สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 121 น้ากุ้ย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 121 น้ากุ้ย

ซินโย่วรู้จากเฮ่อชิงเซียวว่ารองผู้บัญชาการหานถูกพักงาน

“ผู้ตรวจการข่งยื่นฎีการองผู้บัญชาการหานรังแกชาวบ้าน ทำให้เจ้าทุกข์เสียชีวิต”

คนเช่นรองผู้บัญชาการหานอวดอ้างบารมีผู้อื่นจนเป็นนิสัย หากจะหาความผิดเขาย่อมหาได้เป็นกองกระบุง ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวโยงไปถึงร้านหนังสือชิงซง

“ผู้ตรวจการข่ง?” ซินโย่วพลันนึกถึงข่งรุ่ยพี่น้อง “คงมิได้เกี่ยวข้องกับจวนองค์หญิงใหญ่กระมัง”

เทียบกับกระแสคลื่นลมที่ท่านผิงอันฆ่าคน รองผู้บัญชาการหานหาเรื่องร้านหนังสือชิงซงก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่จางหายไปนานแล้ว นอกจากจวนองค์หญิงใหญ่ที่ติดค้างน้ำใจนาง ซินโย่วนึกไม่ออกจริงๆ ว่จะมีผู้ใดจัดการรองผู้บัญชาการหานเช่นนี้ได้

แววตาเฮ่อชิงเซียวมีรอยยิ้ม “ใช่ ผู้ตรวจการข่งคือหลานชายองค์หญิงใหญ่เจาหยาง พี่ชายลูกพี่ลูกน้องกับจิ้งอันโหว ”

ตอนนี้น่าจะมีคนมากมายรู้เรื่องผู้มีพระคุณที่ช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่เจาหยางไว้ก็คือคุณหนูโค่ว

ในใจซินโย่วรู้สึกอบอุ่น นางช่วยคนย่อมไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน แต่อีกฝ่ายคิดตอบแทนทำให้นางรู้สึกว่าไม่ได้ช่วยคนผิด

“ร้านหนังสือหย่าซินถูกปิด…” เดิมซินโย่วคิดว่าร้านหนังสือตรงข้ามถูกปิด วันนั้นได้เห็นเฮ่อชิงเซียวก็คลายข้อสงสัยในใจ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะได้พบกันวันนี้

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อวานใต้เท้าเฮ่อก็มา เพราะคุณชายข่งเอ่ยซื้อ ‘วาดหนัง’ หนึ่งร้อยชุดทำเอาตกใจถอยกลับไป

“ฝ่าบาทได้ยินว่าร้านหนังสือหย่าซินปล่อยข่าวลือ ทรงกริ้วอย่างมาก”

ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย

ดังคาด ไม่เช่นนั้นร้านหนังสือหย่าซินคงไม่อาจไม่มีแม้แต่หนทางจะวิ่งเต้นเส้นสาย

“อย่างไรก็ต้องขอบคุณใต้เท้าเฮ่อที่ช่วยพูดแทนร้านหนังสือชิงซง หากวันนี้ใต้เท้าเฮ่อมีเวลา ข้าเลี้ยงอาหารท่านสักมื้อนะเจ้าคะ”

เฮ่อชิงเซียวคิดถึงอาหารที่หอเฟิงเว่ยมื้อนั้นใช้เงินไปถึงยี่สิบตำลึงขึ้นมาทันที

“แค็กๆ วันนี้ยังมีงาน คุณหนูโค่วไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้”

เฮ่อชิงเซียวรีบจากไป ท่าทางเหมือนรีบร้อนหนี

หลายวันจากนั้นก็เป็นวันเวลาคลื่นลมสงบ เวลาส่วนใหญ่ของซินโย่วขลุกอยู่ในห้องเขียนหนังสือ เหนื่อยขึ้นมาก็ไปดูหน้าร้าน

ร้านหนังสือไม่มีหนังสือใหม่ออกวางขายตอนนี้ ไม่มีคนมาต่อแถว แต่เพราะร้านหนังสือตรงข้ามถูกปิด หนังสืออื่นๆ ก็มีคนมาซื้อกันต่อเนื่อง เข้าสู่สภาพการค้ามั่นคง

วันนี้ร้านหนังสือมีสตรีวัยกลางคนหน้าตาดีผู้หนึ่งมาเยือน

ผู้ดูแลร้านหูกำลังหลับตาพัก ได้ยินเสียงอ่อนโยนถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าที่นี่คือร้านหนังสือหรือ”

ผู้ดูแลร้านลืมตาขึ้นเห็นสตรีแต่งการสุภาพตรงหน้า ก็พลันรู้สึกว่าสมองของน่าจะไม่ค่อยจะดีเท่าไร

หลิวโจวก็กระตุกมุมปากทีหนึ่งก่อนเข้าไปต้อนรับ “ที่นี่ก็คือร้านหนังสือ ท่านลูกค้ามาซื้อหนังสืออะไรหรือขอรับ”

อย่าว่าแต่ป้ายหน้าร้าน ดูแค่ชั้นหนังสือเรียงราย ไม่ใช่ร้านหนังสือ หรือว่าเป็นร้านเครื่องประทินผิวกัน

“มีหนังสือพวกบันทึกการเดินทางหรือไม่” นางนึกถึงหนังสือที่เฮ่อชิงเซียวนำกลับจวนมาระยะนี้ก็เอ่ยถามขึ้น

สตรีผู้นี้ก็คือน้ากุ้ยที่ดูแลเฮ่อชิงเซียวมาแต่เล็กจนโต

นางคิดไว้แล้วว่าจะมาร้านหนังสือชิงซงดูสักหน่อย ได้ยินว่าเจ้าของร้านหนังสือชิงซงเป็นคุณหนูอายุยังน้อย มีชื่อเสียงไปทั่วเมืองหลวง ผู้คนเรียกว่าคุณหนูโค่ว

คุณหนูโค่วเป็นเหตุให้เจ้าเด็กนั่นผิดไปจากปกติหรือ

“เชิญท่านทางนี้ขอรับ บันทึกการเดินทางร้านหนังสือเราล้วนอยู่บนชั้นหนังสือนี้” หลิวโจวนำสตรีผู้นั้นไปยังชั้นหนังสือที่เฮ่อชิงเซียวมักมายืนอ่าน

น้ากุ้ยกวาดตามองหนังสือเหล่านี้ แน่ใจว่าตนเองไม่รู้สึกสนใจแม้สักนิด แต่เพราะยังไม่เห็นคุณหนูโค่วได้แต่หยิบเล่มหนึ่งออกมาเปิดอ่าน

หลิวโจวยืนอยู่ข้างๆ เพราะใต้เท้าเฮ่อมักจะมาอ่านหนังสือ จึงไม่ได้รู้สึกไม่ดีอันใดกับคนที่เพียงแค่มาอ่านแต่ไม่ซื้อพวกนี้ เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนพวกนี้ขอบอ่านบันทึกการเดินทาง

น้ากุ้ยทำหน้าทนใช้เวลาอยู่ในโถงร้านนานครู่หนึ่ง ก็หยิบบันทึกการเดินทางไปจ่ายเงินเงียบๆ

นางไม่ถนัดถ่วงเวลาจริงๆ ดูท่าวันนี้ต้องกลับไปมือเปล่าแล้ว

น้ากุ้ยกำลังเดินไปที่โต๊ะเก็บเงิน พลันได้ยินคนงานส่งเสียงเรียก “ท่านเจ้าของร้าน”

นางรีบหันไปมอง ก็เห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีอ่อน เสื้อสีเขียวเดินเข้ามาจากทางด้านหลัง

สาวน้อยสันจมูกงามดังหยก ใบหน้าพริ้งเพริศ แววตาดำกระจ่างเสริมบารมีสูงศักดิ์อีกหลายส่วน

น้ากุ้ยพลันนึกถึงองค์หญิงใหญ่เจาหยาง

คุณหนูโค่วท่านนี้คล้ายองค์หญิงใหญ่เจาหยางจริงๆ

การค้นพบนี้ทำให้ในใจน้ากุ้ยรู้สึกขัดข้อง นางชอบองค์หญิงใหญ่เจาหยาง แต่ไม่ชอบท่านนั้น…

แน่นอนว่านางเป็นบ่าว ชอบหรือไม่ ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง สำคัญที่ท่านโหว

ผู้ที่ทำให้ท่านโหวเป็นเช่นหนุ่มน้อยได้ ก็คือคุณหนูโค่วผู้นี้หรือ

ซินโย่วเห็นน้ากุ้ยก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อยทันที

สตรีตรงหน้าดูแล้วคุ้นตามาก เพราะความรู้สึกเหมือนเคยพบกันมาก่อน ทำให้ซินโย่วยิ้มให้น้ากุ้ยกล่าวว่า “ท่านลูกค้าจะชำระเงินหรือเจ้าคะ”

“อ้อ…” น้ากุ้ยหยิบบันทึกการเดินทางวางลงบนโต๊ะเก็บเงิน “คิดเงิน”

“ราคาพิเศษหนึ่งตำลึงขอรับ” หลิวโจวอยู่ข้างๆ บอกราคา

น้ากุ้ยเบิกตากว้างตกใจ

แพงจริง!

พอนึกถึงระยะนี้เฮ่อชิงเซียวนำบันทึกการเดินทางกลับจวนเล่มแล้วเล่มเล่า นางก็มั่นใจได้ว่าเจ้าเด็กนั่นต้องพึงพอใจคุณหนูโค่วเป็นแน่แล้ว

ก็ไม่รู้ว่าได้แสดงความชอบนี้ให้สาวน้อยรู้หรือไม่

น้ากุ้ยทั้งอยากรู้และร้อนใจ สายตามองซินโย่วอดฉายแววเมตตาอารีไม่ได้

ซินโย่วเดิมก็รู้สึกว่าน้ากุ้ยคุ้นหน้า พลันนึกไม่ออกว่าเคยพบที่ใด

ในดวงตานางมักปรากฏภาพ บางครั้งเดินไปตามท้องถนนมองไปอย่างไม่ตั้งใจ ก็จะเห็นคนแปลกหน้าที่เคราะห์ร้ายได้

ความยุ่งยากที่ไม่เสียหายมาก นางก็ทำเป็นไม่เห็นเสีย หากเป็นเรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย ก็อยากจะมองดูมากอีกสักหน่อย เอ่ยเตือนสักสองสามคำ

เพราะเช่นนี้ มีภาพคนแปลกหน้าอยู่ในห้วงความคิดนางก็ไม่แปลก

แต่ตอนน้ากุ้ยมองนางด้วยสายตาของผู้อาวุโสมองดูผู้น้อย ซินโย่วพลันคิดขึ้นมาได้

สตรีตรงหน้าเหมือนน้าซย่า!

นางกินอาหารที่น้าซย่าทำมาจนโต สำหรับนางแล้ว ไม่มีผู้ใดทำอาหารได้อร่อยไปกว่าน้าซย่าอีกแล้ว

แต่ตั้งแต่วันนั้น นางก็ไม่มีโอกาสได้กินอาหารที่น้าซย่าทำอีกแล้ว

น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา แต่นางสะกดกลั้นลงไป แต่ต่อหน้าสตรีที่หน้าตาเหมือนน้าซย่า นางยังไม่อาจสนทนาด้วยท่าทางนิ่งสงบได้

“ท่านลูกค้าชอบอ่านบันทึกการเดินทางหรือ ข้ามีสหายท่านหนึ่งก็ชอบอ่านบันทึกการเดินทาง” เห็นว่าหลิวโจวเก็บเงินแล้ว ซินโย่วก็หลุดกล่าวออกไป

นางอดเอ่ยอีกสักหน่อยไม่ได้ จะได้ให้สตรีตรงหน้าอยู่ต่ออีกสักครู่

น้ากุ้ยเองก็คิดเช่นนี้

นางยังไม่คิดกลับ แต่คนงานเก็บเงินไปแล้ว

คำพูดซินโย่วเปิดโอกาสให้นาง

“ใช่ ข้าชอบอ่านบันทึกการเดินทางมาก” น้ากุ้ยหยิบบันทึกการเดินทางที่ซื้อใหม่ขึ้นมา ยิ้มตาหยีถามว่า “ได้ยินว่าเจ้าของร้านหนังสือท่านก็คือคุณหนูโค่ว ก็คือคุณหนูกระมัง”

ผู้ดูแลร้านหูแอบส่ายหน้า หญิงสาวผู้นี้เลอะเลือนดังคาด เมื่อครู่หลิวโจวก็เพิ่งเรียกท่านเจ้าของร้าน

น้ากุ้ย?

ซินโย่วตกใจ สายฟ้าวาบขึ้นในใจนาง สีหน้าตื่นตระหนก

ตอนนางยังเป็นเด็ก เห็นชัดว่าความทรงจำที่เลือนรางไปแล้ว ยามนี้กลับพลันกระจ่างชัดขึ้นมา

นางชอบกินขนมซูหวงตู๋[1]ที่น้าซย่าทำมาก กินจนเต็มอิ่ม บอกกับน้าซย่าว่าขนมที่นางทำอร่อยที่สุด

น้าซย่ายิ้มกล่าวว่านางยังมีพี่สาวอีกคน ทำขนมอร่อยกว่านางอีก

นางยังเอาแต่ถามน้าซย่าไม่เลิก น้าซย่าบอกว่าพี่สาวนางชื่อมีคำว่า ‘กุ้ย’ หากได้พบกัน ก็ให้เรียกน้ากุ้ย

สตรีตรงหน้าจะเป็นพี่สาวน้าซย่าหรือไม่

[1] ขนมชนิดหนึ่งที่ใช้เผือกชุบแป้งที่ผสมถั่วชนิดต่างๆ บดก่อนนำไปทอด

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท