สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 111 กรรมตามสนองมีจริง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 111 กรรมตามสนองมีจริง

รองผู้บัญชาการหานเห็นท่าทางแข็งกร้าวของซินโย่ว ก็โบกมือสั่งการอย่างไม่เกรงใจ “พวกเจ้าไปยกแม่พิมพ์ ‘วาดหนัง’ ออกมา ห้ามปล่อยไว้แม้แต่แผ่นเดียว!”

“ขอรับ” บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการรับคำสั่งไปจัดการ

ทางโรงพิมพ์ หัวหน้าจ้าวฝืนใจเปิดประตูห้องเก็บแม่พิมพ์ ‘วาดหนัง’ อย่างเจ็บปวด เห็นหีบเก็บแม่พิมพ์ถูกขนย้ายออกไปก็น้ำตาร่วง

แม่พิมพ์เหล่านี้เขาเป็นคนดูแลการแกะด้วยตนเองทุกตัวอักษร จนสุดท้ายพิมพ์เย็บเป็นเล่ม กลายเป็นนิยายที่ได้รับความนิยม

เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้!

“เบาหน่อย เบาหน่อย!” หัวหน้าจ้าวอดส่งเสียงตะโกนไม่ได้

“หลบไป!” เจ้าหน้าที่ทางการรำคาญเขาขวางทางจึงใช้ศอกกระแทกใส่ อุ้มหีบออกไป

หัวหน้าจ้าวโดนชนเกือบล้ม โชคดีที่มีช่างพิมพ์สองคนข้างๆ ประคองไว้

“หัวหน้าจ้าวไม่เป็นอันใดใช่ไหม” ช่างพิมพ์คนหนึ่งเอ่ยถาม

ช่างพิมพ์อีกคนมองดูเจ้าหน้าที่ทางการอุ้มหีบออกไปก็ร้องไห้เอ่ยว่า “หัวหน้าจ้าว ร้านหนังสือเราคงไม่ถูกปิดกระมัง”

“อย่าพูดจาเหลวไหล ยังมีเจ้าของร้านอยู่!” หัวหน้าจ้าวไม่ยอมแพ้ วิ่งไล่ตามไป

ช่างพิมพ์หลายคนเห็นแล้วก็ตามไปเงียบๆ

ความดีใจที่เมื่อวานได้รับเงินรางวัลดังฉลองปีใหม่ก็พลันมลายหายไปสิ้น ยามนี้ในใจคนในร้านหนังสือต่างตกต่ำสุดขีด

หน้าประตูร้านหนังสือ มีคนมามุงดูกันยิ่งมากขึ้น มีคนตะโกนว่า “ออกมาแล้ว ขนออกมาแล้ว!”

เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านั้นไม่รู้จักทะนุถนอม มีเจ้าหน้าที่บางคนโยนหีบลงพื้น ทำให้เกิดเสียงดังอย่างมาก แม่พิมพ์หีบกระดอนออกมา

สือโถวแผดเสียงโฮลั่น

หลิวโจวกลัวจะหาเรื่องให้ร้านหนังสือเดือดร้อน ได้แต่แอบด่าในใจ

ผู้ดูแลร้านหูบ่นพึมพำ น้ำตาชายชราไหลริน

ซินโย่วมองดูแม่พิมพ์บนพื้น แววตาพลันเยียบเย็น

นางเปิดร้านหนังสือแม้มีเป้าหมายอื่น แต่ตอนทำการค้าก็ตั้งใจทำ โดยเฉพาะ ‘วาดหนัง’ ตั้งแต่ไม่มีจนมีเป็นเล่ม แต่ละก้าวล้วนมีนางคอยกำกับดูแล

แม้ว่าเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอได้เห็นแม่พิมพ์ที่บรรดาช่างพิมพ์ตั้งใจแกะออกมาทีละลายเส้นถูกย่ำยีเช่นนี้ ก็ทำให้รู้สึกปวดใจและโมโหไม่น้อย

ซินโย่วเหลือบตามองรองผู้บัญชาการหาน “การถ่ายทอดคำสอน เปิดสติปัญญา ล้วนไม่อาจขาดหนังสือ ใต้เท้าหานทำเช่นนี้ไม่กลัวกรรมตามสนองหรือ”

“กรรมตามสนอง?” รองผู้บัญชาการหานได้ยินก็เงยหน้าหัวเราะดังลั่น “ก็แค่นิยายฆ่าเวลา คุณหนูโค่วคิดว่าเป็นหนังสือคำสอนปราชญ์เมธีหรือ กรรมตามสนอง? น่าขันเสียจริง!”

เขาส่งเสียงหัวเราะดังลั่น ก็หันไปเห็นสีหน้าคนข้างๆ ตกใจหวาดกลัว พอรู้ตัวว่ามีอันใดผิดปกติก็รู้สึกเจ็บปวดรุนแรง

ดวงตาหลายคู่มองไปที่เจ้าหน้าที่ที่อุ้มหีบเดินมา ตอนใกล้ถึงหน้ารองผู้บัญชาการหานก็ก้าวลื่น หีบหลุดมือลอยมากระแทกใส่ร่างเขา จากนั้นก็หล่นลงทับเท้าเขาเต็มๆ

ซินโย่วเห็นภาพนี้ รู้สึกเหมือนไม่คาดฝัน แต่ก็มิใช่ว่าไม่คาดฝัน

มิใช่ว่าไม่คาดฝันก็เพราะเหมือนภาพที่เห็นเมื่อครู่ เพียงแค่จากคนก่อเหตุที่เป็นช่างพิมพ์กลายเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแทน ไม่คาดฝันก็เพราะเปลี่ยนเป็นเจ้าหน้าที่มายกหีบ เจ้าหน้าที่ยังลื่นล้มเหมือนกับช่างพิมพ์

เช่นนั้นได้แต่กล่าวว่า คนผู้นี้ถูกกำหนดให้ต้องรับเคราะห์นี้

เสียงร้องเจ็บปวดของรองผู้บัญชาการหานดังก้อง ทำให้คนที่มุงดูพากันแตกตื่น

“เกิดอันใดขึ้นๆ” ชายร่างเตี้ยและถูกเบี้ยไปด้านหลังสุดถามด้วยความร้อนใจอยากรู้

“มีเจ้าหน้าที่ลื่น หีบกระดอนไปทับเท้าหัวหน้าพวกเขาพอดี”

“จุ๊ๆ ร่วงทับไม่เบากระมัง”

“ใช่ หีบเหล่านั้นดูแล้วหนักมาก”

“โอ๊ย พวกเราจำคำพูดคุณหนูโค่วเมื่อครู่ได้ไหม หรือว่าเป็นกรรมตามสนองจริงๆ?”

สำหรับคนมุงแล้ว เจ้าหน้าที่ทางการบาดเจ็บอย่างไรล้วนไม่คิดสนใจ บาดเจ็บหนักได้ก็ยิ่งดี แต่การย่ำยีหนังสือแล้วกรรมตามสนองเรื่องนี้ไม่อาจมองข้าม

กล่าวเช่นนี้ ‘วาดหนัง’ เผาไม่ได้น่ะสิ!

“ใต้เท้า ท่านไม่เป็นอันใดกระมัง” เจ้าหน้าที่รีบเข้าไปรุมล้อม

เจ้าหน้าที่ที่ก่อเรื่องมองตาค้าง โผลงคุกเข่า “ใต้เท้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”

รองผู้บัญชาการหานพยายามฝืนไม่ให้ส่งเสียงร้องดังออกมา อาศัยพิงลูกน้องคนหนึ่งไว้ ก้มหน้าจ้องมองเท้าที่โดนหีบหล่นทับของตน

เขาสวมรองเท้าผ้าหุ้มหน้าแข็งสีดำพื้นขาว ตัวรองเท้าเห็นไม่ชัด โลหิตที่ไหลซึมออกมาย้อมพื้นสีขาวเป็นสีแดงฉาน

เส้นเอ็นขมับรองผู้บัญชาการหานบวมปูดขึ้นมา ความเจ็บปวดรวดร้าวทำให้ใบหน้าเขาบิดเบี้ยว คำรามดังว่า “ทำลายแม่พิมพ์พวกนี้ให้หมด!”

พอสั่งการเช่นนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ก็มองหน้ากันไปมา พลันไร้เสียงตอบรับ

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ฟังคำสั่ง แต่เสียงวิจารณ์กรรมตามสนองของคนมุงดังกรอกหู ยากจะไม่ลังเลอยู่บ้าง

คงมิใช่กรรมตามสนองจริงกระมัง

เห็นลูกน้องไม่ขยับ รองผู้บัญชาการหานก็ตวาดดุดัน “พวกเจ้าหูหนวกหรือไร”

เจ้าหน้าที่พากันเริ่มขยับ

ซินโย่วมองดูด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แต่ในใจก็มิได้ย่ำแย่มากนัก

แม่พิมพ์ไม่มีก็ยังแกะใหม่ได้ ก็แค่เสียเงินทองเท่านั้น แต่อุบัติเหตุครั้งนี้จะก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝันโดยแท้

แน่นอนว่ารองผู้บัญชาการหานที่รับเคราะห์นี้ไป นับว่าเป็นการระบายอารมณ์ที่แม่พิมพ์ถูกทำลายได้ทางหนึ่ง

“ช้าก่อน” เสียงเย็นเยียบดังขึ้น

ฝูงชนแตกตื่นกันขึ้นมาทันที

“กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน!”

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินพกดาบที่เอวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผู้ที่เดินนำมาก็คือผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือสังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เฮ่อชิงเซียว

ในสถานการณ์ตอนนี้ สีหน้าเขาเย็นเยียบอย่างมาก ยิ่งขับให้ใบหน้าขาวเปล่งประกาย แววตายิ่งดำลุ่มลึก รูปโฉมโดดเด่นนี้ทำให้คนมุงอยู่อดกลั้นลมหายใจตื่นตะลึงไม่ได้

ซินโย่วมองชายชุดแดงที่เดินมา แววตาพลันเผยความประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าให้ซินโย่วเล็กน้อย เดินไปตรงหน้ารองผู้บัญชาการหาน

“ใต้เท้าเฮ่อ” รองผู้บัญชาการหานประสานมือคำนับเฮ่อชิงเซียว

ซินโย่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ว่ากันตามตำแหน่ง รองผู้บัญชาการกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงกับผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือสังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสถานะต่างกันไม่น้อย ว่ากันตามอำนาจ ก็ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง แต่จากที่นางเห็น รองผู้บัญชาการหานยามเผชิญหน้ากับใต้เท้าเฮ่อแม้มีความเคารพอยู่แต่ก็ไม่มาก

หรือเบื้องหลังรองผู้บัญชาการหานมีคนให้การสนับสนุนอยู่

เฮ่อชิงเซียวหลุบตาลงกวาดมองแม่พิมพ์กระจัดกระจายเต็มพื้น ก็เผยสีหน้าเสียดายจนปวดใจ

เรื่องราวซับซ้อนของคนกับคน กลับไปลงที่หนังสือไร้ความผิด

“รองผู้บัญชาการหานคิดทำอันใด” เฮ่อชิงเซียวถามน้ำเสียงนิ่งเรียบ

รองผู้บัญชาการหานเจ็บเท้ามาก แต่ยามเผชิญหน้ากับเฮ่อชิงเซียวก็จำต้องสงวนท่าทีไม่ให้เหิมเกริมเกินไป ตอบด้วยสีหน้าซีดขาวว่า “ร้านหนังสือนี้ขายหนังสือปีศาจ ทำให้ชาวเมืองหลวงหวาดกลัวตื่นตกใจจนเกิดเพลิงไหม้สี่ครั้ง กองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงเรามีหน้าที่รักษาความสงบ จึงได้มาเก็บกวาดนิยายเรื่องนี้”

“หนังสือปีศาจ?” เฮ่อชิงเซียวเลิกคิ้วเล็กน้อย มองไปทางผู้คนที่มามุงดูกันอยู่ “ทุกท่านที่เคยซื้อ ‘วาดหนัง’ รู้สึกว่า ‘วาดหนัง’ เป็นหนังสือปีศาจหรือ”

ถูกสายตากระจ่างใสคู่นี้มองมา ก็รีบตะโกนว่า “ไม่ใช่ ‘วาดหนัง’ จะเป็นหนังสือปีศาจได้อย่างไร!”

“ไม่ใช่ ‘วาดหนัง’ ไม่ใช่หนังสือปีศาจอย่างแน่นอน!”

ล้อเล่นหรือ หากว่า ‘วาดหนัง’ เป็นหนังสือปีศาจ แล้วก็จะโดนกรรมตามสนองเหมือนขุนนางแซ่หานผู้นี้จะทำอย่างไร

รองผู้บัญชาการหานได้ยินเช่นนี้ ปากก็เริ่มบิดเบี้ยวด้วยความโมโห

ก่อนหน้านี้พวกชาวบ้านชั้นต่ำพวกนี้ไม่ได้พูดแบบนี้นี่!

ซินโย่วหลุบตาลง แววตาเจือรอยยิ้ม

ใต้เท้าเฮ่อต้องได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นมาแล้ว

เฮ่อชิงเซียวมองไปทางรองผู้บัญชาการหาน “ดูท่ารองผู้บัญชาการหานเข้าใจผิดแล้ว”

รองผู้บัญชาการหานกัดฟันกรอดเอ่ยถามลอดไรฟันขึ้นว่า “ใต้เท้าเฮ่อคิดยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงหรือ”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท