาของเฟิงเยี่ยหานดึงดูดไว้โดยสมบูรณ์
“คุณชื่ออะไร? มาที่ตระกูลถังครั้งแรกงั้นหรือ? ทำไมฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย?”
ด้วยรูปลักษณ์ของเฟิงเยี่ยหาน หากได้พบสักครั้ง เธอจะไม่มีวันลืมเขาแน่นอน เธอจึงมั่นใจมากว่านี่เป็นครั้งแรกที่ตนได้พบเจอกับเฟิงเยี่ยหาน
เมื่อเห็นว่าเฟิงเยี่ยหานไม่ตอบกลับ ผู้หญิงคนนั้นพูดต่อว่า “ฉันชื่อถังอวี้เทียน มาจากครอบครัวของผู้เฒ่าตระกูลรอง แล้วคุณอยู่ตระกูลไหน? ชื่ออะไร?”
เฟิงเยี่ยหานไม่ตอบอะไร แต่ถังเซวี่ยที่อยู่ด้านหลังเหลือบมองถังอวี้เทียนด้วยความสงสัย “ผู้เฒ่าตระกูลรองงั้นหรือ…”
เธอเคยได้พบกับผู้เฒ่าตระกูลรองแล้ว แต่เธอไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่นัก หากให้เทียบกับคนอื่น ๆ เธอชอบผู้เฒ่าตระกูลใหญ่มากกว่า
ส่วนถังอวี้เทียนได้ยินถังเซวี่ยพูดอย่างนั้น เธอเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะถามต่อว่า “เธอรู้จักปู่ของฉันด้วยหรือ? เธอเป็นใคร? เป็นญาติจากครอบครัวไหน? หรือว่ามาทำงานในตระกูลของฉัน?”
เธอออกจากบ้านไปก่อนหน้านี้ และเพิ่งจะได้กลับมาที่ตระกูลถังในวันนี้ แน่นอนว่าเธอไม่รู้จักถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหาน
“เราเป็นญาติของผู้เฒ่าถัง เพิ่งกลับมาเยี่ยมตระกูลถังเมื่อไม่กี่วันก่อน”
ได้ยินอย่างนั้น ถังอวี้เทียนเหลือบมองถังเซวี่ยด้วยความเย้ยหยัน
ในความคิดของเธอ ญาติส่วนใหญ่ที่มาเยี่ยมตระกูลถังล้วนแต่มาเพื่อรับชมความสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และคิดไปว่าถังเซวี่ยเป็นญาติประเภทนี้ แต่เมื่อเธอได้ยินว่าอีกฝ่ายใช้สกุลถังเหมือนกัน เธอจึงคิดว่าหล่อนอาจจะอยู่ในสาขาย่อยของตระกูลถัง “อ๋อ พวกเธอมาที่นี่ในช่วงที่ฉันอยู่ข้างนอก เราก็เลยไม่รู้จักกันสินะ”
แต่ขณะพูด เธอไม่ได้ชายตามองถังเซวี่ยแม้แต่น้อย
เวลานี้สีหน้าของถังอวี้เทียนกลับแปลกประหลาดเมื่อจับจ้องไปที่ใบหน้าของเฟิงเยี่ยหาน
“แล้วถ้าเธอชื่อถังเซวี่ย คุณล่ะชื่ออะไร? อยู่ในครอบครัวไหน?”
“ผมเป็นญาติกับผู้เฒ่าถัง”
เฟิงเยี่ยหานตอบกลับอย่างไม่แยแส ก่อนจะจากไปพร้อมกับถังเซวี่ย ทั้งสองจับมือกันไว้แน่น แต่ก่อนจะได้จากไป พวกเขาพบว่าถังอวี้เทียนยังคงไม่ยอมหยุดราวี
ถังอวี้เทียนมองทั้งสองด้วยความโกรธก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันสั่งให้พวกคุณหยุด ไม่เข้าใจภาษามนุษย์งั้นหรือ?”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานก็บูดบึ้งเล็กน้อย
เฟิงเยี่ยหานจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วคุณไม่เข้าใจภาษามนุษย์หรือไง? พวกเราบอกแล้วว่าแค่เดินผ่านมาและกำลังจะกลับไปแล้ว แต่คุณก็เข้ามาขวางเราครั้งแล้วครั้งเล่า คุณนั่นแหละที่กำลังทำอะไรอยู่?”
เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของเฟิงเยี่ยหาน ถังอวี้เทียนกลับยิ่งรู้สึกว่ามันดูดีมาก สอดคล้องกับภาพชายในฝันที่เธอมาดหมายไว้ ผู้ชายเย็นชาและเจ้าอารมณ์ ช่างมีเสน่ห์อะไรอย่างนี้ เวลานี้เธอจึงเอ่ยปากเสียงหวาน “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรสักหน่อย ก็แค่อยากทราบชื่อของคุณเท่านั้น”
เฟิงเยี่ยหานที่ไม่ได้สัมผัสอะไรได้ในคราวแรก แต่เมื่อเห็นสายตาของถังอวี้เทียน เขาจึงตระหนักได้ถึงบางอย่างก่อนจะเผยสีหน้ารังเกียจออกมา
“พวกเรากำลังจะออกจากตระกูลถังในเร็ว ๆ นี้และคงไม่ได้พบเจอกันอีก ไม่มีความจำเป็นต้องทราบชื่ออยู่แล้ว”
ตอนนี้ แม้แต่ถังเซวี่ยยังรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทำไมถังอวี้เทียนคนนี้ถึงอยากจะรู้เรื่องของเฟิงเยี่ยหานขนาดนั้นนะ ไหนจะสายตาที่เธอใช้มองเฟิงเยี่ยหานก็น่าอึดอัดใจจริง ๆ เด็กสาวที่เห็นภาพทั้งหมดก็อยากจะออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
เพียงแต่ว่าถังอวี้เทียนกลับดื้อรั้น ไม่ยอมปล่อยสิ่งที่เธอต้องการไปโดยง่าย และไม่ยอมให้ถังเซวี่ยกับเฟิงเยี่ยหานจากไป “ถังมู่ หยุดพวกเขา”
“ครับ”
ถังมู่ที่เงียบมาตลอดตอบกลับ ก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าของถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหาน “ผมขอแนะนำให้พวกคุณฟังเธอนะ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ…” ขณะพูดอย่างนั้น เขาหันมองเฟิงเยี่ยหานพร้อมยกยิ้ม “โชคดีแล้วที่คุณได้รับความโปรดปรานจากคุณหนูอวี้เทียน เพราะฉะนั้นอย่าแสดงความโง่เลย”
เฟิงเยี่ยหานแทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“งั้นเก็บความโปรดปรานนั่นไปซะ”
ถังเซวี่ยเองก็กล่าวขึ้นว่า “ใช่ เชิญเก็บไว้กับตัวเองเถอะ” หลังพูดอย่างนั้นเธอก็คว้ามือของเฟิงเยี่ยหานก่อนจะมองถังมู่ด้วยความไม่พอใจ
“หึ… ในเมื่อพูดด้วยดี ๆ ไม่ยอมทำตาม งั้นคงต้องใช้กำลังบังคับ แต่อย่ามากล่าวโทษว่าผมหยาบคายล่ะ”
ถังมู่ไม่พูดพล่ามอีกต่อไป พุ่งเข้าหาเพื่อจับกุมตัวของทั้งสองคน
“เฟิงอี…”
ถังเซวี่ยตะโกนอย่างรวดเร็ว ทันใดเฟิงอีปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของพวกเขา เฟิงเอ้อร์และคนอื่น ๆ ออกมาพร้อมกับเฟิงอีด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาเห็นว่าถังมู่ตรงหน้าฝีมือไม่ธรรมดา และเฟิงอีเพียงคนเดียวอาจจะไม่สามารถรับมือได้
“นี่… พวกคุณเป็นใครกันแน่?”
ถังอวี้เทียนมองเฟิงอีที่ปรากฏตัวขึ้นจากไหนไม่รู้ และสัมผัสได้ว่าสองคนตรงหน้านี้รับมือไม่ได้ง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีผู้คุ้มกันปรากฏตัวออกมาอย่างนี้แน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็ยังไม่คิดจะหยุด “ถังมู่ สั่งสอนบทเรียนให้คนพวกนี้ซะ”
“ครับ…”
หลังพูดจบ ถังมู่ เฟิงอี และคนอื่น ๆ ก็เข้าปะทะกันเรียบร้อย