ตอนที่ 108 คดีฆ่าคนตาย
เฮ่อชิงเซียวพูดจบก็เตรียมพร้อมรับความไม่พอใจของสาวน้อยตรงหน้าไว้แล้ว
สีหน้าซินโย่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “ข้ามีข้อเสนอ”
“คุณหนูโค่วเชิญกล่าว”
“ท่านซงหลิงก็ไม่แน่ว่าจะติดต่อมาหาข้าในระยะนี้ หากรออีกเดือนสองเดือนค่อยไปทูลฝ่าบาท ช้าไปหรือไม่” ซินโย่วสังเกตสีหน้าแปรเปลี่ยนของเฮ่อชิงเซียว “ข้าว่าฝ่าบาทเพียงแค่ตรัสถามเพียงเพราะทรงอยากรู้ขึ้นมาเท่านั้น ไม่แน่พอผ่านไปก็อาจไม่ได้เก็บไว้ในพระทัยแล้ว ใต้เท้าเฮ่อนำข่าวเกี่ยวกับท่านซงหลิงที่ได้จากข้าไปทูลรายงานก่อน น่าจะพอได้กระมัง”
เฮ่อชิงเซียวเลิกคิ้วเล็กน้อย
คุณหนูโค่วคิดให้เขารายงานฝ่าบาทแบบขอไปทีเช่นนี้หรือ
อืม แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ขอบคุณคุณหนูโค่วที่แนะนำ”
ซินโย่วจิตใจวูบไหวเล็กน้อย คล้ายว่าใต้เท้าเฮ่อผู้นี้ไม่ได้ทำทุกอย่างตามพระบัญชาฮ่องเต้ถึงเพียงนั้น
ร้านหนังสือนางเปิดละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ใต้เท้าเฮ่อมักจะมาเยือน คิดจะวางแผนใดก็ยากจะพ้นสายตาคนตรงหน้าไปได้ เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ลองหยั่งเชิงเท่านั้น
ขุนนางที่ไม่ได้ภักดีอย่างโง่งมถือเป็นเรื่องดีสำหรับนาง
แววตาซินโย่วมองเฮ่อชิงเซียวจึงยิ่งอ่อนโยนลงอยู่บ้าง ดังนั้นหลิวโจวจึงตกใจที่พบว่าใต้เท้าเฮ่อซื้อหนังสืออีกแล้ว
แน่นอนว่าครั้งนี้คนงานเก็บความตกใจไว้ในใจ มือไม้ทำงานคล่องแคล่ว แต่ซินโย่วกลับจับตาท่าทางเก็บเงินของหลิวโจว ก็อดคิดถึงคำพูดของต้วนอวิ๋นหลางไม่ได้
เฮ่อชิงเซียวถือบันทึกการเดินทางกลับจวนโหว ทำให้น้ากุ้ยเห็นแล้วก็คิดคาดเดา
“ระยะนี้ท่านโหวชอบซื้อหนังสือหรือ”
“อืม บันทึกการเดินทางพวกนี้ควรค่าแก่การอ่านหลายรอบ”
คำอธิบายของเฮ่อชิงเซียวไม่ได้ทำให้น้ากุ้ยเชื่อ
เด็กคนนี้แต่ไรมาชอบอ่านหนังสือ แต่ไม่ค่อยได้ซื้อหนังสือกลับมา เหตุใดอยู่ๆ จึงยอมเสียเงินได้
น้ากุ้ยแอบจดจำสถานที่พิมพ์บันทึกการเดินทางว่ามาจากร้านหนังสือชิงซง
ดูท่าต้องหาโอกาสไปดูร้านหนังสือนี้สักหน่อย
ไม่นานเฮ่อชิงเซียวก็เข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
“ทูลฝ่าบาท ท่านซงหลิงเป็นชายหนุ่มอายุน้อย หลายเดือนก่อนมาถึงเมืองหลวง เป็นคนนิสัยแปลกประหลาด คล้ายว่าไม่นิยมสมาคมกับผู้ใด ตอนนี้เขียนนิยายให้ร้านหนังสือชิงซง”
“เป็นชายหนุ่มหรือ” ได้ยินรายงานเฮ่อชิงเซียว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ได้ตรัสถามต่อ
ในฐานะฮ่องเต้ ให้ความสนพระทัยนักเขียนคนหนึ่งถึงเพียงนี้ก็นับว่าไม่น้อยแล้ว
แต่ตอนเฮ่อชิงเซียวทูลลาออกไป ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงกำชับมหาขันทีซุนเหยียน “วันหน้าท่านซงหลิง ออกนิยายเล่มใหม่ ซื้อมาให้เราด้วย”
ซุนเหยียนนึกถึงขอบพระเนตรเป็นวงดำคล้ำของฮ่องเต้ในวันนั้น อยากจะไม่ปฏิบัติตามรับสั่งอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่สั่งการลูกน้องไปว่า “หากร้านหนังสือชิงซงออกนิยายใหม่อีก ให้รีบมารายงาน”
ร้านหนังสือชิงซงไม่รู้ความเคลื่อนไหวนี้ในวังหลวงแม้แต่น้อย ตอนนี้คนทั้งร้านหนังสือต่างเริ่มเป็นห่วงว่า ‘วาดหนัง’ ขายหมดจะทำเช่นไร
ผู้ดูแลร้านหูเห็นซินโย่วแล้วมีคำพูดมากมายอยากเอ่ย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา ร้อนใจจนเคราร่วงไปไม่น้อย
ซินโย่วกลัวทำให้ผู้ดูแลกลัดกลุ้มตาย จึงเสนอว่า “นอกจาก ‘วาดหนัง’ ยังมีหนังสือพวกไหนที่ควรพิมพ์เพิ่มหลังจาก ‘วาดหนัง’ ขายหมด ลูกค้าที่มาซื้อก็มาแล้ว ไม่แน่อาจซื้อหนังสืออื่นติดมือกลับไปก็เป็นได้”
ผู้ดูแลร้านหูอยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อยากจะหัวเราะก็ไม่ได้
เจ้าของร้านฉลาดเพียงนี้ เหตุใดไม่คิดขาย ‘วาดหนัง’ แล้ว
ความจริงซินโย่วเองก็กำลังคิด บางทีนางอาจระวังมากเกินไป
พระสนมซูเฟยโมโหเดือดดาลจะส่งผลร้ายต่อร้านหนังสือหรือไม่ อาจเป็นเพียงการคาดเดา ดังนั้นนางจึงให้เวลาไว้ หากเกินครึ่งเดือนแล้วไม่เป็นอันใด ก็น่าจะไม่มีเหตุอันใดแล้ว
เช้าตรู่วันนี้ ต้วนอวิ๋นหลางรีบบึ่งมาถึงก็หอบหายใจเอ่ยว่า “น้องชิง เจ้าได้ยินแล้วหรือยัง สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนเราเกิดเรื่องแล้ว!”
“พี่รองค่อยๆ พูด เกิดเรื่องอันใดเจ้าคะ”
“มีนักเรียนตายอยู่ที่ประตูหน้า หน้าอกถูกแหวกออก หัวใจหายไป!”
ซินโย่วได้ยิน ปฏิกิริยาแรกก็คือ ‘วาดหนัง’
“เกิดขึ้นเมื่อใด”
“พบเมื่อตอนเช้า ทำคนเฝ้าประตูตกใจแทบตาย ตอนนี้นักเรียนหลายคนวิ่งออกไปดู รั้งไว้ไม่อยู่ ข้าจึงได้ถือโอกาสหลบมาหาเจ้า”
“กล่าวเช่นนี้ ศพยังอยู่ที่นั่นหรือ”
“อยู่สิ แต่ผู้ดูแลระเบียบสำนักศึกษาสั่งให้คนเฝ้าไว้ ไม่ให้เข้าใกล้ ส่งคนไปแจ้งทางการแล้ว น้องชิงข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว ต้องกลับไปแล้ว”
ดูได้แค่ครึ่งเดียว ยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุกับนักเรียนคนใด
“พี่รอง ข้าไปดูด้วย”
ต้วนอวิ๋นหลางนิ่งอึ้งไปทันที ก่อนจะรีบรับคำ
ทั้งสองคนไปด้วยกัน ซินโย่วลองเลียบเคียงถามสาเหตุที่ต้วนอวิ๋นหลางคิดมาบอกนางในทันที
ต้วนอวิ๋นหลางเกาศีรษะ “ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคนตายถูกควักหัวใจออกมา คล้ายผีร้ายในเรื่อง ‘วาดหนัง’ เอาชีวิต! เมิ่งเฝ่ยบอกว่าให้มาบอกเจ้าสักคำดีกว่า…”
“เมิ่งเฝ่ย?”
“มาบอกเจ้าทำไมกัน ปู่เขาต่างหากเป็นจี้จิ่ว”
ซินโย่วพอจำหนุ่มน้อยเรียวตาหงส์ได้
“เมิ่งเฝ่ยชอบคิดมาก ล้วนร่ำเรียนหนังสือกันมา ผู้ใดจะเชื่อเรื่องผีร้ายเอาชีวิตเหลวไหลพวกนี้กัน”
“เหตุใดพี่รองยังมาบอกข้า”
“ในเมื่อเมิ่งเฝ่ยก็บอกเช่นนี้แล้ว พอดีจะได้มาแบ่งปันเรื่องน่าตกใจนี้กับน้องชิงสักหน่อย”
ขณะที่พูดก็ถึงสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ชายวัยกลางคนในชุดตัวยาวก็ตะโกนเสียงดังใบหน้าแดงก่ำ “นักเรียนทุกคนรีบกลับไปห้องเรียนรอเรียกชื่อ ผู้ฝ่าฝืนให้ขับออกจากสำนักทุกคน!”
ต้วนอวิ๋นหลางสีหน้าแปรเปลี่ยน “น้องชิง ข้าเข้าไปก่อนนะ!”
ไม่รอให้ซินโย่วตอบรับ หนุ่มน้อยก็หลบหายไปไม่เห็นแม้เงาแล้ว
ซินโย่วมองไปรอบทิศ แม้นักเรียนที่ออกมามุงดูเห็นด้วยตาตนเองไม่มาก แต่คนที่มามุงดูได้ยินคนเล่าต่อๆ กันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ พอกวาดตามองไปเช่นนี้ก็พบผู้ดูแลร้านหนังสือตรงข้าม
ส่วนผู้ตาย เห็นชัดว่าแม้แต่ผมเส้นเดียวก็ไม่ได้เห็น
ยามนี้เจ้าหน้าที่ทางการกลุ่มหนึ่งก็มาถึง
“หลีก หลีก!”
ผู้คนเปิดทางรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ทางการเบียดตัวเข้ามา
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ซินโย่วจึงได้หาตำแหน่งที่ดีได้ พลันได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังมา
“เหตุใดจึงแบกเข้าไปแล้ว”
“บอกว่าต้องเรียกประชุมอาจารย์และนักเรียนทุกคน ห้องพักใดเรียกชื่อขาดไปก็จะได้รู้ว่าศพนี้คือผู้ใด”
…
แม้ว่าประตูสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนปิดไปแล้ว แต่คนมามุงดูด้านหน้าประตูกลับไม่ลดลง ซินโย่วรู้ว่าการตรวจสอบสถานะผู้ตายย่อมใช้เวลานานพอสมควร จึงค่อยๆ หันหลังกลับร้านหนังสือชิงซง
ผู้ดูแลร้านหูกำลังยืนอยู่หน้าประตูมองไปทางสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน พอเห็นซินโย่วกลับมาก็รีบถามขึ้นว่า“ท่านเจ้าของร้าน มีนักเรียนเกิดเรื่องจริงหรือ”
ซินโย่วพยักหน้า
“อยู่ดีๆ เหตุใดเกิดเรื่องเช่นนี้ได้!” ผู้ดูแลร้านหูคิดถึงนักเรียนพวกนั้นส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มอายุราวสิบกว่าถึงยี่สิบกว่า ก็ได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วง
วันรุ่งขึ้นก็ยังไม่รู้สถานะผู้ตาย ก็ย่อมมีข่าวลือแพร่ออกมาเป็นธรรมดา
ว่ากันว่านักเรียนที่ตายไปผู้นั้น เพราะเขาซื้อ ‘วาดหนัง’ มาอ่าน ภูติผีในนิยายออกมาควักหัวใจเขา
พอข่าวลือนี้แพร่ออกไป ก็ทำเอาคนขี้กลัวไม่น้อยพากันเผานิยายทิ้ง
“ไม่มีมูล เป็นเรื่องไม่มีมูลโดยแท้!” ผู้ดูแลร้านหูโมโหจนเครากระดิก “เหตุใดคนพวกนี้จึงเชื่อเรื่องเหลวไหลเช่นนี้!”
หลิวโจวข้างๆ สีหน้าสับสน กล่าวตามตรงไม่ปิดบัง ก่อนหน้านี้เขาอ่าน ‘บันทึกโบตั๋น’ จบ ยังตั้งใจไปเดินตลาดดอกไม้ชมดอกโบตั๋นมารอบหนึ่ง คิดว่าจะตั้งใจรดน้ำ ไม่แน่ว่าอาจจะแปลงร่างเป็นเทพธิดาโบตั๋นมาเป็นภรรยาเขาได้
แต่เพราะดอกโบตั๋นราคาสูง ได้แต่กัดฟันล้มเลิกความคิด