ตอนที่ 110 จงใจหาเรื่อง
กองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวง[1]ทำหน้าทำดูแลเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองหลวง อาทิ ลาดตระเวน จับขโมย ป้องกันฟืนไฟ เป็นต้น สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวง อยู่ในขอบเขตการดูแลของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงฝั่งตะวันออก
ซินโย่วฟังน้ำเสียงประสงค์ร้ายของหัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่ออก สีหน้ายังคงนิ่งสงบ “ขอถามท่านเจ้าหน้าที่ ร้านหนังสือเราทำผิดอันใด เหตุใดจึงต้องเก็บกวาด ‘วาดหนัง’ ออกมาให้หมด”
เจ้าหน้าที่ทางการด้านหลังผู้หนึ่งตวาดดังขึ้น “อย่าได้เรียกขานมั่วซั่ว นี่คือรองผู้บัญชาการหาน!”
“ใต้เท้าหาน” ซินโย่วเปลี่ยนคำเรียกขานนอบน้อม
รองผู้บัญชาการหานไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนลงเพราะการแสดงความนอบน้อมของซินโย่ว สีหน้ายังคงบึ้งตึง เอ่ยว่า “ร้านหนังสือพวกเจ้าเผยแพร่หนังสือปีศาจ ทำให้ชาวเมืองหลวงแตกตื่นตกใจ ทุกแห่งมีแต่คนเผาหนังสือ เวลาเพียงสองวันก็ทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้สิบกว่าครั้ง เมื่อคืนวานนี้เกิดเหตุเพลิงไหม้ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย หากจะคืนความสงบสุขให้เมืองหลวง ก็ต้องกวาดล้างหนังสือปีศาจพวกนี้ ขอคุณหนูโค่วให้ความร่วมมือด้วย”
ซินโย่วฟังจบก็เลิกคิ้ว
นางเอ่ยไปแค่ว่าเป็นเจ้าของร้านหนังสือ อีกฝ่ายกลับเรียกนางว่าคุณหนูโค่ว ดูท่าจะรู้เรื่องคุณหนูโค่วมาแล้ว ไม่เอ่ยถึงสถานะหลานสาวรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงของคุณหนูโค่ว แค่เรื่องช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่ที่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน อีกฝ่ายก็มาอย่างเอาเรื่อง ไม่ได้คิดคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงเรื่องการรักษาความสงบง่ายดายเช่นนี้แล้ว
คนที่เสพข่าวลือบิดเบือนก็พากันเผาหนังสือก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ ร้านหนังสือจะยุ่งยากหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงจะว่าอย่างไร จะว่าไม่เกี่ยวข้อง ร้านหนังสือเดิมก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยแล้ว หากจะยืนยันว่าเกี่ยวข้อง ก็ย่อมหาเรื่องได้ คนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงดูแคลนคุณหนูโค่วว่าไร้เส้นสาย ดูเหมือนทำงานไปตามหน้าที่ แต่ความจริงแสดงให้เห็นถึงปัญหาหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
กองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงมาเอาเรื่องเช่นนี้ทำให้คนมากมายพากันมามุงดู ซินโย่วได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น
“ได้ยินแล้วหรือยัง ‘วาดหนัง’ เป็นหนังสือปีศาจ!”
“ช่างน่าตกใจจริง เมื่อวานข้าให้ลูกชายข้าเผาทิ้งไปแล้ว แต่มันไม่ยอมฟัง”
…
“คุณหนูโค่วยังรออันใด รีบเก็บหนังสือปีศาจออกมาให้หมด หากให้พวกข้าลงมือเอง ทำข้าวของเสียหายไปก็คงไม่ดี” รองผู้บัญชาการหานเอ่ยเร่งด้วยน้ำเสียงดุดัน
ซินโย่วสบสายตาเย็นเยียบของรองผู้บัญชาการหาน น้ำเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย “‘วาดหนัง’ เป็นเพียงนิยายภูตผีธรรมดามากเล่มหนึ่ง หากจะต้องให้เอ่ยว่ามีอันใดไม่ธรรมดา ก็น่าจะเป็นเพราะเป็นนิยายสนุก จึงได้รับความนิยมจากนักอ่านที่ทุกคนแทบจะมีกันคนละเล่ม ‘วาดหนัง’ ขายออกไปหลายพันหลายหมื่นเล่ม หากเป็นดังข่าวลือที่ว่ามีผีร้ายออกมาจากนิยายทำร้ายผู้คนได้จริง ผีร้ายลงมือชักช้าเกินไปหรือไม่”
คนที่มามุงดูกันพอได้ยิน ต่างพยักหน้าตามด้วยสัญชาตญาณ
มีเหตุผลอยู่บ้าง ผีสาวใน ‘วาดหนัง’ ร้ายกาจเช่นนั้น แม้แต่นักพรตก็เอาไม่อยู่ หากออกมาทำร้ายผู้คนได้จริง คงไม่ควักหัวใจแค่เพียงคนเดียวกระมัง
รองผู้บัญชาการหานแค่นเยาะ “คุณหนูโค่วเป็นคนเอ่ยอ้างเหตุผลได้ไม่เลวจริงๆ!”
“ข้าน้อยก็แค่เอ่ยจากใจแท้จริง”
“ไม่ว่าอย่างไร ‘วาดหนัง’ ทำให้เกิดความวุ่นวายนั้นเป็นเรื่องจริง นิยายต้องถูกยึด” รองผู้บัญชาการหานจ้องมองหญิงสาวที่ไม่ยอมง่ายๆ ตรงหน้าแล้วก็เอ่ยว่า “คุณหนูโค่วจะขัดขืนทางการหรือ”
“ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยเข้าใจความกังวลของใต้เท้าหาน แต่ไม่จำเป็นต้องจัดการเก็บนิยายแล้ว”
รองผู้บัญชาการหานเลิกคิ้ว รอดูว่าหญิงสาวจะปฏิเสธอย่างไร
ซินโย่วยิ้ม “เพราะ ‘วาดหนัง’ ได้รับความนิยมมาก ขายหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว”
“ขายหมดเกลี้ยง?” รองผู้บัญชาการหานนิ่งอึ้งไปทันที ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้
หลิวโจวข้าง ๆ ใจกล้าเอ่ยแทรกขึ้นว่า “ร้านหนังสือเราไม่มี ‘วาดหนัง’ เหลือแม้แต่เล่มเดียว”
ก่อนหน้านี้ที่เคยกลัดกลุ้มว่าหากหนังสือขายหมดจะทำอย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่บอกว่าไม่มีหนังสือแล้วจะรู้สึกสบายใจได้เช่นนี้!
ในกลุ่มคน ไม่รู้เสียงผู้ใดดังขึ้น “ใช่ เมื่อวานข้ากับเพื่อนๆ มาซื้อ ‘วาดหนัง’ ก็หมดแล้ว ทำให้ข้าต้องหันไปซื้อรวมบทกวีไปเล่มหนึ่ง เอากลับไปอ่านแล้วหลับทันที”
รองผู้บัญชาการหานตั้งสติได้ ก็มองรอยยิ้มมุมปากสาวน้อย รู้สึกอัดอั้นอย่างไม่อาจบรรยาย
บังเอิญเช่นนี้ ขายหมดแล้ว?
“พวกเจ้าเข้าไปค้นดู” รองผู้บัญชาการหานสั่งการลูกน้อง
ลูกน้องสองสามคนรีบเดินเข้าไปในร้านหนังสือหารอบหนึ่ง ก็ออกมามือเปล่า หนึ่งในนั้นรายงานว่า “ใต้เท้า ไม่พบ ‘วาดหนัง’ บนชั้นหนังสือ”
รองผู้บัญชาการหานจ้องมองซินโย่วแววตาลุกโชน “ด้านหลังร้านหนังสือเจ้าเป็นโรงพิมพ์กระมัง”
ซินโย่วฟังความคิดอีกฝ่ายออก เอ่ยอย่างไม่ร้อนใจว่า “ก่อนหน้านี้โรงพิมพ์ทำงานไม่ได้หยุด ช่างพิมพ์ล้วนทำงานเหนื่อยยากลำบากกาย หลายวันก่อนก็ให้หยุดพักแล้ว โรงพิมพ์ไม่มี ‘วาดหนัง’ ที่พิมพ์เสร็จ ”
“ตัวเล่มขายหมด หยุดพิมพ์อีก บังเอิญเกินไปหรือไม่”
ซินโย่วยิ้มละไม “เป็นดังที่ข้าน้อยกล่าวมาจริงๆ หาเงินแม้สำคัญ แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้ช่างเหนื่อยเกินไป”
“ไปดูซิ!” รองผู้บัญชาการหานไม่เชื่อ พยักพเยิดให้ลูกน้องไปดู
ผู้ดูแลร้านหูเป็นห่วงว่าเจ้าหน้าที่ลุกเข้ามาจะจงใจทำลายข้าวของ มองซินโย่วอย่างร้อนใจ เห็นนางพยักหน้าเล็กน้อย ก็เอ่ยทันทีว่า “ข้านำทางให้ทุกท่าน”
เจ้าหน้าที่สองสามคนตรงไปยังโรงพิมพ์ จากโถงนี้ไปยังโถงนั้น คว้าเอากระดาษบนโต๊ะขึ้นมาตรวจสอบไปทั่ว
บรรดาช่างพิมพ์ต่างหวาดกลัวจนไม่กล้าส่งเสียง
ผู้ดูแลร้านหูเห็นพวกเขารื้อค้นกระดาษเละเทะก็รู้สึกปวดใจและโชคดีไปในคราเดียวกัน
ยังดีที่พิจารณาว่าอาจขายได้ไม่มากจึงไม่ได้พิมพ์มาก ถูกคนพวกนี้ทำเสียหาย ก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก หากเป็นหลายวันก่อนที่มี ‘วาดหนัง’ กองเต็มพื้นที่…ผู้ดูแลร้านหูรู้สึกสันหลังเย็นวาบไม่กล้าคิดต่อจริงๆ
การตรวจค้นพร้อมกับทำลายข้าวของนี้เสร็จสิ้นลง เจ้าหน้าที่ก็ออกไปรายงาน
“ใต้เท้า ที่โรงพิมพ์พิมพ์อยู่มิใช่ ‘วาดหนัง’”
พอได้คำตอบเช่นนี้ รองผู้บัญชาการหานก็จ้องมองไปทางซินโย่วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
แววตาซินโย่ววูบไหว พลันปรากฏภาพหนึ่งขึ้นมา
พวกช่างพิมพ์อุ้มหีบเดินออกมา ช่างพิมพ์คนหนึ่งโงนเงนไปมา แม้แต่หีบที่บรรจุแม่พิมพ์อยู่ก็หล่นใส่รองผู้บัญชาการหาน
“นิยายไม่พิมพ์ แต่แม่พิมพ์ ‘วาดหนัง’ ก็คงมีกระมัง” รองผู้บัญชาการหานถามน้ำเสียงเยียบเย็น
ซินโย่วตั้วสติได้ ไม่ได้ปฏิเสธ “ย่อมมี”
อีกฝ่ายคิดตัดรากถอนโคนไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเสียจริง ค้นหาหนังสือไม่พบ ก็เบนเป้าไปที่แม่พิมพ์
“แม่พิมพ์พวกนี้ทิ้งไว้ก็เป็นภัยร้าย ให้ช่างพิมพ์พวกเจ้าขนแม่พิมพ์ออกมา วันนี้จะต้องทำลายต่อหน้าทุกคน!”
“เกินไปแล้วนะ!” หลิวโจวอดส่งเสียงดังออกมาไม่ได้
ผู้ดูแลร้านหูโมโหจนหน้าเขียว
แม่พิมพ์เหล่านั้นล้วนเป็นดังเลือดเนื้อของร้านหนังสือ เหล่าช่างแกะออกมาทีละอักษร ขุนนางสุนัขพวกนี้รังแกกันเกินไปแล้ว
รองผู้บัญชาการหานกวาดตามองหลิวโจวทีหนึ่ง แค่นเสียงถามซินโย่ว “ทำไมหรือ คุณหนูโค่วไม่ให้ความร่วมมือหรือ”
เดิมสาวน้อยยังมีรอยยิ้มสุภาพ แต่ยามนี้ในที่สุดก็มีสีหน้าเย็นเยียบ “คนเปิดร้านหนังสือต่างรู้ดีว่า แม่พิมพ์ก็คือรากฐานของร้านหนังสือ ใต้เท้าทำลายรากฐานร้านหนังสือเราเพราะข่าวลือพวกนี้ ยังต้องให้ข้ายิ้มรับอีกหรือ”
“คุณหนูโค่วคิดขัดขืนการปฏิบัติงานของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงเราหรือ”
ซินโย่วแค่นเสียงเยาะ “ข้าน้อยมิกล้า ใต้เท้าหานดึงดันเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขนแม่พิมพ์ออกมาเผาทำลายด้วยตนเองได้ ให้ข้าน้อยใช้คนของข้าน้อยทำลายรากฐานของตนเอง ข้าน้อยทำไม่ได้!”
ความเสียหายของแม่พิมพ์ ‘วาดหนัง’ ยังพอแบกรับไหว หากไม่ได้เห็นภาพนั้น นางก็คงไม่ถือสาที่จะให้ความร่วมมือ แลกกับการที่เจ้าพวกชั่วร้ายนี้จะได้รีบไสหัวไปให้พ้น แต่หากรองผู้บัญชาการหานถูกหีบหนักเช่นนั้นหล่นใส่ ผลไม่รู้จะเป็นอย่างไร นางไม่อาจปล่อยให้ช่างพิมพ์เดือดร้อนได้
อย่างไรก็ต้องให้คนของรองผู้บัญชาการหานไปขนย้ายเองแล้วกระมัง
[1] จีนในสมัยโบราณ ข้าราชการทหารมีหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการปัญจทิศรักษานคร (ก็คือกองกำลังรักษาความสงบภายในเมืองหลวง) กองบัญชาการกองกำลังรักษาเมืองหลวง เป็นต้น