บทที่ 577 แสร้งทำ
บทที่ 577 แสร้งทำ
ได้ยินจูเหลียนตอบกลับ ถังซวงมองอีกฝ่ายด้วยแววตาซับซ้อนก่อนจะเอ่ยปากถามอีกครั้ง “พี่สาวของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ หรือ”
ถังซวงจับจ้องอย่างคาดคั้น จูเหลียนถึงกับถอยไปอย่างช่วยไม่ได้ เธอหวาดกลัวอีกฝ่าย จนตอนนี้เริ่มโกรธขึ้นมา เธอมองถังซวงด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว “ฉันไม่ได้โกหก พี่สาวของฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกคุณควรจะรีบกลับไปได้แล้ว”
“แล้วพี่สาวของเธออยู่ที่ไหนล่ะ”
จิงเหวินรุ่ยถาม เพราะตอนนี้เขารู้สึกทนไม่ไหวแล้ว
จูเหลียนเห็นจิงเหวินรุ่ย และคิดว่าชายคนนี้หล่อมากเลยทีเดียว แต่อีกฝ่ายกลับร้อนรน ถามเรื่องจูรุ่ย เธอก็ประหลาดใจเล็กน้อย “คุณเป็นใคร?”
ก่อนจิงเหวินรุ่ยจะตอบกลับ ถังซวงยิ้มก่อนจะตอบว่า “นี่คือพี่ชายรองของฉัน เขามาเที่ยวเมืองก่างเฉิงกับฉันด้วยน่ะ”
จิงเหวินรุ่ยสงบลงอีกครั้ง พยายามระงับความกังวล และยืนอยู่เงียบ ๆ ด้านหลังของถังซวง
จูเหลียนเงยหน้ามองจิงเหวินรุ่ยก่อนจะเลิกคิ้ว “พี่ชายรองของคุณถังนี่เอง ยินดีต้อนรับสู่เมืองก่างเฉิงนะคะ แต่ยังไงแล้วฉันก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าพี่สาวของฉันไปไหน ขอโทษด้วยนะคะ พวกคุณควรกลับไปได้แล้ว”
ถังซวงแค่นเสียงหัวเราะเบา ๆ หลังได้ยินอย่างนั้น เธอมองเห็นเก้าอี้ใกล้ ๆ จึงนั่งลงแล้วพูดว่า “ยังไงซะพี่สาวของเธอก็คงจะกลับมา ฉันจะรอแล้วกัน”
จูเหลียนขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินว่าถังซวงพูดอย่างนั้น
“คุณถัง ฉันเองก็จะออกไปข้างนอกเหมือนกันนะคะ การที่คุณจะอยู่ต่อที่นี่คงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก”
“แล้วจะมีอะไรเล่า? ที่นี่มีคุณป้าตั้งมากมายคอยทำความสะอาด พวกเธอก็จับตามองพวกเราอยู่ เธอกลัวว่าเราจะทำอะไรหรือ?” ถังซวงกล่าวอย่างสบาย ๆ พร้อมจิบชาอย่างไม่แยแส
“คุณ…”
จูเหลียนไม่คิดว่าถังซวงจะพูดออกมาอย่างนี้ เธอผ่อนคลายราวกับว่ามันเป็นบ้านของตัวเอง ยิ่งเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ความโกรธแทบจะระเบิดออกจากอก “คุณถัง คุณจะทำแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อเจ้าบ้านไม่อยู่ที่นี่ คุณยังยืนยันอยู่ต่อไม่ได้” สุดท้ายจูเหลียนหันมองพานลี่ฮวา “แล้วคุณพานตั้งใจจะอยู่ที่นี่ด้วยไหมคะ?”
พานลี่ฮวาเองก็รู้ว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่เพราะถังซวงกล่าวอย่างนั้น เธอเองก็ต้องสนับสนุนหลานสาวของตัวเอง เธอจึงทำได้เพียงยกยิ้มแล้วตอบกลับว่า “คุณหนูจูเอ้อร์ ซวงเอ๋อร์จะรอพี่สาวของคุณกลับมา ฉันก็จะรออยู่ที่นี่ด้วย ส่วนบ้านของคุณ ไม่ต้องกังวล พวกเราจะไม่หยิบจับอะไร แล้วจะช่วยคุณดูแลบ้านให้ด้วย”
“คุณพาน คุณ… ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาคงจะกล่าวนินทาไปต่าง ๆ นานาแน่นอนค่ะ”
แต่พานลี่ฮวากลับไม่คิดสนใจ “คนอื่นจะคิดยังไงมันไม่สำคัญ ตราบใดที่ฉันพอใจจะทำก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
“คุณ…”
จูเหลียนเห็นแล้วว่าพานลี่ฮวาเข้าข้างถังซวง เธอก็รู้ตัวว่าไม่สามารถขับไล่พวกเขาออกไปได้
ขณะนั้นเอง เสียงสดใสดังขึ้น “เสี่ยวเหลียน ใครมาหรือจ๊ะ?”
ได้ยินเสียงของแม่ดังขึ้น จูเหลียนก็รีบตอบกลับ “แม่คะ คุณพานค่ะ”
หร่วนปี้เฟิงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “อ้อ… คุณพานนี่เอง ก็นึกว่าใคร” ขณะพูด เธอก็เดินมาถึงห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นถังซวง ถังชุนหยาน และจิงเหวินรุ่ย เธอถึงกับตกตะลึง “คุณถังก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่อีกสองคนนั้นเป็นใครหรือคะ?”
“สวัสดีค่ะคุณจู นี่ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองของฉัน จิงเหวินรุ่ย และถังชุนหยาน พวกเขาไม่เคยมาเมืองก่างเฉิง ฉันเลยพาพวกเขามาเที่ยวน่ะค่ะ”
หร่วนปี้เฟิงยกยิ้ม “เป็นพี่ชายและน้องสาวของคุณถังนี่เอง ถ้าหากไม่รังเกียจ ให้เสี่ยวเหลียนพาพวกคุณเดินเล่นรอบเมืองก่างเฉิงได้นะคะ”
พานลี่ฮวาปฏิเสธทันที “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณจู ฉันสามารถพาพวกเขาไปเดินเล่นได้”
ก่อนพานลี่ฮวาจะตอบ จูเหลียนก็กล่าวแทรกก่อน “หนูบอกทุกคนแล้วว่าพวกเรากำลังจะออกไปข้างนอก แต่คุณพานจะอยู่รอที่นี่ หากใครรู้เข้าคงจะกล่าวนินทาว่าตระกูลจูของเราไร้มารยาท ว่าไม่ต้อนรับแขกแน่นอนค่ะ”
หร่วนปี้เฟิงจ้องมองลูกสาวก่อนจะพูดต่อว่า “เสี่ยวเหลียน คุณพานและคนอื่น ๆ มาเยี่ยมที่บ้าน เราจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น นี่คือมารยาทพื้นฐาน พวกเขาเป็นแขก เราทำตัวหยาบคายไม่ได้”
“หนูรู้แล้วค่ะแม่ ทั้งหมดเป็นความผิดของหนูเอง”
ถังซวงมองแม่และลูกสาวเล่นละครเข้าขาเป็นปี่เป็นขลุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะนึกชื่นชมอยู่ในใจ
พานลี่ฮวาเองก็โกรธมาก ถ้าไม่ใช่เพราะที่จะรอพบกับจูรุ่ย เธอไม่มีทางจะมาบ้านตระกูลจูแน่นอน ตอนนี้เธอกับถังซวงเปิดบริษัทเครื่องสำอางร่วมกัน เหล่าคุณหญิงคุณนายทั้งหลายต่างยกย่องเธอไม่หยุดปาก เธอรู้สึกโกรธตระกูลจูขึ้นมาจริง ๆ… ในอนาคตเธอจะไม่ขายเครื่องสำอางให้กับหร่วนปี้เฟิงและจูเหลียนแน่ มันน่ารำคาญเกินไป
ไม่ได้สิ…
พานลี่ฮวาล้มเลิกความคิดนี้ เพราะเธอควรจะขายเครื่องสำอางให้กับพวกเขา และทำกำไรจากพวกเขาต่างหาก
แม้ว่าจะคิดไปมากมาย แต่พานลี่ฮวาก็ไม่ได้เผยมันออกผ่านสีหน้า เธอหันมองจูเหลียนก่อนจะกล่าวว่า “โอ้… คุณจูคะ คุณอย่าต่อว่าคุณหนูจูเอ้อร์เลยค่ะ คงไม่มีใครคอยสอนเธอ อีกอย่างเธอก็ยังเด็ก ไม่เข้าใจมารยาท หลังจากนี้คุณค่อยสั่งสอนเธอให้ดีแล้วกันค่ะ”
หร่วนปี้เฟิงหน้าชาวาบ แต่ไม่นานนักเธอก็ยิ้มฝืน ๆ ทั้งยังพยักหน้าเห็นด้วย “ค่ะคุณพาน ฉันจะสั่งสอนเสี่ยวเหลียนอย่างดีแน่นอน”
หลังจากนั้นหร่วนปี้เฟิงก็หาหัวข้ออื่นเพื่อพูดคุยกับพานลี่ฮวาต่อ
จูเหลียนมองถังซวงและคนอื่น ๆ อย่างหงุดหงิด แต่ถังซวงกลับกำลังดื่มชาอย่างสบาย ๆ ส่วนลูกพี่ลูกน้องคล้ายว่าอึดอัดกับสถานการณ์นี้ จูเหลียนเลยดื่มชาอย่างช้า ๆ แต่ถังซวงและคนอื่นก็ไม่คิดจากไป จนกระทั่งพวกเขากำลังจะทานมื้อกลางวันแขกไม่ได้รับเชิญเหล่านี้ก็ยังไม่กลับ จนจูเหลียนเริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่าสีหน้าของหร่วนปี้เฟิงยังไม่เปลี่ยนแปลง เธอเชิญให้พานลี่ฮวาและคนอื่น ๆ อยู่ร่วมมื้อกลางวันด้วย
พานลี่ฮวาไม่ตอบ แต่หันไปมองถังซวงแทน
เห็นอย่างนั้น หร่วนปี้เฟิงเลิกคิ้วขึ้น พานลี่ฮวาคงจะทำตามเด็กคนนี้ ทุกสิ่งอย่างเป็นถังซวงที่ตัดสินใจ ทันใดนั้นเธอจึงคิดว่าควรเอ่ยปากชวนถังซวงด้วยตัวเอง
ทันใดนั้น ถังซวงลุกขึ้น
“คุณจู ฉันขอโทษที่มารบกวนเสียนาน เราจะไม่ทานมื้อกลางวันที่นี่ค่ะ ขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอยกยิ้มก่อนจะหันมองพานลี่ฮวา “คุณป้าคะ เราไปกันเถอะค่ะ”
เดิมทีพานลี่ฮวาคิดว่าหลานสาวจะต้องรออยู่ที่นี่ทั้งวันเสียแล้ว เมื่อเห็นว่าถังซวงกำลังจะกลับ เธอเองก็อดแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ลุกขึ้นพร้อมยกยิ้ม “จ้ะ งั้นพวกเรากลับกันเถอะ”
จิงเหวินรุ่ยที่กังวลและอยากจะถามคำถามมากมาย แต่เมื่อเห็นสายตาของถังซวง เขาก็กลืนคำพูดทั้งหมดลงท้องไปทันที
หลังจากที่ทุกคนออกจากบ้านตระกูลจูแล้ว จิงเหวินรุ่ยถามขึ้นมาด้วยความกังวล “ซวงเอ๋อร์ ทำไมเธอถึงกลับออกมาอย่างนี้ล่ะ? เราไม่รอเสี่ยวรุ่ยกลับมาหรือ?”
ถังซวงมองจิงเหวินรุ่ย และตอบกลับอย่างสบาย ๆ “เดี๋ยวเราค่อยคุยกันค่ะ”