สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 113 สอบสวน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 113 สอบสวน

ผู้ดูแลร้านกู่มิได้เขลา กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินในชุดลำลองเช่นนี้พลันแสดงป้ายประจำตัว เห็นชัดว่ามิใช่เรื่องดี!

“ใต้เท้าทั้งสองมาซื้อหนังสือหรือ” ผู้ดูแลร้านกู่ก้มตัวลงต่ำอย่างที่สุด เอ่ยถามด้วยสีหน้านอบน้อม

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเก็บป้ายประจำตัวแล้วก็เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ผู้ดูแลร้านกู่ใช่ไหม ตามพวกเราไปสักหน่อย”

ผู้ดูแลร้านกู่สีหน้าพลันซีดเผือด “ข้าน้อยทำผิดอันใด ใต้เท้าเข้าใจอันใดผิดหรือไม่ขอรับ”

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินแค่นหัวเราะเยียบเย็น “หากผู้ดูแลร้านกู่อยากให้ทุกคนข้างนอกรู้ว่าท่านถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวไป ก็ไม่ต้องให้ความร่วมมือ”

ผู้ดูแลร้านกู่คล้ายดังมะเขือยาวถูกน้ำค้างแข็งกระหน่ำจนอ่อนยวบ พลันแน่นิ่งไม่รู้ควรทำเช่นไร

“ไปกันได้แล้ว” กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินในชุดลำลองสองนายประกบผู้ดูแลร้านกู่ไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ผู้ดูแลร้านกู่เดินออกไปด้วยท่าทางหมดเรี่ยวหมดแรง สองเท้าหนักอึ้งราวกับห้อยตะกั่วไว้ ตอนรีบก้าวออกไปยังหันมาขยิบตาให้คนงานที่ยืนตกใจอยู่ทีหนึ่ง จากนั้นก็ถูกองครักษ์จิ่นหลินด้านหลังผลักทีหนึ่ง ก่อนที่จะหายลับไปจากหน้าประตู

คนงานนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใดจึงตั้งสติได้ วิ่งไปที่ประตูหน้าร้านมองออกไป

ท้องถนนผู้คนไปมาขวักไขว่ ไม่เห็นเงาผู้ดูแลร้านกู่แล้ว

“เจ้าของร้าน…ต้องบอกเจ้าของร้าน!” คนงานรีบไปรายงานอย่างตกใจลนลาน

“ผู้ดูแลร้านกู่ถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวไปแล้ว?” เจ้าของร้านหนังสือหย่าซินได้ยินคนงานรายงาน ใบหน้ารูปงามก็พลันเคร่งเครียด

“เพิ่งถูกนำตัวไปเมื่อครู่ องครักษ์จิ่นหลินในชุดลำลองสองนาย เข้ามาแสดงป้ายประจำตัวแล้วก็นำตัวผู้ดูแลร้านกู่ไป ท่านเจ้าของร้าน พวกเราควรทำอย่างไรต่อดี”

“พวกเขาได้บอกสาเหตุหรือไม่”

ไม่ได้เอ่ยอันใด…” คนงานสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน เอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านเจ้าของร้าน คงไม่ใช่เรื่องที่พวกเรากระทำถูกตรวจสอบกระมัง”

ชายหนุ่มสายตาเคร่งเครียด พลันนึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา

คนงานไม่เข้าใจ “อาจจะตรวจสอบพบแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนี่นา”

พวกเขาอย่างมากก็แค่แย่งชิงกันในสนามการค้า แม้คดีสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนนั่น ก็เป็นหน้าที่ของศาลซุ่นเทียนและกรมอาญาสอบสวน

“รอดูไปก่อน” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

คนงานคิดถามว่าแล้วผู้ดูแลร้านกู่จะทำอย่างไร แต่พอเห็นสีหน้าเย็นเยียบของเจ้าของร้านก็ไม่กล้าเอ่ยมากอีก

ชายหนุ่มเลือกที่จะสงบนิ่งรอดูสถานการณ์ ความจริงก็มิใช่สงบนิ่งได้จริง แต่รู้สึกว่าการมีเรื่องกับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเพื่อผู้ดูแลร้านคนเดียวนั้นไม่คุ้มค่า ขอเพียงกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไม่มาหาเขาก็พอ

เปิดร้านหนังสือใหญ่โตในเมืองหลวงฝั่งตะวันออกและการค้ารุ่งเรืองภายในเวลาไม่กี่ปีได้ ชายหนุ่มก็ย่อมมีผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

บิดาของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ถนัดการค้าจนล้มละลายไปนานแล้ว ครอบครัวเขาตกต่ำ แต่อาศัยความเป็นหนุ่มรูปงามจนได้กลายเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลขุนกรมคลังตระกูลหนึ่ง อย่าเห็นว่าตำแหน่งขุนนางในกรมคลังไม่สูง แต่มีสายสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน สรุปคือผู้ที่ยืนหยัดปักหลักมั่นคงในเมืองหลวงได้ ล้วนไม่ง่าย

“ไปสืบข่าวมา มีความเคลื่อนไหวก็ให้รีบมารายงาน”

เดิมผู้ดูแลร้านกู่ยังดำรงสตินิ่งสงบได้ แต่พอถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวเข้าห้องมืดสอบสวน ก็เข่าอ่อนทันที

“ใต้ ใต้เท้า ข้าน้อยเป็นชาวบ้านรักษากฎหมายเคร่งครัด…”

ชายหนุ่มอายุราวสามสิบกว่าเดินเข้ามาในห้องสอบสวน กวาดตามองผู้ดูแลร้านกู่ “นำตัวมาแล้ว?”

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายประสานมือ “นำตัวมาแล้วขอรับ”

ชายผู้นั้นเป็นนายกองพันลูกน้องเฮ่อชิงเซียว ชื่อว่าเหยียนเชา นับได้ว่าเป็นขุนพลทหารเก่งกล้าผู้หนึ่ง

“สารภาพมา เจ้าให้คนไปปล่อยข่าวผีร้ายออกมาจาก ‘วาดหนัง’ ทำร้ายผู้คน ทำให้ชาวเมืองแตกตื่นหวาดกลัว มีจุดประสงค์ใด”

ผู้ดูแลร้านกู่ได้ยินก็รีบร้องขอความเป็นธรรม “ข้าน้อยมิได้กระทำเรื่องเช่นนี้!”

เหยียนเชาแค่นเยาะ “เจ้าคิดว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกินหญ้าหรือ อยู่ดีๆ จะนำตัวเจ้ามาที่นี่อย่างไร้สาเหตุหรือ เจ้าไม่กล้ายอมรับ เพราะเกรงเรื่องฆ่าคนจะถูกเปิดโปงใช่หรือไม่”

ยามนี้ทำเอาผู้ดูแลร้านกู่ตกใจ เสียงดังขึ้น “ฟ้าดินเป็นพยาน ข้าน้อยไม่กล้าฆ่าคนอย่างเด็ดขาด!”

“ไม่กล้า? ข้าว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!” เหยียนเชาจมูกโด่ง ริมฝีปากบาง เดิมใบหน้าก็มีความดุดันอยู่แล้ว กอปรกับสถานะกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน แรงกดดันต่อผู้คนแค่คิดก็ย่อมรู้ได้ “ผู้ตายหน้าประตูสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ไม่ใช่เจ้าบงการให้คนฆ่าเพื่อให้ร้ายร้านหนังสือชิงซงหรือ”

“ไม่มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ! ร้านหนังสือเราสองแม้ว่าไม่ถูกกัน แต่ก็เป็นเรื่องของการค้า อย่างมากก็มีปากเสียงใส่กันเท่านั้น จะฆ่าคนได้อย่างไร!”

เหยียนเชาหรี่ตา “กล่าวเช่นนี้ เจ้ายอมรับว่าปล่อยข่าวลือ?”

ผู้ดูแลร้านกู่ริมฝีปากสั่นระริก คล้ายถูกคนบีบคอไว้

“ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ชาวบ้านตัวเล็กๆ เช่นเจ้าได้เข้ามาสถานที่เช่นนี้ก็หาได้ยาก ไม่มอบประสบการณ์ให้เจ้าสักหน่อย ไม่น่าเสียดายไปสักหน่อยหรือ…”

มองเห็นคนหนึ่งถือแส้อยู่ในมือ ผู้ดูแลร้านกู่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย คุกเข่าลงทันที “ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยสารภาพแล้ว!”

มุมปากเหยียนเชากระตุก

ยังไม่ทันโบยเลย…

ผู้ดูแลร้านกู่คุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำหูน้ำตาไหลพรากสารภาพว่า “ได้ยินว่าสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมีนักเรียนตาย และยังถูกควักหัวใจ ข้าน้อยคิดถึง ‘วาดหนัง’…ตั้งแต่ร้านหนังสือชิงซงวางขาย ‘วาดหนัง’ การค้าร้านหนังสือเราก็ซบเซาลงมาก ข้าน้อยเลอะเลือนไปชั่วขณะ จึงได้ปล่อยข่าวลือเช่นนี้…”

“ผู้ตายคนนั้นล่ะ”

ผู้ดูแลร้านกู่นิ่งอึ้งไปทันที ตกใจสีหน้าซีดเผือด “ใต้เท้าให้ความเป็นธรรมด้วย ผู้ตายไม่เกี่ยวข้องกับข้าน้อย! ข้าน้อยเป็นเพียงแค่ผู้ดูแลร้าน ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้!”

“เจ้าไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้? กล่าวเช่นนี้ก็เป็นเจ้าของร้านของพวกเจ้า…”

ผู้ดูแลร้านกู่โบกมือพัลวัน “ไม่ ไม่ ไม่ เจ้าของร้านเราก็ไม่มีทางฆ่าคน…”

“โบยสองทีก่อนค่อยว่ากัน” เหยียนเชาพยักพเยิดให้ลูกน้อง

โบยไปทีหนึ่ง ผู้ดูแลร้านกู่ก็ส่งเสียงร้องดังลั่นโหยหวนก้องฟ้า โบยครั้งที่สองก็ได้กลิ่นหึ่ง

เหยียนเชา “…”

พอเขายกมือ กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่กำลังลงทัณฑ์ก็หยุด

ผู้ดูแลร้านกู่น้ำตาไหลพรากส่งเสียงร้องขอชีวิต “ใต้เท้า คนตายในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนไม่เกี่ยวกับร้านหนังสือเราจริงๆ ท่านปล่อยข้าน้อยไปเถิด ข้าน้อยไม่กล้าพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว…”

เหยียนเชากลั้นลมหายใจเดินออกไป รายงานต่อเฮ่อชิงเซียวที่เพิ่งกลับมา

“ใต้เท้า ผู้ดูแลร้านหนังสือหย่าซินยอมรับแล้วว่าร้านหนังสือพวกเขาปล่อยข่าวลือ แต่เรื่องฆ่าคนเขายืนยันปฏิเสธหนักแน่น จากประสบการณ์หลายปีของข้าน้อย ดูแล้วมิได้โกหก ผู้ตายหน้าประตูสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน น่าจะเป็นฝีมือผู้อื่น”

“นำตัวเขาไปส่งศาลซุ่นเทียน”

“ขอรับ”

เพราะเกี่ยวพันถึงสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน และยังเป็นเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ ผู้รับหน้าที่ทำคดีนี้ไม่เพียงแต่ศาลซุ่นเทียน ยังมีกรมอาญา แม้แต่ศาลต้าหลี่[1] เองก็เริ่มถามถึง ตอนนี้แน่ใจได้แล้วว่าผู้ตายมิใช่คนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ติดที่ไม่รู้สถานะผู้ตายจึงไร้ความคืบหน้า คิดหาตัวคนร้ายก็ยากยิ่ง

เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนเดิมกำลังตกอยู่ภายใต้ความกดดัน ได้ยินว่าถึงกับยังมีผู้ดูแลร้านกู่ร่วมวงน้ำครำนี้ด้วย ตอนนั้นจึงรีบจับตัวขังคุกหลวง

เฮ่อชิงเซียวถือโอกาสเอ่ยขอไปดูศพ

เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนเพิ่งรับน้ำใจจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ย่อมไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องเล็กน้อย นี้

เฮ่อชิงเซียวนำเจ้าหน้าที่ชันสูตรจากเป่ยเจิ้นฝู่ซือไปยังสถานที่เก็บศพ ตรวจสอบศพอย่างละเอียด

เจ้าหน้าที่ชันสูตรจากเป่ยเจิ้นฝู่ซือมากประสบการณ์ หลังชันสูตรแล้วยังสังเกตความผิดปกติหนึ่งนอกเหนือจากที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรคนก่อนได้บันทึกไว้

“ใต้เท้า ที่เข่าผู้ตายมีสีดำและแข็ง น่าจะผ่านการเสียดสีมาเป็นเวลานาน…”

เฮ่อชิงเซียวได้ยินก็เริ่มครุ่นคิด

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท