สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 123 ความลับแตก

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 123 ความลับแตก

พอรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดีนัก น้ากุ้ยยิ้มปลอบใจตนเอง “ไม่เป็นไร ขอเพียงมีชีวิตที่ดี อยู่ที่ใดก็ไม่ต่างกัน”

ฮองเฮามีความสามารถเพียงนั้น น้องสาวนางย่อมต้องมีชีวิตที่ไม่เลว

ซินโย่วขยับริมฝีปากคิดเอ่ยรับคำ แต่กลับพูดไม่ออก รินสุราหมักลิ้นจี่ดอกกุ้ยจอกหนึ่งดื่มลงไปหมดจอก

กลิ่นหอมของดอกกุ้ย ความหวานของลิ้นจี่ และกลิ่นสุราบางเบา ผสมผสานรสชาติทำให้คนได้ลิ้มลองใหลหลง

ซินโย่วดื่มไปคำหนึ่ง ก็เอ่ยชม “รสชาติดีจริงเจ้าค่ะ”

น้ากุ้ยเบิกบานใจมาก “สุราลิ้นจี่หมักในเดือนสี่ ข้าเลือกลิ้นจี่ด้วยตนเอง แต่ละเม็ดอวบอิ่มใส…”

ซินโย่วตั้งใจฟัง น้าซย่าเองก็ชอบหมักสุราผลไม้ ผลหยางเหมย[1]ในเดือนสาม ผลลิ้นจี่ในเดือนสี่ ผลอิงเถา[2]ในเดือนห้า ผลท้อในเดือนหก ผลองุ่นในเดือนเจ็ด ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิบุปผาแย้มบานมาถึงฤดูใบไม้ร่วงเหลืองทองอร่ามสดใส สุราผลไม้เหล่านี้มีรสชาติหอมหวานตามแต่ละเดือน หล่อเลี้ยงนางให้ชุ่มชื่นตลอดสี่ฤดู

ซินโย่วกล่าวอย่างมั่นใจได้ว่า นางเป็นเด็กที่โชคดีที่สุด เติบโตมาอย่างเบิกบานใจ

กระนั้นคนผู้หนึ่งมีความสนใจในประเด็นที่คุยกันหรือไม่ ย่อมไม่อาจปิดบังได้ น้ากุ้ยเห็นซินโย่วฟังอย่างตั้งใจ ก็ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “หากคุณหนูโค่วสนใจ วันหน้าข้าจะสอนท่านหมักสุรา”

“ดีจริงเจ้าค่ะ” ซินโย่วยิ้มรับคำ

ความจริงนางเคยเรียนทำขนมกับน้าซย่า และเคยหมักสุรา ต่อมาน้าซย่าห้ามนางเข้าครัวอย่างเด็ดขาด

ซินโย่วรู้สึกแปลกใจสภาพความเป็นอยู่น้ากุ้ยตอนนี้ขึ้นมา

น้าซย่าเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของท่านแม่ น้ากุ้ยกับน้าซย่าเป็นพี่น้องกัน ก็น่าจะมีสถานะชาววัง แต่นางกำนัลออกจากวัง น่าจะไม่สะดวกเช่นนี้กระมัง

ซินโย่ววางความสงสัยลงชั่วคราว กินขนมซูหวงตู๋กับน้ากุ้ย ดื่มสุราสุราหมักลิ้นจี่ดอกกุ้ย แล้วไปส่งนางที่หน้าประตูร้านหนังสือด้วยตนเอง

พอหันหลังกลับมา ซินโย่วก็สบสายตาค้นหาของผู้ดูแลร้าน

“ผู้ดูแลร้านมีอันใดหรือ”

“ท่านเจ้าของร้าน หญิงผู้นี้คือใครกันหรือขอรับ”

ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ข้าก็มิได้ถามละเอียด เพียงแต่รู้สึกถูกชะตาเท่านั้น”

ผู้ดูแลร้านหูกระแอมไอทีหนึ่ง “ข้าน้อยรู้สึกว่านางไม่ใช่ลูกค้าธรรมดา”

“อย่างไรหรือ” ซินโย่วถามอย่างไร้พิรุธ

แม้แต่ผู้ดูแลร้านหูก็มองออกว่าน้ากุ้ยมีจุดประสงค์อื่นหรือ

“จะเป็นเพราะชายหนุ่มตระกูลใดมีใจนิยมชมชอบท่านเจ้าของร้าน ผู้อาวุโสในตระกูลจึงได้มาดูสถานการณ์หรือไม่” ผู้ดูแลร้านหูเอ่ยขึ้นเบาๆ

ซินโย่วสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้าง ไม่คิดว่าผู้ดูแลร้านหูก็เป็นคนสอดรู้สอดเห็นเช่นนี้!

ผู้ดูแลร้านหูรู้สึกเหมือนถูกมองไม่ดี จึงรีบอธิบายว่า “ข้าน้อยกลัวว่าท่านจะเชื่อคำผู้อื่นง่ายเกินไป จะเสียเปรียบเอาได้ขอรับ”

เจ้าของร้านของพวกเขาหาเงินเก่ง คิดว่ามีคนมากมายรู้กันแล้ว ไม่แน่อาจมีคนบางคนคิดนอกลู่นอกทางก็เป็นได้

“ท่านร้านวางใจเถิด ข้าจะไม่เสียเปรียบแน่”

หลิวโจวข้างๆ เอ่ยแทรกขึ้น “ก็บอกแล้ว ท่านผู้ดูแลร้านชอบคิดเหลวไหลเรื่อยเปื่อย ท่านเจ้าของร้านเราไม่เสียเปรียบแน่นอน”

ผู้ดูแลร้านหูถลึงตาใส่หลิวโจวทีหนึ่ง ในใจคิดว่าเจ้าวันๆ ก็แทบจะจับคู่นางกับใต้เท้าเฮ่อ จะไปรู้อันใด

ผู้ดูแลร้านกำลังคิดถึงใต้เท้าเฮ่อ เฮ่อชิงเซียวก็เข้ามา

หลิวโจวรีบปรี่เข้าไปต้อนรับ “ใต้เท้าเฮ่อ ท่านมาแล้วหรือ”

เมื่อก่อนเขาล้วนกล่าวว่า “ใต้เท้าเฮ่อมาอ่านหนังสือหรือ” ระยะนี้ใต้เท้าเฮ่อมักซื้อหนังสือ ทำเอาเขาไม่รู้จะทักทายอย่างไร

เฮ่อชิงเซียวไม่ได้มาอ่านหนังสือ เขาได้รับจดหมายจากทางใต้เกี่ยวกับเรื่องการตายของบิดาคุณหนูโค่ว ไม่มีความคืบหน้า แต่การแอบสืบเรื่องจวนกู้ชางป๋อ กลับพบบางอย่าง

คิดถึงเรื่องที่คุณหนูโค่วให้ใส่ใจจวนกู้ชางป๋อ ก็อดมาพบนางไม่ได้

ซินโย่วมองออกว่าเฮ่อชิงเซียวมีเรื่องในใจ จึงถามขึ้นว่า “ใต้เท้าเฮ่อ จะเข้าไปดื่มน้ำชาในห้องรับรองหรือไม่”

แววตาเฮ่อชิงเซียวที่มองไปทางซินโย่วเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย

คุณหนูโค่วเพิ่งจะดื่มสุราสุราหมักลิ้นจี่ดอกกุ้ยมา

สุรานี้คล้ายกับที่น้ากุ้ยทำ…

เป็นไปไม่ได้

เฮ่อชิงเซียวแอบส่ายหน้า ตามซินโย่วเข้าไปในห้องรับรอง

“หลิวโจว เก็บโต๊ะ”

“ขอรับ” หลิวโจวได้ยินคำสั่งซินโย่วก็รีบเดินเข้ามา เก็บขนมซูหวงตู๋ในจานที่เหลือสองชิ้นบนโต๊ะเตรียมจะยกออกไป

เฮ่อชิงเซียวเอ่ยขึ้น “นี่คือขนมซูหวงตู๋?”

มือหลิวโจวที่ยกจานไว้ชะงักกึก

“อา ใช่เจ้าค่ะ” คนประสาทสัมผัสไวอย่างเช่นซินโย่วก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบรับอย่างไร

ขนมที่เหลือก็คงไม่อาจกล่าวตามมารยาทว่าใต้เท้าเฮ่อต้องการชิมหรือไม่กระมัง

แต่กลับได้ยินเฮ่อชิงเซียวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ข้าชิมได้หรือไม่”

ซินโย่ว “?”

หลิวโจวตกใจมองเฮ่อชิงเซียว คล้ายว่าเพิ่งเคยรู้จักใต้เท้าท่านนี้

เหตุใดใต้เท้าเฮ่อจึงกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้โดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยนกัน!

ซินโย่วแสดงท่าทางบอกให้หลิวโจววางจานลง คนงานวางจานลงแล้วก็รีบวิ่งออกไป

“ใต้เท้าเฮ่อก็ชอบกินขนมซูหวงตู๋หรือ ขนมซูหวงตู๋รสชาติดีมาก เพียงแต่เย็นแล้ว “ซินโย่วดันขนมซูหวงตู๋ไปตรงหน้าเฮ่อชิงเซียวอย่างใส่ใจ และยังรินน้ำชาร้อนส่งให้อีกแก้วหนึ่ง

กล่าวว่ากินเหลือ คนกินก็มิได้กินบนจาน ซินโย่วเพียงแค่ตกใจที่อีกฝ่ายถึงกับต้องการชิมคำหนึ่ง จนถึงขั้นแสดงท่าทางสนิทสนมได้เช่นนี้

เป็นถึงท่านโหว ชีวิตลำบากเพียงนี้เชียวหรือ

พอคิดเช่นนี้ นางก็อดเห็นใจไม่ได้

บรรดาเด็กไร้บิดาย่อมไม่มีชีวิตที่ดีดังคาด

“ข้าค่อนข้างชอบขนมนี้” เฮ่อชิงเซียวฝืนแสดงสีหน้าไม่รู้สึกอันใด หยิบขนมซูหวงตู๋ชิ้นหนึ่งมากิน

เขาไม่ใช่คนตะกละเช่นนี้จริงๆ เพียงแต่ต้องการแน่ใจเรื่องหนึ่ง

พอขนมเข้าปาก เฮ่อชิงเซียวที่เป็นคนสัมผัสไวต่อกลิ่นมาแต่กำเนิดก็แทบจะแน่ใจได้ว่าขนมนี้เป็นฝีมือน้ากุ้ย

ทำขนมนี้ต้องใช้ส่วนผสมมาก ส่วนผสมหลักแตกต่างก็จะทำให้ให้รสชาติแตกต่าง และคนทำขนมแต่ละคนก็มีนิสัยความเคยชินของตนเอง

ปัญหาก็คือเหตุใดขนมซูหวงตู๋ฝีมือน้ากุ้ยมาอยู่ในห้องรับรองของร้านหนังสือชิงซงนี้ได้

“ขนมนี้ห้องครัวคุณหนูโค่วทำเองหรือว่าซื้อมา”

ซินโย่วมองขนมชิ้นหนึ่งที่เหลือในจาน ก็ไม่ได้ตอบตามตรงออกไป แต่กลับถามว่า “มีอันใดหรือ หรือว่าไม่อร่อย”

เฮ่อชิงเซียวลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินเอ่ยออกไปว่า “ขนมอร่อยมาก แต่ผู้อาวุโสที่บ้านข้าท่านหนึ่งทำขนมซูหวงตู๋อร่อยมาก รสชาติชิ้นที่เพิ่งจะได้กินไปชิ้นนั้นคล้ายที่นางทำ”

หากไม่เอ่ยออกมาตามตรง นอกจากจะทำให้คุณหนูโค่ไม่หายสงสัยแล้ว ยังอาจทำให้นางเข้าใจผิดคิดว่าเขาหน้าไม่อายจนถึงกับต้องการกินขนมชิ้นนี้

เฮ่อชิงเซียวคิดแล้วว่าได้ไม่คุ้มเสีย แม้การเผยออกไปก่อนจะทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ก็เลือกที่จะตรงไปตรงมา

ผู้อาวุโส?

ในใจซินโย่วกระตุกวาบ เอ่ยถามขึ้นว่า “ใต้เท้าเฮ่อรู้จักน้ากุ้ยหรือ”

เป็นน้ากุ้ยดังคาด

“ผู้อาวุโสที่ข้าเอ่ยถึงก็คือน้ากุ้ย ไม่ทราบว่าคุณหนูโค่วรู้จักได้อย่างไร”

“อ้อ น้ากุ้ยมาซื้อหนังสือ บังเอิญได้คุยกัน ยิ่งคุยก็ยิ่งถูกชะตา พวกเราจึงได้รู้จักกัน ขนมซูหวงตู๋นี่ น้ากุ้ยทำให้ข้าเจ้าค่ะ”

เฮ่อชิงเซียว “…” ดังนั้นเมื่อคืนวานนี้น้ากุ้ยอยู่ๆ ทำขนมซูหวงตู๋ ก็เพื่อฝึกฝนฝีมือก่อนเช่นนั้นหรือ

แต่น้ากุ้ยมาซื้อหนังสือได้อย่างไร เขาไม่เคยเห็นน้ากุ้ยชอบอ่านหนังสือ

“น้ากุ้ยซื้อหนังสืออันใดหรือ”

ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “บันทึกการเดินทาง น้ากุ้ยบอกว่านางชอบอ่านบันทึกการเดินทางมาก”

เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบลง

เขามั่นใจแล้วว่าน้ากุ้ยมาเพราะคุณหนูโค่ว

ซินโย่วเดิมไม่ทันคิดอันใด แต่ตอนเฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบไป ก็คิดถึงคำพูดของผู้ดูแลร้านหูขึ้นมาราวกับผีสางดลใจ ‘จะเป็นเพราะชายหนุ่มตระกูลใดมีใจนิยมชมชอบท่านเจ้าของร้าน ผู้อาวุโสในตระกูลจึงได้มาดูสถานการณ์หรือไม่’

ใต้เท้าเฮ่อ “…”

ซินโย่วมองไปทางคนตรงหน้า หยิบขนมซูหวงตู๋ชิ้นที่เหลือนั้นยัดเข้าปากด้วยสัญชาตญาณ

[1] ยัมเบอรรี่ ภาษาแต้จิ๋วเรียกเอี่ยบ๊วย

[2] เชอร์รี

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท