ตอนที่ 128 แสร้งเป็นผู้วิเศษ
ซินโย่วมองไต้เจ๋อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ใจแอบรู้สึกเสียดาย
ระยะนี้ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อจะไม่มีเรื่องเคราะห์ร้ายอันใดอีก แต่การได้เห็นแววตาร้อนแรงตื่นเต้นของอีกฝ่ายก็นับว่าเพียงพอแล้ว
“ข้าเพียงแค่ ‘มองออก’ เจ้าค่ะ ดูดวงดาวพยากรณ์พวกนั้นไม่เป็น”
“เจ้ามอง เจ้ามอง มองตามสบายเลย” ไต้เจ๋อพูดไปก็ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้อีก
ซินโย่วแอบถอยหลังรักษาระยะห่าง
“มองจากใบหน้าคุณชายไต้ ระยะนี้มีอุปสรรค เคยสัมผัสกลิ่นอายจากทางใต้หรือไม่”
“กลิ่นอายจากทางใต้?” ไต้เจ๋อได้ยินก็งุนงง
ซินโย่วจ้องมองเขาเขม็ง ในที่สุดก็เอ่ยคำพูดที่อยากเอ่ยออกมา “กล่าวตามตรงก็คือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิไปสู่ฤดูร้อน ในจวนคุณชายไต้มีคนเดินทางลงใต้?”
“คนเดินทางลงใต้?” ไต้เจ๋อคิดแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ทันสังเกต”
“เช่นนั้นก็ทำอันใดไม่ได้ หากคิดแก้ไขอุปสรรคของคุณชายไต้ ก็ต้องลงมือจากรากต้นเหตุ หาคนเดินทางลงใต้เจ้าค่ะ”
“หาตัวคนเดินทางลงใต้ออกมาก็ได้แล้วหรือ”
ซินโย่วพยักหน้า
ไต้เจ๋อหลุดปากออกไปว่า “ไม่ยาก ไว้ข้าจะกลับไปถามดู”
“ทำเช่นนี้ไม่ได้เจ้าค่ะ”
“เหตุใดไม่ได้”
“คนผู้หนึ่งมีกลิ่นอายติดกายมา อารมณ์อาจส่งผลให้แปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา หากคุณชายไต้ทำให้เป็นที่เอิกเกริก ให้ทุกคนรู้ว่าระยะนี้ท่านมีอุปสรรคเพราะได้รับผลกระทบจากเขา เกิดคนผู้นั้นจิตใจหวาดหวั่นจนส่งผลกระทบต่อกลิ่นอาย ท่านคิดจะลงมือให้ถูกตำแหน่งก็เป็นการยากยิ่ง”
“เช่นนั้นทำอย่างไรดี” ไต้เจ๋อร้อนใจ
“คุณชายไต้เป็นคนมีวาสนาสูงส่ง แม้ว่าระยะนี้ได้รับผลกระทบจากคนที่มาจากทางใต้ แต่ยังไม่มีเรื่องใหญ่อันใด ท่านแอบสืบเงียบ ๆ ก็พอเจ้าค่ะ เสียเวลาไม่เป็นไร ที่สำคัญคืออย่าได้ทำให้ผู้อื่นตื่นตระหนก”
ซินโย่วไม่คิดแสร้งทำตัวเป็นผู้วิเศษ แต่จะทำอย่างไรได้ ต้องทำความกระจ่างเรื่องจวนกู้ชางป๋อกับเหตุที่เกิดกับมารดาให้ได้ จึงได้แต่ใช้วิธีการนอกลู่นอกทางเช่นนี้แล้ว
ไต้เจ๋อมาร้านหนังสือครั้งแรก นางก็มองออกว่าคนผู้นี้ไม่ค่อยฉลาด เลือกลงมือกับเขา บางทีอาจได้รับผลคาดไม่ถึง
ไต้เจ๋อรับปากทันที ท่าทางอยากลองเต็มที่ “ข้าจะต้องลากตัวไอ้ลูกเต่าที่ทำให้ข้าเคราะห์ร้ายออกมาให้ได้”
ยี่สิบไม้นั่นทำเขาเจ็บปางตาย!
“คุณหนูโค่วมีความสามารถแท้ นักพรตชิงเฟิงนั่นทำได้แต่พูดวกวนไป”
ซินโย่วนิ่งเงียบ ช่วยนักพรตชิงเฟิงที่ไม่เคยพบหน้าแก้ตัวสักคำ “นักพรตชิงเฟิงชื่อเสียงโด่งดัง ต้องมีความเหนือสามัญ”
“เฮอะ” ไต้เจ๋อทำท่าทางไม่เห็นด้วย “ก็แค่พวกที่ชอบเอาใจท่านแม่ข้าพวกนั้น ห่างไกลจากคุณหนูโค่ว มาก”
ซินโย่วได้ยินก็รู้สึกถึงอันตราย รีบเอ่ยว่า “คุณชายไต้อย่าได้ให้คนอื่นรู้ว่าข้าดูนรลักษณ์เป็นนะเจ้าคะ”
“ทำไมหรือ” ไต้เจ๋อไม่เข้าใจ
คนเช่นนักพรตชิงเฟิง คำพยากรณ์เดียวเรียกเงินตั้งเท่าไร คุณหนูโค่วมีความสามารถเช่นนี้ เหตุใดไม่อยากให้คนรู้
ใช่แล้ว ยังไม่ได้จ่ายเงิน
“คุณหนูโค่ว เจ้าดูนรลักษณ์ให้ข้าแล้วคิดเท่าไร”
ซินโย่วปากสั่นแทบกลั้นไม่อยู่ “ไม่ต้องเจ้าค่ะ”
“จะได้อย่างไร ไหนเลยจะไม่เก็บเงิน” ไต้เจ๋อทำหน้าเหมือนยอมไม่ได้
ซินโย่วกดหว่างคิ้ว “เพราะข้าไม่ใช่หมอดู วันนี้ดูนรลักษณ์ให้คุณชายไต้ก็เพราะพอดีสบวาสนาโอกาสเหมาะ”
ไต้เจ๋อตบมือ “ข้าเข้าใจแล้ว คุณหนูโค่วดูนรลักษณ์ต้องอาศัยวาสนา”
คนมีความสามารถยิ่งใหญ่ล้วนเป็นเช่นนี้
ซินโย่วเข้าใจจึงพยักหน้า “นับว่าใช่กระมัง”
ไต้เจ๋อไม่ใช่คนนิสัยทนรออันใดได้ วางน้ำชาลงแล้วก็ลุกขึ้น “เช่นนั้นข้ากลับละ”
“ข้าไปส่งคุณชายไต้เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องๆ” เดิมไต้เจ๋อรู้สึกสนใจซินโย่วอยู่บ้าง ยังคิดวางตัวสูงส่งเหนือกว่า แต่ความรู้สึกดีๆ ก่อนหน้านี้ตอนนี้หายไปหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความเคารพและอยากรู้ในตัวท่านผู้สูงส่งผู้นี้
ไต้เจ๋อก้าวเท้ายาวๆ ออกจากห้องรับรอง มองไปที่หน้าประตูร้านหนังสือเห็นเฮ่อชิงเซียวเดินเข้ามา
“เจ้าเองหรือ”
เฮ่อชิงเซียวมองข้ามไต้เจ๋อไปยังประตูห้องรับรอง เห็นซินโย่วเดินออกมาด้วยสีหน้าสงบยิ่ง จึงได้ละสายตากลับ
ตั้งแต่วันนั้นที่ไต้เจ๋อโดนโบยมา ก็จดบัญชีแค้นเฮ่อชิงเซียวเอาไว้แล้ว พอเห็นเขาก็โมโหเดือดดาลทันที
“เจ้าแซ่เฮ่อ เจ้ามาทำอันใด”
เฮ่อชิงเซียวแววตาเย็นเยียบ มองไต้เจ๋อที่กำลังโกรธแค้นก็เอ่ยว่า “ไต้ซื่อจื่อกำลังพูดกับข้าหรือ”
ไต้เจ๋อไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่เกรงใจเช่นนี้ ก็ยิ่งโมโห “เจ้าคิดว่าเป็นท่านโหวก็ยิ่งใหญ่งั้นหรือ มีอันใดให้อวดเบ่งกัน ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าตำแหน่งโหวเจ้าได้มาอย่างไร คิดว่าจะสู้ขุนนางคนสำคัญติดตามออกศึกสงครามมากับฝ่าบาทได้หรือไร”
ความคิดไต้เจ๋อก็คือความคิดของคนส่วนใหญ่ในเมืองหลวง
ตำแหน่งบรรดาศักดิ์โหวของฉางเล่อโหวก็แค่ตำแหน่งที่ฝ่าบาทพระราชทานเพราะเห็นแก่สายสัมพันธ์พี่น้องในวันวาน ถึงกับไม่แน่ว่ามีความสัมพันธ์นี้อยู่จริงหรือเพียงแค่ทำให้ผู้อื่นดูเท่านั้น
คนเช่นนี้กล้ามาข่มเขาหรือ
ไต้เจ๋อประเมินกำลังสองฝ่าย เขามีกำลังบ่าวมีฝีมือต่อสู้แค่สองคน อีกฝ่ายมีลูกน้องสองคนเช่นกัน แต่หากสู้กันขึ้นมาย่อมเสียเปรียบ ได้แต่ไว้คิดบัญชีวันหลังแล้ว
“หลีกไป!”
ไต้เจ๋อยื่นมือออกไปแต่ถูกมือหนึ่งยื่นมาจับบิดไว้
มือเรียวยาวนั้นมีแรงมาก ไต้เจ๋อรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที “ปล่อยข้านะ! เฮ่อชิงเซียว เจ้าบังอาจมาก!”
สองบ่าวรีบเข้าไปอารักขาความปลอดภัยของไต้เจ๋อ ชักดาบออกมาล้อมไว้ “ปล่อยซื่อจื่อเรา!”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็ชักดาบออกมายืนกันด้านหน้าเฮ่อชิงเซียวไว้
พริบตาในโถงร้านหนังสือก็เคร่งเครียดขมวดตึง ทำเอาลูกค้าที่ก้าวเข้าร้านหนังสือตกใจหนีไป
ซินโย่วเดินเข้ามา
“ใต้เท้าเฮ่อ”
เฮ่อชิงเซียวมองไปทางนาง ยิ้มขอโทษว่า “ทำคุณหนูโค่วตกใจแล้ว นำตัวไป!”
องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายรีบประกบไต้เจ๋อซ้ายขวา
ไต้เจ๋ออึ้งไปทันที “นำอะไรไป นำตัวใครไป”
พบว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายลากเขาออกไป ไต้เจ๋อเริ่มได้สติ “เฮ่อชิงเซียว เจ้าถึงกับกล้าจับข้า เจ้ารู้ไหมว่าข้าคือใคร”
เฮ่อชิงเซียวสีหน้าเย็นเยียบเผยรอยยิ้ม “ข้าควรรู้ อย่างไรคนที่สั่งนำตัวซื่อจื่อไปถอดกางเกงโบยหน้าจวนกู้ชางป๋อวันนั้นก็คือข้า”
สองบ่าวที่คิดเข้าช่วยซื่อจื่อได้ยินก็พลันชะงัก
“แล้วถือสิทธิ์อันใดมาจับตัวข้า”
เฮ่อชิงเซียวเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไต้ซื่อจื่ออาจจะลืม นอกจากเป็นฉางเล่อโหวแล้ว ข้ายังเป็นเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน”
“แล้วอย่างไร ข้าไม่ได้ทำอันใดผิด!”
“อ้อ เมื่อครู่ไต้ซื่อจื่อควบม้าเร็วบนท้องถนนโดนข้าพอดี”
“เจ้าคิดใช้ตำแหน่งมาแก้แค้นส่วนตัวหรือ!” ไต้เจ๋อโมโหดวงตาแดงก่ำ แทบจะปรี่เข้าตะกุยใบหน้าเย็นเยียบนั่นให้เละ
แต่ไรมาเขามีแต่กระทำการเหิมเกริมไม่เกรงกลัวผู้ใด วันนี้ถึงกับกลับตาลปัตร!
เฮ่อชิงเซียวย้อนถามท่าทีสงบนิ่งว่า “ข้ามีความแค้นอันใดกับไต้ซื่อจื่อหรือ”
สำหรับไต้เจ๋อ การโบยวันนั้นกลายเป็นความแค้นยิ่งใหญ่แล้ว แต่พูดออกไปไม่ได้
“เจ้าเพิ่งบอกเอง เพราะโดนเจ้า เจ้าจึงจับข้า กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน! เห็นว่าเจ้าไม่ได้เป็นอันใดสักนิด ไม่ใช่อ้างตำแหน่งแก้แค้นส่วนตัวแล้วคืออันใด”
“อ้อ แม้ข้าไม่เป็นอันใด แต่เกือบทำให้หลักฐานสำคัญของคดีหนึ่งเสียหาย คุณชายไต้ต้องตามข้ากลับไปที่ทำการคุยกันให้กระจ่าง”
“เจ้าพูดจาป้ายสี! เหลวไหลสิ้นดี! ใส่ความผู้อื่น!” สู้ไม่ไหวถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินลากตัวไป ไต้เจ๋อโมโหมองซินโย่ว หลุดปากออกไปว่า “คุณหนูโค่วไม่เหมือนกับที่เจ้าบอกไว้นี่!”
ไหนบอกว่าตอนนี้เขาไม่มีเคราะห์ร้ายชั่วคราวหรือ