บทที่ 537 ลูกพี่ลูกน้องถังซวง
บทที่ 537 ลูกพี่ลูกน้องถังซวง
จิงเหวินรุ่ยยกยิ้มอย่างผ่อนคลาย และพยักหน้ารับ “อย่างนั้นผมจะรอคุณกลับมานะ”
เมื่อเห็นสายตาของจิงเหวินรุ่ย จูรุ่ยก็หน้าแดงก่ำพร้อมกับพยักหน้า
จิงเหวินรุ่ยอยากจะใช้เวลากับจูรุ่ยนานกว่านี้ แต่เมื่อนึกได้ว่าจูรุ่ยกำลังจะกลับก่างเฉิงวันพรุ่งนี้แล้ว และเธอยังต้องตื่นแต่เช้า เขาก็มองเธอด้วยสายตาไม่เต็มใจ แต่ก็ยังเอ่ยปากพูดว่า “งั้นวันนี้กลับไปพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณ”
“ค่ะ”
จิงเหวินรุ่ยไปส่งจูรุ่ยที่ลานบ้านของเธอ แต่ก่อนที่จิงเหวินรุ่ยจะเดินกลับไปถึงห้อง เขาได้พบกับคุณย่าจิงเสียก่อน
“เหวินรุ่ย มานี่หน่อยสิ ย่ามีเรื่องจะคุยด้วย”
จิงเหวินรุ่ยหันหลังกลับมายังห้องโถงด้านหน้า และเมื่อมาถึง เขาพบว่านอกจากคุณย่าจิงแล้ว ยังมีแม่ของเขา ถังซวง และคนอื่น ๆ นั่งอยู่ด้วย ทั้งหมดหันมองเขาด้วยแววตาสดใสแบบน่าประหลาด
“คุณย่า คุณแม่ นี่ดึกมาแล้วนะครับ ทำไมยังอยู่ที่นี่อีก”
จิงเหวินรุ่ยหันมองถังซวงแล้วกล่าวทักทาย “ซวงเอ๋อร์กับเจ๋อหยวนก็อยู่ด้วย ทำไมไม่ไปพักผ่อน ยังมานั่งรอพี่อยู่ที่นี่อีกล่ะ”
“เอาล่ะเหวินรุ่ย ย่าอยากจะถามว่าหลานกับจูรุ่ยพูดคุยอะไรกัน แล้วทำไมถึงคุยนานนัก”
คุณย่าจิงรู้สึกคันยิบ ๆ เธอต้องการรู้ให้ได้ว่าหลานชายคนรองพัฒนาความสัมพันธ์กับจูรุ่ยแล้วหรือยัง อีกอย่างจิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยยังหนุ่มยังแน่น เธอเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยต่างก็มีคนรักแล้ว เธอจึงเริ่มกังวลว่าหลานชายสองคนนี้จะขึ้นคาน และอาศัยอยู่กับเธอตลอดไป
เมิ่งผิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวต่อว่า “ใช่ จริง ๆ แล้วเราก็ไม่ได้อยากรู้หรอกนะว่าพวกเธอสองคนคุยอะไรกัน แต่เราอยากรู้ว่าเธอสองคนพัฒนาความสัมพันธ์หรือยังต่างหาก”
หลังพูดจบแล้ว เมิ่งผิงมองลูกชายของตัวเองอย่างคาดหวัง
ความจริงแล้ว เธอกังวลเรื่องนี้มากกว่าพี่สะใภ้เสียด้วยซ้ำ
หากเธอไม่เกือบทำร้ายจิตใจจลูกชายด้วยมือของตัวเองมาก่อน เธอคงจะนัดดูตัวให้เขาทุกวัน แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว และดูเหมือนว่าลูกชายจะคิดได้เองว่าเขาต้องมีคู่ครอง เธอเลยอยากรู้มากว่าจูรุ่ยจะมาเป็นลูกสะใภ้ของตนหรือเปล่า
แม้แต่ถังซวงเองก็ยังมองจิงเหวินรุ่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จิงเหวินรุ่ยมองแววตาจริงจังของทุกคนแล้วรู้สึกปวดหัวอย่างบอกไม่ถูก “คุณย่าครับ ทำไมถึงกดดันผมอย่างนี้ล่ะ”
“ไม่ได้กดดันสักหน่อย เราเป็นห่วงหลานต่างหาก”
จิงเหวินรุ่ยไม่เชื่อคำพูดนั้นแม้แต่น้อย
“นี่… มันยากมากหรือไงกะอีแค่ตอบคำถาม? หรือย่าแก่เกินกว่าจะพูดเรื่องนี้แล้ว? พวกเราต้องทำเฉยหรือ?”
จิงเหวินรุ่ยรีบกล่าวขอโทษทันที
“คุณย่าครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เอาล่ะ ผมบอกก็ได้ ผมเพิ่งสารภาพรักกับจูรุ่ย แต่เธอยังไม่ตอบตกลง เธอบอกให้ผมรอ แล้วจะให้คำตอบหลังจากกลับมาเมืองหลวงคราวถัดไป”
“อ้าว… อย่างนั้นหรือ”
คุณย่าจิงและเมิ่งผิงผิดหวัง แต่ไม่นานพวกเธอก็เข้าใจเรื่องราว
“ในเมื่อจูรุ่ยไม่ได้ปฏิเสธ หมายความว่าเธอก็ประทับใจในตัวลูกเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่บอกให้รอ”
ถังซวงพยักหน้า “ใช่ค่ะ ถ้าไม่ชอบ เธอต้องปฏิเสธแน่นอน”
คุณย่าจิงและเมิ่งผิงโล่งใจมาก ทั้งสองโบกมือให้กับจิงเหวินรุ่ย “อืม เท่านี้แหละ รีบกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ไป ๆ พวกเราก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”
จิงเหวินรุ่ยเห็นสีหน้าขัดใจของคุณย่าจิงและแม่ของตน ก็รู้สึกอับจนหนทางอย่างบอกไม่ถูก เขาลุกขึ้นก่อนจะพูดต่อว่า “ครับ งั้นผมกลับก่อนนะ ทุกคนก็รีบไปนอนด้วยล่ะ”
จริง ๆ ถังซวงมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับคุณย่า แต่ไม่คิดเลยว่าตนจะได้ฟังเรื่องนี้ไปด้วย หลังจากจิงเหวินรุ่ยออกไปแล้ว เธอกลับมาที่ห้องของตัวเองอย่างยินดี
วันรุ่งขึ้น ครอบครัวของเฮ่อจื่อกุยกับจูรุ่ยจะออกจากเมืองหลวง
ถังซวงและจิงเหวินรุ่ยจึงไปส่งพวกเขาด้วยกัน ก่อนจะเฝ้ามองรถไฟเคลื่อนตัวออกจากชานชาลาไปแล้ว จึงกลับบ้าน
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พี่จะไปทำงานก่อนนะ พวกเธอรีบกลับบ้านกันล่ะ” จิงเหวินรุ่ยหันมองโม่เจ๋อหยวนกับเฟิงเยี่ยหาน “ฝากดูแลซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยด้วยล่ะ”
“พี่รองไม่ต้องกังวล เราจะดูแลเธออย่างดีครับ”
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานยกยิ้มก่อนจะโบกมือลาจิงเหวินรุ่ย
หลังจากจิงเหวินรุ่ยออกไปแล้ว ถังเซวี่ยหันมองเฟิงเยี่ยหานก่อนจะถามว่า “แล้วคุณจะกลับเมืองไห่เฉิงเมื่อไหร่หรือคะ?”
เฟิงเยี่ยหานพยักหน้า “อื้ม ผมเองก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน” เขาต้องกลับตั้งนานแล้ว แต่เพราะครอบครัวเฮ่อมาที่นี่ เขาจึงอยู่ต่ออีกสองสามวัน และกลับในวันพรุ่งนี้
แม้ว่าถังเซวี่ยจะไม่อยากให้เขาไป แต่เธอก็รู้ว่าเฟิงเยี่ยหานต้องกลับไปจัดการตระกูล
“ฉันจะรอคุณกลับมานะ พรุ่งนี้ฉันก็จะไปโรงเรียนพร้อมกับพี่แล้ว”
“อื้ม ตั้งใจเรียนนะครับ ผมทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมาหา”
ถังเซวี่ยยกยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น “อื้ม”
เฟิงเยี่ยหานจะกลับเมืองไห่เฉิงในวันพรุ่งนี้ และพวกเธอก็ต้องกลับไปเรียนหนังสือต่อ ทั้งสี่คนจึงเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานเป็นการส่งท้าย พอวันรุ่งขึ้นเฟิงเยี่ยหานออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนถังซวง ถังเซวี่ย และโม่เจ๋อหยวนไปเรียนหลังจากไปส่งเขา
ทว่าสิ่งที่ถังซวงไม่คาดคิดก็คือเมื่อเธอมาถึงห้องเรียน เธอกลับได้พบเจอถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วอีกครั้ง
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ คิดว่าสองคนนี้จะไม่มาเรียนแล้วซะอีก แต่ดูเหมือนเธอจะประเมินอีกฝ่ายต่ำไป เพราะสองคนนี้ไร้ยางอายพอสมควร
ถังซวงไม่คิดจะสนใจทั้งสองคน เมื่อเธอเห็นต้วนเฟิ่งหยิงกับเจียนหวานหว่าน ก็เดินเข้าหาทั้งสองทันที
ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านตื่นเต้นมากที่ได้พบกับถังซวงอีกครั้ง ทั้งสองโบกมือทักทายอย่างตื่นเต้น “ถังซวง ทางนี้ ทางนี้”
ถังซวงยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหา
และเมื่อเดินผ่านถังอวี้สือ ทันใดถังอวี้สือลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดว่า “ลูกพี่ลูกน้องถังซวง เธออยากจะนั่งกับฉันไหม”
ถังซวงเลิกคิ้วให้กับคำพูดของอีกฝ่าย เธอจำได้ว่าเธอไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวของถังคุนเฉินเลย แต่ถังอวี้สือกลับเรียกเธอว่าลูกพี่ลูกน้อง แสดงว่าอีกฝ่ายจะต้องมีแผนการร้ายแน่ ถึงเรียกเธอแบบนี้
ขณะนี้นักเรียนคนอื่น ๆ หันมามองถังซวงและถังอวี้สือด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
ต้วนเฟิ่งหยิงชี้ถังซวงและถังอวี้สือด้วยความประหลาดใจก่อนจะอุทานออกมาว่า “พวกเธอ… เธอสองคนเป็นญาติกันหรือ?”
ก่อนถังซวงจะตอบกลับ ถังอวี้สือก็ยกยิ้มอธิบายก่อนแล้ว “ใช่ ถังซวงเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน เราเพิ่งรู้เรื่องเมื่อไม่นานนี้เอง” ใช่ เธอกับถังซวงควรจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่แม่ของเธอแต่งเขยเข้าบ้าน ถังซวงและถังเซวี่ยเองก็เข้าสู่ลำดับวงศ์ตระกูลถังแล้ว ดังนั้นจึงสมควรเรียกกันว่าลูกพี่ลูกน้องสิถึงจะถูก
…………………………………………………