บทที่ 590 งานหมั้น
บทที่ 590 งานหมั้น
ทั้งพานลี่ฮวากับถังซวงต่างก็สับสนเมื่อได้ยินคำพูดของจูรุ่ย
“เสี่ยวรุ่ย งานหมั้นระหว่างตระกูลหลี่กับครอบครัวของเธอยังไม่ถูกยกเลิกงั้นหรือ แล้วเธอ…”
เมื่อได้ยินว่าทั้งสองเข้าใจผิด จูรุ่ยก็รีบกล่าวอธิบาย “ป้าพาน พี่สาวซวง ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ แต่เป็นงานหมั้นของจูเหลียนกับหลี่เจียหมิงต่างหาก เราจะไปแสดงความยินดีกับพวกเขากันค่ะ”
พานลี่ฮวากับถังซวงถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะไปร่วมแสดงความยินดีด้วยแน่นอน”
เมื่อถึงวันหมั้นหมายระหว่างตระกูลจูกับตระกูลหลี่ ถังซวงและคนอื่น ๆ ก็ไปร่วมงานด้วย
ถังชุนหยานมองจูรุ่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะกระซิบถามแผ่วเบา “เสี่ยวรุ่ย เธอทำให้จูเหลียนยอมแต่งงานได้ยังไง?”
ถังซวงเองก็ยังหันมองจูรุ่ยด้วยความสงสัย
ส่วนจูรุ่ยยกยิ้มจาง
“จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรหรอก ฉันใช้เวลาในการเข้าควบคุมตระกูลจู จนจูเหลียนต้องยอมรับแม้จะไม่ต้องการก็เถอะ ส่วนพ่อของเธอก็ไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรทั้งนั้น”
ก่อนหน้านี้ เพราะเธอใจอ่อนเกินไปและมักจะคิดถึงพ่ออยู่เสมอ แต่ในเวลานี้เธอรู้สึกหมดความรักกับตระกูลจูโดยสมบูรณ์ จึงไม่ต้องอดทนอะไรอีก ใช้เงินและกำลังคนมากมายที่แม่ทิ้งไว้เพื่อเข้าควบคุมตระกูลจูทั้งหมด แม้แต่คุณชายจูก็ยังหวาดกลัวเธอ
ถังซวงพยักหน้ารับอย่างพอใจ
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้จูรุ่ยกล้าที่จะตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ เด็ดขาดมากขึ้น และแน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ดี ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกหลอกไปเรื่อย ๆ
ถังซวงและคนอื่น ๆ มาถึงโรงแรมจัดงาน ทั้งหมดเห็นว่าคุณชายจูกับหร่วนปี้เฟิงกำลังต้อนรับแขกที่ด้านหน้าของงาน สีหน้าของพวกเขาดูไม่ค่อยสู้ดีนัก รอยยิ้มกล้ำกลืนฝืนทน
คุณชายจูเห็นจูรุ่ยและถังซวงได้อย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ แววตาของเขาเศร้าหมองเมื่อมองมาที่ลูกสาว แต่เขาก็ไม่กล้ากล่าวเรื่องไร้สาระนอกจากทักทายคำเบา “ลูกมาแล้วหรือ รีบเข้าไปในงานเถอะ”
ส่วนหร่วนปี้เฟิงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่อาจควบคุมสีหน้าได้ เธออยากฉีกจูรุ่ยออกเป็นชิ้น ๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะนังสุนัขตัวเมียนี่ ลูกสาวเธอคงไม่ต้องหมั้นกับหลี่เจียหมิง!
หร่วนปี้เฟิงรู้ดีถึงความไม่ปกติของหลี่เจียหมิง และเพราะเธอทราบเรื่องนี้จึงยิ่งรู้สึกเสียใจกับลูกสาว แต่น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถช่วยเหลือลูกสาวของตัวเองได้เลย ทำได้เพียงยืนมองจูเหลียนกระโดดลงหลุมไฟเท่านั้น
หร่วนปี้เฟิงก้าวไปอย่างเกรี้ยวกราด
ทว่าคุณชายจูคว้าเธอเอาไว้ก่อนจะกระซิบเสียงหนัก “ใจเย็นสิ! ตระกูลหลี่กำลังมองอยู่นะ!”
หร่วนปี้เฟิงสงบลงอย่างรวดเร็ว
พานลี่ฮวาเห็นหร่วนปี้เฟิงอย่างนั้น อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณนายจูคะ ลูกสาวของคุณและหลี่เจียหมิงเป็นคู่สร้างคู่สมกันจริง ๆ เพราะงั้นวันนี้คุณควรจะมีความสุข แต่ทำไมถึงทำสีหน้าแบบนั้นล่ะคะ?”
หร่วนปี้เฟิงหันมองพานลี่ฮวาด้วยสายตาโกรธเคือง
แต่พานลี่ฮวาไม่สนใจ ดึงหร่วนปี้เฟิงมาพูดคุยด้วยสักพัก ก่อนจะพาถังซวงและถังชุนหยานเข้าไปด้านใน
หลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงห้องจัดเลี้ยง มีผู้คนอยู่ไม่มากเท่าไหร่นัก ทั้งหมดนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง
จูรุ่ยยังไม่นั่งลงในทันที แต่พูดกับถังซวงว่า “พี่สาวซวง ฉันจะไปหาน้องสาวที่รักก่อนค่ะ”
ถังซวงพยักหน้า “อื้ม รีบกลับมาด้วยนะ”
จริง ๆ จิงเหวินรุ่ยอยากจะไปด้วย แต่จูรุ่ยบอกกับเขาว่า “ฉันจะรีบกลับมาค่ะ”
จิงเหวินรุ่ยจึงนั่งลง มองจูรุ่ยที่เดินออกไปเงียบ ๆ
พานลี่ฮวายกยิ้มหยอกล้อ “เหวินรุ่ย เธอกับเสี่ยวรุ่ยแยกกันแป๊บเดียวก็คงไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ยังไงก็รักกันขนาดนี้”
จิงเหวินรุ่ยที่ถูกหยอก อดไม่ได้ที่จะเขินอาย
ส่วนพานลี่ฮวาหัวเราะร่า “ฮ่าฮ่า… เอาละ ๆ ป้าไม่พูดแล้ว”
อีกด้านหนึ่ง จูรุ่ยเห็นจูเหลียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ และกำลังแต่งตัว แน่นอนว่าน้องสาวเธอสวยมาก ทว่าใบหน้าของจูเหลียนในวันนี้กลับบิดเบี้ยว
ทันทีที่เห็นว่าจูรุ่ยเข้ามา จูเหลียนก็วิ่งเข้าหาจูรุ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “นังสารเลว แกยังกล้าโผล่หัวมาที่นี่อีกหรือ ทำไมแกถึงไม่ตาย ๆ ไปซะ? นี่เป็นงานหมั้นของแกกับหลี่เจียหมิงแท้ ๆ ทำไมแกโยนมันมาให้ฉันได้ เก่งจริง ๆ นะ นังบ้า!”
จูรุ่ยถึงกับระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่า… จูเหลียน… เพราะเธอทำเรื่องเลวร้ายมามากมาย ถึงต้องถูกลงโทษไง ในเมื่อเธอคิดจะจัดการฉัน เธอก็เตรียมพร้อมถูกฉันทำกลับด้วยสิ” จูรุ่ยเดินเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้มเย้ยหยัน “จูเหลียน เธอคงรู้ดีอยู่แล้วเรื่องหลี่เจียหมิง เพราะเหตุผลนั้นเธอเลยพยายามให้ฉันแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ น่าเสียดายจริง ๆ นี่ตอนนี้กลับกลายเป็นเธอซะเองที่ต้องแต่งงาน!”
“กรี๊ด… จูรุ่ย ฉันจะฆ่าแก”
จูเหลียนทนไม่ไหวอีกต่อไป อยากจะตบจูรุ่ยให้หน้าหัน
แต่จูรุ่ยคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ หญิงสาวหลบอย่างรวดเร็วพร้อมกับหัวเราะ “จูเหลียน ถ้าเธอยังคิดจะทำตัวแบบนี้ เดี๋ยวงานหมั้นวันนี้ก็พังหรอก”
แววตาของจูเหลียนโกรธแค้น กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่นว่า “พังไปเลยก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับหลี่เจียหมิง” จูเหลียนยังคงคาดหวังให้งานหมั้นคราวนี้จบลงด้วยเช่นกัน
จูรุ่ยกล่าวต่อ “จูเหลียน เธอคิดหรือว่าจะสามารถยกเลิกงานหมั้นได้? ถ้าเธอไม่หมั้น รู้หรือเปล่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? วันนี้มีแขกมาร่วมงานกี่คน? แล้วตระกูลหลี่มาที่นี่กี่คน? ถ้าตระกูลหลี่รู้ว่าเธอคิดทำอะไร ลองนึกดูสิ… ว่าตระกูลหลี่จะจัดการกับเธอยังไง!”
จูเหลียนได้ยินแล้วระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“แล้วไง? ถ้าตระกูลหลี่ต้องการหาเรื่องใส่ตัว ก็นับว่าเป็นศัตรูกับตระกูลจูด้วย นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องของแก ไม่เกี่ยวกับฉัน ควรจะเป็นแกที่ต้องหมั้นกับหลี่เจียหมิง เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับฉันสักนิด!”
จูรุ่ยยกยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเธอก็จัดการได้เลย เพราะมันคงไม่ใช่ฉันหรอกที่ต้องอับอาย แต่ว่านะ… น้องสาวสุดที่รัก ถ้าเธอกล้ามากพอที่จะทำลายงานหมั้น คิดว่าถ้าพ่อรู้ว่าเธอทำอะไรลับหลังเขา แล้วถึงเวลานั้นคิดว่าพ่อยังสนใจเธออยู่ไหมล่ะ?”
จูรุ่ยเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อสองวันที่ผ่านมา แม้จะโกรธมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้กันแน่
จูเหลียนฉวยผลประโยชน์ไปจากตระกูลจู จึงมีคนในตระกูลจำนวนมากที่ทนไม่ได้ในการกระทำของเธอ
ทันทีที่จูเหลียนได้ยินคำพูดของจูรุ่ย ใบหน้าของเธอแข็งค้างไป แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
“แกพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ!”
จูรุ่ยหันมองจูเหลียนอย่างเย้ยหยัน “ไม่รู้จริงหรือ? ไม่รู้แล้วจะกังวลทำไมล่ะ?”
“แก…”
จูเหลียนโกรธจัดจนพูดไม่ออก ซึ่งแค่นี้จูรุ่ยก็พอใจแล้ว เธอหันหลังกลับ เดินเข้าห้องอาหารด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเริ่มสั่งอาหารอย่างมีความสุข