บทที่ 570 ออกจากตระกูลหัว
บทที่ 570 ออกจากตระกูลหัว
เมื่อเห็นว่าลูกสาวปฏิเสธ หัวเทียนจางยิ่งไม่พอใจ “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ก็พ่อเห็นพรสวรรค์ของเสี่ยวเซวี่ยด้วยตัวเอง!”
แม้พ่อของตนจะขุ่นเคือง แต่หัวเฟยเฟิ่งเองก็ยังไม่เชื่อ
“แต่ตลอดเวลาที่หนูอยู่กับเธอ หนูไม่เห็นว่าเสี่ยวเซวี่ยจะพิเศษอย่างนั้น”
หัวเทียนจางเหลือบมองลูกสาวอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนจะกล่าวต่อว่า “เพราะลูกไม่ตั้งใจมอง อีกทั้งลูกเองก็เป็นสมาชิกของตระกูลหัวแต่กลับไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะความช่างสังเกตของพ่อ พวกเราคงไม่มีทางรู้ แน่นอนว่าพ่อมั่นใจในตัวเสี่ยวเซวี่ย เธอเหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบทอดที่สุด”
หัวเทียนจางเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นภายในหอสมุด และกล่าวเตือนว่า “อย่าคิดบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด แม้แต่ถังคุนหาวก็ด้วย พ่อเกรงว่าถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป มันจะทำให้ผู้คนร้อนรนและทำอันตรายกับเสี่ยวเซวี่ย”
แม้ว่าสิ่งที่ลูกสาวพูดออกมาจะไม่ค่อยเข้าหูของเขามากนัก แต่เธอก็พูดถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงผู้สืบทอดเป็นเรื่องยุ่งยาก และเขาจำเป็นต้องรวบรวมอำนาจให้มาอยู่ที่ตนก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกดำเนินการอย่างเงียบ ๆ และไม่ให้ใครพบเห็นเด็ดขาด
“เรื่องนี้… หอสมุดมีสถานที่แบบนั้นซ่อนอยู่จริง ๆ หรือคะ”
จากที่หัวเฟยเฟิ่งไม่เชื่อ เธอก็เริ่มเชื่อถ้อยคำของพ่อแล้วเล็กน้อย ในแววตามีความเคร่งเครียด ก่อนจะรับปากหนักแน่น “หนูรู้แล้วค่ะ หนูจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร แต่พ่อก็ต้องกระทำการอย่างรัดกุม ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะกระโดดขึ้นกำแพงโดยไม่ให้เราตั้งตัว”
หัวเฟยเฟิ่งรู้ถึงนิสัยใจคอของครอบครัวอารองเป็นอย่างดี และเธอเองก็กลัวว่าเสี่ยวเซวี่ยจะตกอยู่ในอันตราย
หัวเทียนจางพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
ทั้งพ่อและลูกสาวกลับมาคุยแผนการในอนาคตร่วมกัน
อีกด้านหนึ่ง ถังหลานและครอบครัวนั่งอยู่ด้วยกัน ถามไถ่ถังซวงกับถังเซวี่ยเกี่ยวกับเรื่องราวในหอสมุด
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย อ่านหนังสือเป็นยังไงบ้าง? ในตระกูลหัวมีหนังสือมากมายหรือเปล่า?”
ได้ยินแม่ถามอย่างนั้น ถังซวงยกยิ้มตอบกลับว่า “ชั้นหนังสือสูงตระหง่านเลยค่ะแม่ มีหนังสือทุกประเภทเลย” หลังจากพูดถึงหนังสือ ถังซวงจดจำได้ว่าเธอได้อ่านมันไปเพียงน้อยนิดเท่านั้น เพราะมัวแต่เข้าไปในห้องลับโดยไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย
ตอนนี้ถังซวงรู้สึกเสียใจจริง ๆ เนื้อหาในหนังสือเล่มที่เธอหยิบออกมาน่าสนใจมาก ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่จะมีโอกาสเข้าไปในนั้นอีกครั้ง
ถังเซวี่ยพยักหน้า “ใช่ค่ะ มีหนังสือหลายเล่มเลย แล้วก็…”
ถังเซวี่ยมองถังซวงอย่างขอความเห็น เธอลังเลว่าควรจะบอกกล่าวพ่อกับแม่ถึงเรื่องที่ได้พบเจอหรือไม่
เวลานี้ถังหลานและครอบครัวนั่งด้วยกัน ส่วนถังคุนหาวกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้ว ถังซวงมองไปรอบ ๆ ก่อนจะปิดประตูลงอย่างระแวดระวัง จากนั้นหันกลับมาพยักหน้าให้ถังเซวี่ย
ถังหลาน จิงเจ้อหรง โม่เจ๋อหยวน และเฟิงเยี่ยหานยืดตัวตรงทันทีเมื่อเห็นการกระทำของถังซวง
ถังหลานเอ่ยปากด้วยความกังวล “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย มีอะไรหรือเปล่า?”
จิงเจ้อหรงเองก็หนักใจเช่นกัน “พวกลูกพบเจออะไรในหอสมุดหรือ?”
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานเองก็สัมผัสได้ว่าพวกเธอน่าจะไปเจอบางอย่างในหอสมุด ยังไงหอสมุดของตระกูลหัวก็คงต้องยิ่งใหญ่ พวกเขาเองยังอยากจะเข้าไปด้วยเลยแต่ไม่สามารถทำได้นี่สิ
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะก่อนจะตอบกลับว่า “พ่อคะ แม่คะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูกับพี่ไม่ได้เจออะไรน่าหนักใจ แต่ว่า… คุณทวดบอกความลับของตระกูลหัวให้เราฟัง” หลังจากนั้นถังเซวี่ยเล่าถึงสิ่งที่หัวเทียนจางบอกกล่าว พร้อมกันนั้นก็หยิบถุงแร่ออกมาเพื่อให้ทุกคนดู
“คุณทวดบอกให้หนูเอาแร่พวกนี้กลับมาด้วย”
“นี่… บรรพบุรุษของตระกูลหัวมีพรสวรรค์อย่างนั้นหรือ แล้ว… เสี่ยวเซวี่ย นี่เป็นไปได้ยังไง? เป็นไปได้ไหมว่าคุณทวดคิดผิดไป มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากลูกเพียงโชคดีไม่กี่ครั้ง แล้วถ้าโชคไม่ดีขึ้นมาล่ะ?” ถังหลานยิ่งกังวล เรื่องแบบนี้มันเชื่อได้ยาก เป็นไปได้อย่างไรที่คน ๆ หนึ่งจะโชคดีตลอดไป?
เฟิงเยี่ยหานที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้นมา “ไม่แปลกใจเลย ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้เสี่ยวเซวี่ย ผมจะรอดพ้นอันตรายตลอด ทุกอย่างก็ราบรื่น เสี่ยวเซวี่ยเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านโชคนี่เอง”
ถังเซวี่ยจำได้ว่าเธอเองเคยช่วยเฟิงเยี่ยหานไว้หลายครั้ง และทุกครั้งก็ไม่เคยได้รับอันตรายใด อีกทั้งผู้ร้ายก็ไม่เคยพบเจอพวกเขาทั้งสองคนเลยสักครั้ง
จิงเจ้อหรงเห็นความกังวลของภรรยาจึงกล่าวปลอบ “อาหลาน อย่ากังวลเลยครับ เราถามซวงเอ๋อร์ดีกว่า ตอนนี้ลูกเป็นผู้นำตระกูลถังแล้ว และน่าจะรู้เรื่องของตระกูลมากกว่าพวกเรา”
ได้ยินอย่างนั้น ถังหลานพยักหน้ารับ “ใช่แล้วซวงเอ๋อร์ ลูกคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
ถังซวงตอบกลับอย่างเป็นกลาง
“หนูคิดว่าเสี่ยวเซวี่ยโชคดีมากจริง ๆ เธอน่าจะสืบทอดพรสวรรค์ของตระกูลหัวแน่นอน เพราะตระกูลหัวไม่มีเด็กโชคดีมาเกิดหลายร้อยปีแล้ว ซึ่งโชคชะตานั้นมาอยู่ที่เสี่ยวเซวี่ย อีกอย่างหนูคิดว่าตระกูลหัวคงจะไม่ยอมรับเสี่ยวเซวี่ย เพราะคุณยายก็มีน้องชายบุญธรรม หัวเฟยหลง อยู่แล้ว และเขาเป็นทายาทสืบทอดคนต่อไป หากเขารู้ว่าสถานะของตนกำลังสั่นคลอน เขาและหัวเทียนอวี้ที่อยู่เบื้องหลังน่าจะลงมือทำอะไรบางอย่าง”
ทุกคนพยักหน้ารับ
ถังหลานจับมือถังเซวี่ยก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย อย่าบอกใครเรื่องโชคของลูกอีกเลยนะ”
ถังเซวี่ยมองถังหลาน “แม่คะ หนูไม่เคยบอกใครว่าหนูเป็นคนโชคดีสักหน่อย”
“แม่รู้ แต่ยังไงในอนาคตก็ต้องระมัดระวังให้มาก”
ถังหลานยังคงไม่สบายใจ “ซวงเอ๋อร์ แม่คิดว่าเราควรจะออกจากตระกูลหัวโดยเร็วที่สุด ถึงเสี่ยวเซวี่ยของเราจะมีพรสวรรค์จริง ๆ แต่เธอไม่จำเป็นต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหัว ที่นี่อันตรายเกินไป”
หากวันนี้เป็นลูกสาวคนโตที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องทั้งหมด ถังหลานคงจะไม่กังวลใจมากนัก แต่สำหรับลูกสาวคนเล็ก หล่อนเทียบพี่สาวไม่ได้เลย เพราะเหตุนี้เธอจึงยิ่งเป็นห่วง
ถังซวงหันมองถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย เธอคิดยังไง?”
“หนู… หนูรู้ว่าหนูไม่มีความสามารถ แต่ว่า…”
แววตาของถังเซวี่ยเปล่งประกาย “หนูไม่อยากเป็นคนอ่อนแอตลอดไป ในอนาคตหนูจะแข็งแกร่งขึ้น”
“อื้ม!”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงก็ผ่อนคลายลง ในที่สุดน้องสาวตัวน้อยก็เติบโตขึ้นแล้วจริง ๆ และในอนาคตเธอจะเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ถังซวงเองก็เห็นด้วยว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการออกจากตระกูลหัว “เสี่ยวเซวี่ย ในอนาคตเธอจะเก่งกาจกว่านี้แน่นอน แต่คราวนี้เรามาที่ตระกูลหัวเพื่อพบเจอญาติ ดังนั้นเราควรกลับได้แล้ว หากอยู่ที่นี่นานกว่านี้อาจจะเป็นการดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้”
“ค่ะ”
ถังเซวี่ยไม่คิดค้านคำของพี่สาว ปกติแล้วเธอเองก็เชื่อในคำพูดของถังซวงเสมอมา ยิ่งกว่านั้นเธอไม่คิดว่าตัวเองจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหัวได้ จึงต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและรอบคอบที่สุด
ทันทีที่หัวเทียนจางรู้ว่าถังหลานกับครอบครัวจะกลับ เขาไม่ได้รั้งอีกฝ่าย แต่พาถังซวงและถังเซวี่ยไปที่หอสมุดอีกครั้ง และบอกกล่าวให้ถังเซวี่ยหยิบแร่กลับไปด้วย
คราวนี้เองที่ถังซวงสามารถอ่านหนังสือได้จบ
หลังจากนั้น ถังคุนหาวและหัวเฟยเฟิ่งก็พาถังหลานและครอบครัวออกจากตระกูลหัว
หลังจากหัวยี่ฮวนทราบข่าว เธอก็อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก คราวที่แล้วพวกเธอไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการจัดการกับพวกเธอ แต่ยังเสียหน้า ในตอนนี้ที่เธอกำลังพยายามชำระแค้นให้กับตัวเอง ถังซวงกับถังเซวี่ยก็จะออกจากตระกูลไปเสียอย่างนั้น เรื่องนี้ยิ่งทำให้เธอขุ่นเคืองมาก