ตอนที่ 104 ขันทีซื้อหนังสือ
ซินโย่วลังเลเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้าไป
ได้รู้จักชิ่งอ๋องกับองค์หญิงใหญ่เจาหยางแล้ว ก็ไม่ขัดข้องหากต้องรู้จักองค์ชายอีกพระองค์หนึ่ง
“หม่อมฉันถวายบังคมซิ่วอ๋องเพคะ”
ในแคว้นต้าซย่า ชุดลายงูใหญ่[1]พระราชทานให้ขุนนาง แต่นำลายงูใหญ่ปักไว้ที่รองเท้าได้ก็มีเพียงแค่เชื้อพระวงศ์เท่านั้น
ซิ่วอ๋องสายตาแปลกใจ “เจ้าเคยพบข้าหรือ”
“ข้าได้พบซิ่วอ๋องเป็นครั้งแรกเพคะ”
ซิ่วอ๋องมองตามสายตาซินโย่วไปที่หัวรองเท้าที่เผยออกมาให้เห็น ก็อดยิ้มไม่ได้ “เจ้าก็คือคุณหนูโค่ว เจ้าของร้านหนังสือชิงซงหรือ”
“เจ้าค่ะ”
ซิ่วอ๋องมองใบหน้าที่ละม้ายคล้ายองค์หญิงใหญ่อยู่หลายส่วน แววตาก็ลุ่มลึกราวกับสระน้ำลึกที่มองไม่เห็นก้นสระ “ได้ยินว่า ‘วาดหนัง’ ร้านหนังสือเจ้าสนุกมา ข้ามาซื้อสักชุด”
ซินโย่วรีบสั่งการหลิวโจว “ไปหยิบวาดหนังมาหนึ่งชุด”
ตั้งแต่ ‘วาดหนัง’ กลายเป็นกระแสหลังมื้ออาหารในเมืองหลวง หลายคนที่ไม่อ่านนิยายต่างตามกระแสซื้อกลับไปอ่าน ‘วาดหนัง’ เล่มหนึ่งจึงกลับมาขายดีอีกครั้ง ผู้ดูแลร้านหูสั่งให้คนงานนำเล่มหนึ่งกับเล่มสองรัดด้วยสายรัดหนังสือไว้ด้วยกันเสียเลย จะได้สะดวกขายให้ลูกค้าทั้งชุด
หลิวโจวหยิบ ‘วาดหนัง’ มาประคองสองมือส่งให้ซิ่วอ๋อง
ซินโย่วสังเกตเห็นว่า เทียบกับการอารักขาเข้มงวดของชิ่งอ๋องยามออกมาข้างนอก ซิ่วอ๋องทำตัวตามสบายกว่ามาก หากไม่รู้ ยังคิดว่าเป็นเพียงคุณชายตระกูลคหบดีทั่วไป
ซิ่วอ๋องรับหนังสือมาแล้วก็ส่งสายตาให้ผู้ติดตามจ่ายเงิน
“ซิ่วอ๋องมาร้านพวกเราได้ ถือเป็นเกียรติของร้านเรา จะเก็บเงินซิ่วอ๋องได้อย่างไรเพคะ” ซินโย่วเอ่ยด้วยท่าทีเกรงใจ
สีหน้าซิ่วอ๋องจริงจัง “ซื้อของจ่ายเงิน เป็นหลักการเหตุผล หากคุณหนูโค่วไม่รับเงิน วันหน้าข้าก็ไม่กล้ามาอีกแล้ว”
ซินโย่วได้ยินซิ่วอ๋องกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้ดึงดันอีก
ซิ่วอ๋องเดินชมอยู่ในโถงร้าน เดินไปหยุดที่ชั้นหนังสือ เอื้อมมือไปคว้าบันทึกการเดินทางมาหนึ่งเล่ม
ซินโย่วเหลือบมองแววตาวูบไหวเล็กน้อย นั่นเป็นบันทึกการเดินทางที่ใต้เท้าเฮ่ออ่านค้างไว้ครึ่งหนึ่ง
ซิ่วอ๋องพลิกอ่านเงียบๆ ไม่ได้คิดจะวางลงในตอนนี้ ซินโย่วไม่อาจจับจ้องมองดูอยู่เช่นนี้ต่อได้ จึงเดินไปนั่งที่โต๊ะเก็บเงินเงียบๆ
มีซิ่วอ๋องเป็นดังองค์พุทธะปักหลักที่นี่ ผู้ดูแลร้านหูก็ไม่สะดวกจะปลีกตัวไปดีดลูกคิดของตนเอง จึงส่งสายตาให้ซินโย่ว
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากหน้าประตู ร่างในชุดสีแดงเดินเข้ามา
ทันทีที่เห็นคนที่มาชัดเจน ปฏิกิริยาแรกของหลิวโจวก็คือเขยิบตัวออกมาบังทิศทางชั้นหนังสือนั้นไว้ทันที
“ใต้เท้าเฮ่อ ท่านมาแล้วหรือขอรับ” คนงานน้ำเสียงเบาลงอย่างไม่รู้ตัว
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย มองผ่านหลิวโจวไปหยุดที่ซิ่วอ๋อง
ซิ่วอ๋องเองก็มองมา ทั้งสองคนสบตากัน บรรยากาศแปลกประหลาดในพริบตา
ซิ่วอ๋องวางหนังสือลงก้าวออกมา
“ถวายบังคมซิ่วอ๋อง” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยทักทายก่อน
ซิ่วอ๋องต่างจากชิ่งอ๋อง ท่าทีสุภาพต่อเฮ่อชิงเซียวมากกว่า “ไม่คิดว่าใต้เท้าเฮ่อก็มาซื้อหนังสือ”
หลิวโจวข้าง ๆ กระตุกมุมปาก ในใจคิดว่าท่านเข้าใจผิดแล้ว
ซินโย่วมองออกว่า ทั้งสองคนล้วนไม่คาดคิดว่าจะได้พบอีกฝ่ายที่นี่ สถานการณ์อึดอัดอย่างไม่อาจควบคุม
ขณะที่นางกำลังคิดจะเอ่ยอันใด ก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นที่หน้าประตู
สายตาหลายคู่มองไปที่ประตูพร้อมกัน
ผู้ที่มาครั้งนี้เป็นชายสามคน อายุไม่มากนัก ผู้ที่เดินนำมารูปร่างผอม ไม่สูงนัก ใบหน้าขาวสะอาดสะอ้าน ดวงตาฉายแววเย่อหยิ่ง
ดวงตาเย่อหยิ่งนี้พอเห็นซิ่วอ๋องก็ฉายแววตกใจ
ซิ่วอ๋องเองก็ตกใจ
เมื่อสามคนเดินมาถึงด้านหน้า จึงพบว่าเป็นขันทีในตำหนักพระสนมซูเฟย
เดิมในวังมีคนมากมาย แม้เคยใช้ชีวิตในวัง ก็ไม่แน่ว่าจะรู้จักกัน แต่คนในตำหนักพระสนมซูเฟยย่อมแตกต่าง แต่ขอเพียงเป็นคนในวังที่รับใช้ใกล้ชิดพระสนมซูเฟย ผู้อื่นไม่คิดจดจำย่อมยากยิ่ง เสี่ยวหมิงจื่อก็คือหนึ่งในนั้น
เสี่ยวหมิงจื่อลังเลว่าจะทักทายหรือไม่ เห็นซิ่วอ๋องเบนสายตาไปอีกทางก็ลอบถอนหายใจ
พระสนมไม่อนุญาตให้เขามาซื้อหนังสือออกหน้าออกตา
“ผู้ดูแลร้านเล่า” เสี่ยวหมิงจื่อมองไปรอบๆ เห็นเฮ่อชิงเซียวในเครื่องแบบกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็นิ่งอึ้งไปทันที
ร้านหนังสือนี้มันอันใดกัน
ดีที่ตอนนี้ผู้ดูแลร้านหูก้าวเข้ามาต้อนรับ “ท่านลูกค้าต้องการซื้อหนังสือหรือขอรับ”
“เหลวไหล ไม่ซื้อหนังสือแล้วจะมาร้านหนังสือทำไม” เสี่ยวหมิงจื่อตวาดใส่ ก่อนจะนึกได้ว่ามีพวกซิ่วอ๋องอยู่ด้วย จึงสงบเสงี่ยมลงเล็กน้อย “แค็กๆ มี ‘วาดหนัง’ หรือไม่”
“มีขอรับ ท่านลูกค้าจะซื้อเล่มสอง หรือว่าซื้อทั้งชุด”
“ทั้งชุด”
ผู้ดูแลร้านหูส่งสายตา สือโถวรีบหยิบ ‘วาดหนัง’ ออกมา
เสี่ยวหมิงจื่อแสดงท่าทีให้คนสนิทมารับไว้ ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ชุดเดียวไม่พอ เอามาอีกสองชุด”
พระสนมกับชิ่งอ๋องล้วนต้องการอ่าน ไม่ว่าอย่างไรเขาเองก็ต้องอ่านบ้าง อ่านจบยังขายให้คนอื่นในวังได้อีก หาเงินค่าขนมสักหน่อย
สือโถวหอบออกมาอีกสองชุด
เสี่ยวหมิงจื่อเกลือบตามองใบหน้าซินโย่ว เดิมคิดพูดอีกสองสามคำ แต่พอคิดถึงคนที่อยู่ในที่นี่ด้วยแล้วก็คิดว่าแล้วไปดีกว่า
“ไป” เสี่ยวหมิงจื่อเชิดหน้าหอบหนังสือตามคนสนิทติดตามเดินออกไป
ซิ่วอ๋องเองก็ไม่คิดอยู่ต่อ
“ใต้เท้าเฮ่อค่อยๆ เลือก”
ซิ่วอ๋องเอ่ยทักทายกับเฮ่อชิงเซียวแล้วก็มองไปทางซินโย่ว “คุณหนูโค่ว ข้าขอตัวก่อน”
“ซิ่วอ๋องค่อยๆ เดินเพคะ”
ซินโย่วส่งซิ่วอ๋องออกจากร้านแล้ว ก็หันมาเห็นผู้ดูแลร้านหูดีดลูกคิดต่อ สายตาหลิวโจวผ่อนคลายลง หันไปจัดชั้นหนังสือ สือโถวรินน้ำชามาให้เฮ่อชิงเซียวแก้วหนึ่ง ก่อนจะไปยุ่งกับการงานตนเอง
ส่วนเฮ่อชิงเซียวก็หันไปยกน้ำชาค่อยๆ จิบ
ซินโย่วนิ่งเงียบ
คนพวกนี้ไม่เห็นใต้เท้าเฮ่อเป็นคนนอกจริงๆ
เห็นซินโย่วเข้ามา เฮ่อชิงเซียวก็เดินมาหา
“เรื่องที่คุณหนูโค่วช่วยคนไว้แพร่ออกไปแล้ว ก็ย่อมมีลูกค้ามากันมากยิ่งขึ้น”
เพราะสถานะองค์หญิงใหญ่เจาหยาง ลูกค้าเหล่านี้หมายถึงคนเช่นซิ่วอ๋อง
ซินโย่วฟังคำเตือนของเฮ่อชิงเซียวออก ถามออกไปตรงๆ ว่า “สามคนที่มาเมื่อครู่ ใช่คนในวังหรือไม่เจ้าคะ”
นอกจากพิจารณาจากภายนอกของอีกฝ่าย ตอนซินโย่วได้เห็นเสี่ยวหมิงจื่อก็มีภาพหนึ่งปรากฏขึ้นมา
เห็นชัดว่าเป็นตำหนักในวัง ม่านแพรไหมทิ้งตัวหลายชั้น แสงสายัณห์สาดส่อง เพดานงามวิจิตร ชายผิวขาวสะอาดสะอ้านที่มาซื้อ ‘วาดหนัง’ ประคองหนังสือส่งไปเบื้องหน้าหญิงงามแต่งกายแบบชาววัง
ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเอ่ยอันใด รอยยิ้มมุมปากของหญิงงามแต่งกายแบบชาววังพลันกลายเป็นโทสะรุนแรง ยกหนังสือขึ้นปาใส่หน้าเขาอย่างแรง
ชายหนุ่มโผลงคุกเข่า นิ้วมือที่กุมใบหน้ามีโลหิตไหลซึมหว่างนิ้ว
ภาพตัดจบลงตรงนี้ ใบหน้าโกรธแค้นของหญิงงามแต่งกายแบบชาววังหรูหรางดงามทำให้ซินโย่วจดจำได้อย่างแม่นยำ
เฮ่อชิงเซียวมองซินโย่วลุ่มลึก
คุณหนูโค่วช่างรับรู้ได้ไวจริง
“ใช่ พวกเขาคือคนตำหนักฮั่นตั้นกง ตำหนักฮั่นตั้นกงก็คือตำหนักพระสนมซูเฟย เสด็จแม่ของชิ่งอ๋อง”
ซินโย่วยิ้ม รอยยิ้มไร้ความอบอุ่น “ไม่คิดว่าพระสนมในวังจะมาอ่านนิยายชาวบ้าน”
ขันทีผู้นั้นนำ ‘วาดหนัง’ กลับตำหนักในวังแล้ว แท้จริงเอ่ยอันใดจึงทำให้พระสนมซูเฟยโมโหเดือดดาลได้เช่นนั้น
เห็นซินโย่วตกอยู่ในภวังค์ความคิด เฮ่อชิงเซียวก็ไม่ได้รบกวนอีก เดินไปที่ชั้นหนังสือที่คุ้นเคยเงียบๆ ยื่นมือไปตำแหน่งที่คุ้นเคย กลับพบว่าบันทึกการเดินทางที่ยังอ่านไม่จบเล่มนั้นเปลี่ยนที่วาง
เฮ่อชิงเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบบันทึกการเดินทางเดินไปที่โต๊ะเก็บเงิน วางหนังสือลงบนโต๊ะ
ระยะนี้หลิวโจวต้อนรับลูกค้ามาไม่น้อย คิดเงิน เก็บเงิน ทอนเงิน อย่าได้กล่าวว่าคล่องแคล่วเพียงใด แต่ยามนี้พลันไร้ปฏิกิริยา ใต้เท้าเฮ่อทำอันใดกัน
เฮ่อชิงเซียว “?”
[1] ลายงูใหญ่ คือ ลายมังกรสี่เล็บที่ปักลงบนชุดพระราชทาน หรือเรียกว่าชุดหมางผาว