บทที่ 575 มาถึงเมืองก่างเฉิง
บทที่ 575 มาถึงเมืองก่างเฉิง
จิงเหวินรุ่ยรีบโบกมือปฏิเสธเมื่อได้ยินสิ่งที่ถังซวงพูด “ซวงเอ๋อร์ เธอต้องไปเรียน ให้ฉันไปคนเดียวเถอะ”
“พี่รอง พี่ไม่เคยไปเมืองก่างเฉิงและไม่คุ้นเคยกับที่นั่น ให้ฉันไปด้วยถูกต้องแล้วค่ะ ส่วนเรื่องเรียน ฉันเรียนทุกอย่างจบหลักสูตรแล้ว ตอนนี้อยู่ปีสอง มันไม่มีปัญหาอะไร”
จิงเหวินรุ่ยเองก็รู้มาตลอดว่าถังซวงเก่ง และเรียนรู้เนื้อหาวิชาจนจบหลักสูตรแล้วด้วย… ทำไมช่องว่างระหว่างเขากับเธอจึงมากมายขนาดนี้ แต่ยังไงก็ตาม เขาต้องการจะไปที่นั่นคนเดียว “ซวงเอ๋อร์ ไม่รู้หรอกนะว่าการไปเมืองก่างเฉิงคราวนี้ฉันจะเจอกับอะไร แต่ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันจะกลับมาบอกกล่าวกับลุง”
ถังซวงเหลือบมองจิงเหวินรุ่ยอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่หรือฉัน แน่นอนว่าคนที่ตกอยู่ในอันตรายคือพี่ ไม่ใช่ฉัน”
จิงเหวินรุ่ยหุบปากสนิท
เขารู้สึกราวกับว่าถูกเสียบกลางอก แน่นอน เขายอมรับความจริงนี้ ร่างกายของเขาเองก็ลอบสั่นสะท้านเล็กน้อยเหมือนกัน
“พี่รองอย่าเสียเวลาอีกเลยค่ะ ไปคุยกับคุณปู่ก่อนเถอะ แล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับลุงรองและป้ารอง ส่วนพ่อแม่ของฉันไว้พูดคุยภายหลัง ถ้าเราช้ากว่านี้จูรุ่ยอาจจะหมั้นหมายกับชายคนนั้นไปก่อน เราจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์”
พูดจบ เธอเดินออกไปทันที
จิงเหวินรุ่ยเห็นอย่างนั้นจึงรีบตามไปด้วย
ทันทีที่คุณปู่จิงได้ยินเหตุผลของถังซวงและจิงเหวินรุ่ยที่จะไปเมืองก่างเฉิง เขาขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “ถ้าหากว่าจูรุ่ยเต็มใจ การเดินทางของพวกเธอก็จะเปล่าประโยชน์นะ”
จิงเหวินรุ่ยกล่าวตอบรับออกมาอย่างหนักแน่น “ครับ ถ้าจูรุ่ยเต็มใจที่จะหมั้น ผมก็จะอวยพรและยินดีในงานของเธอ แต่ถ้าหากว่าเธอไม่เต็มใจ… ผมก็อยากจะพยายามดูสักครั้ง”
ถังซวงกล่าวขึ้นจากด้านข้าง “คุณปู่คะ คราวนี้หนูจะไปเมืองก่างเฉิงเพื่อพูดคุยธุรกิจกับคุณป้าด้วย ประจวบเหมาะกับพี่รองจะไปพอดี เราเลยจะไปด้วยกันค่ะแล้วจะรีบกลับมาโดยเร็วที่สุดหลังเสร็จธุระ”
แน่นอนว่าคุณปู่จิงไม่เชื่อถ้อยคำนี้ เขารู้ดีว่าถังซวงต้องการจะไปที่เมืองก่างเฉิงเพราะจิงเหวินรุ่ย
แต่หลังจากนึกถึงความเก่งกาจของถังซวงและคนที่ติดตามปกป้องเธออย่างลับ ๆ คุณปู่จิงจึงยินยอมแต่โดยดี “เอาละ พวกเธอไปกันเถอะ ยังไงซะฉันจะส่งคนติดตามไปด้วยเพื่อรับรองความปลอดภัย” คุณปู่จิงหันมองถังซวง “ซวงเอ๋อร์ ถึงเหวินรุ่ยจะอายุมากกว่า แต่เธอสามารถวางใจได้มากกว่า ฉันจะขอให้เธอช่วยดูแลเขาด้วย”
ถังซวงยิ้มออกมา “ค่ะคุณปู่ พี่รองเป็นครอบครัวเดียวกันกับหนู ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หนูจะต้องดูแลเขาอย่างถึงที่สุดแน่นอน”
ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น คุณปู่จิงรู้สึกผ่อนคลายลงได้
“แล้วพวกเธอจะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ?”
ถังซวงและจิงเหวินรุ่ยเองต้องการที่จะไปก่อนวันหมั้นหมาย พวกเขาจึงต้องออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
“พรุ่งนี้หรือ ทำไมถึงรีบขนาดนั้น”
สุดท้ายแล้วคุณปู่จิงไม่พูดอะไรอีก และเอ่ยปากอวยพร “เอาละ วันนี้ก็รีบไปเก็บของกันซะ แล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยออกเดินทาง”
หลังจากคุณย่าจิงรู้ว่าถังซวงและจิงเหวินรุ่ยกำลังจะไปเมืองก่างเฉิง เธอก็สั่งให้เด็กในบ้านช่วยเตรียมข้าวของอย่างรวดเร็ว
จิงซิวหรงและเมิ่งผิงเป็นคนสุดท้ายที่ได้ทราบข่าวนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรนัก เพียงแต่บอกกล่าวให้ระวังตัว
“ครับคุณพ่อ คุณแม่ พวกเราจะรีบกลับมา”
เมิ่งผิงเห็นว่าลูกชายกำลังจะเดินทางไปเมืองก่างเฉิง อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เหวินรุ่ย ลูกกำลังไล่ตามเธอไปถึงเมืองก่างเฉิง ลูกต้องพยายามและพาจูรุ่ยกลับมาให้ได้นะ หลังจากนี้แม่จะได้ไม่ต้องห่วงลูกอีก”
คุณย่าจิงเองก็กล่าวหนักแน่น “ใช่ หลานต้องพยายามพาหลานสะใภ้ของย่ากลับมานะ”
“คุณย่าครับ คุณแม่ พวกเรายังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
คุณย่าจิงเหลือบมองจิงเหวินรุ่ยก่อนจะบ่นต่อ “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง หลานก็ต้องพาเธอกลับมาให้ได้”
จิงเหวินรุ่ยเบื่อเกินกว่าจะตอบโต้อะไรอีก
เวลานี้ถังซวงกำลังจะไปเมืองก่างเฉิงเพื่อพูดคุยธุรกิจกับพานลี่ฮวา เลยคิดว่าควรจะพาถังชุนหยานไปด้วย เพราะบริษัทกำลังเติบโต และควรให้เธอได้เรียนรู้การทำธุรกิจไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
ทันทีที่ถังชุนหยานรู้ว่าถังซวงจะพาเธอไปเมืองก่างเฉิงด้วย เธอเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา “พี่สาวซวง ให้ฉันไปกับพี่หรือคะ แล้วฉันจะเกะกะพี่หรือเปล่า?”
ถังซวงส่ายศีรษะ “ไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน รีบไปเก็บกระเป๋าเร็วเข้า พรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางทันที”
ถังชุนหยานไม่รอช้าก่อนจะเริ่มเก็บกระเป๋าทันที
ความจริงแล้วถังเซวี่ยต้องการจะไปด้วย แต่ถังซวงปฏิเสธ “เสี่ยวเซวี่ย เธอต้องไปโรงเรียน อย่าตามพวกเราไปเลย ฉันจะรีบกลับมาโดยเร็วที่สุด”
ถังเซวี่ยทำได้เพียงถอนหายใจ “ก็ได้ค่ะ”
จากนั้นทุกคนก็รู้ว่าถังซวงไปมหาวิทยาลัยเพื่อบอกกล่าวกับโม่เจ๋อหยวน เพราะก่อนหน้านี้โม่เจ๋อหยวนถูกดึงตัวเข้าร่วมโครงการใหม่ เขาจึงต้องนอนพักในมหาวิทยาลัยและไม่ได้กลับบ้านเลย
“อะไรนะ… เธอกำลังจะไปเมืองก่างเฉิงกับพี่รองหรือ”
หลังจากได้ยินอย่างนั้นแล้ว โม่เจ๋อหยวนยิ่งเผยความประหลาดใจ “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับจูรุ่ยหรือเปล่า?”
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ จนถึงตอนนี้เรายังติดต่อจูรุ่ยไม่ได้เลย ฉันทำได้แค่ให้พี่รองไปเห็นทุกอย่างด้วยตัวเองเท่านั้น”
“อยากให้ฉันไปด้วยไหม?”
ถังซวงส่ายศีรษะทันที “อาหยวน พี่มีอย่างอื่นที่ต้องทำ ไม่ต้องไปกับพวกเราหรอก เราจะรีบกลับ”
โม่เจ๋อหยวนยังอดไม่ได้ที่จะกังวล
“ฉันไปด้วยดีกว่า”
ถังซวงเหลือบมองโม่เจ๋อหยวน “ฉันรู้ว่าพี่เป็นห่วง แต่ไม่ต้องกังวล ถังสือกับคนอื่น ๆ ก็ไปเหมือนกัน และยังมีเหลิ่งตงกับคนของปู่ด้วย ไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของเราสองคนหรอกค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนได้ยินอย่างนั้นก็โล่งใจ เพราะเขารู้ดีว่าทักษะของคนเหล่านี้ไม่ธรรมดา
“ค่ะ”
หลังจากรู้ว่าพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนจึงไปทานอาหารด้วยกัน
วันรุ่งขึ้น ถังซวงพาจิงเหวินรุ่ยและถังชุนหยานออกเดินทางแต่เช้า และใช้เวลาสองวันในการเดินทางมาเมืองก่างเฉิง
ตอนนี้พานลี่ฮวารออยู่ที่ท่าเรือแล้ว เมื่อเห็นถังซวงและคนอื่น ๆ มาถึง เธอรีบก้าวเข้ามาต้อนรับทันที “ซวงเอ๋อร์ มาแล้วหรือจ๊ะ” เธอหันไปทักทายจิงเหวินรุ่ยกับถังชุนหยาน
“คุณป้าคะ หนูต้องขอโทษด้วยที่มารบกวน”
“ไม่มีปัญหาเลย ฉันรอให้พวกเธอมาอยู่แล้วจ้ะ” ขณะพูด พานลี่ฮวาหันมองถังชุนหยานก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ชุนหยาน คราวนี้ฉันจะพาเธอไปดูงานในบริษัทของเรา แล้วเดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคช่วยแนะนำนะ”
ถังชุนหยานยกยิ้ม “ขอบคุณค่ะป้าพาน”
ทันทีที่ทุกคนมาถึงบ้านตระกูลเฮ่อ พานลี่ฮวาจึงสอบถามความเป็นอยู่ของผู้อาวุโสทั้งสองคน “ซวงเอ๋อร์ คุณพ่อกับคุณแม่เป็นยังไงบ้างหรือ”
“คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ทั้งสองคนสุขภาพแข็งแรง และพวกเขายังฝากของมาให้มากมายเลยนะคะ”
ได้ยินอย่างนั้นพานลี่ฮวาก็ผ่อนคลายลง ก่อนจะกล่าวถึงจูรุ่ย
“ซวงเอ๋อร์ วันนี้เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปบ้านตระกูลจูด้วยกันดีกว่านะ”