สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 130 มีเรื่องขอร้อง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 130 มีเรื่องขอร้อง

ฮูหยินกู้ชางป๋อพบกับการปฏิเสธดังปะทะเข้ากับกำแพงไปต่อไม่ได้อย่างต่อเนื่อง ในใจก็เริ่มตกต่ำสุดขีด

“เจ๋อเอ๋อร์ก็แค่ซุกซนไปสักหน่อย ตระกูลที่ไปมาหาสู่กับพวกเราในเมืองหลวง ตระกูลใดไม่มีบุตรหลานซุกซน เหตุใดไม่เห็นเจ๋อเอ๋อร์อยู่ในสายตา!”

กู้ชางป๋อฉลาดกว่าฮูหยินกู้ชางป๋อมาก “เจ๋อเอ๋อร์แค่ซุกซนไปหน่อยหรือ ฮูหยิน เจ้าอย่าได้ตั้งมาตรฐานสูงไป คุณหนูที่มีชาติตระกูล นิสัยใจคอ รูปร่างหน้าตา ความสามารถดี ไม่ตกมาถึงบุตรชายเราแน่นอน”

“ข้าลดมาตรฐานลงมาแล้ว แม้แต่คนที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดถึงก็นัดดื่มน้ำชาแล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าพอเอ่ยถึงเจ๋อเอ๋อร์ อีกฝ่ายก็แกล้งกลบเกลื่อนผ่านไป”

ฮูหยินกู้ชางป๋อนึกถึงการถูกคนสถานะต่ำกว่านางปฏิเสธแล้วก็อัดอั้นตันใจแทบระเบิด

“แตงฝืนบังคับย่อมไม่หวาน คนเขาไม่ยินดีก็อย่าได้ฝืนใจ” กู้ชางป๋อถอนหายใจ พลันนึกขึ้นมาได้ “เทศกาลฉงหยางวันนั้นได้พบกับนายหญิงผู้เฒ่าตระกูลต้วนจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวง อีกฝ่ายมิใช่มีใจคิดเช่นกันหรือ เจ้าไปลองไปหยั่งเชิงดูสักหน่อย”

ฮูหยินกู้ชางป๋อขมวดคิ้วด้วยสัญชาตญาณทันที “บอกว่าอย่าได้เกี่ยวข้องกับคุณหนูโค่วไม่ใช่หรือ”

กู้ชางป๋อไม่คิดว่าเช่นนั้น “ตระกูลต้วนเป็นเพียงลุงของคุณหนูโค่ว มิใช่ให้เจ้าไปสู่ขอคุณหนูโค่วเสียหน่อย ข้าจำได้ว่าวันนั้นนอกจากคุณหนูโค่วยังมีหลานสาวอีกสองคนอายุใกล้เคียงกับเจ๋อเอ๋อร์ หน้าตาก็ไม่เลว”

“แต่ว่า…”

“หากเจ้าไม่พึงใจ ก็ค่อยเฟ้นหาต่อไป หากถูกปฏิเสธมาอีก ก็อย่าได้มาบ่นเอากับข้า”

ฮูหยินกู้ชางป๋อทำใจยอมรับไม่ได้ นัดอีกสองตระกูลมาดื่มน้ำชา จากนั้นก็ได้แต่ทำใจ

ดูท่าต้องรออีกสองปี รอให้คนในเมืองหลวงลืมเรื่องที่เจ๋อเอ๋อร์ก่อขึ้นในเทศกาลฉงหยางวันนั้นไปก่อน หรือไม่ก็ได้แต่เลือกๆ หลานสาวจวนรองเจ้ากรมสักคนมากล้อมแกล้มแทนแล้ว

คำพูดกู้ชางป๋อทำให้ฮูหยินกู้ชางป๋อไม่ลังเลอีก

“สองปี? เจ้าบัดซบเจ๋อเอ๋อร์ เจ้าจะรับรองได้อย่างไรว่าสองปีนี้จะไม่ก่อเรื่องอีก เกิดเขาโวยวายจะแต่งคุณหนูโค่วอีก รู้กันไปทั่วเมืองหลวง พวกเราต้องตกลงหรือไม่ตกลง?”

“ท่านป๋อกล่าวได้ถูกต้อง”

นายหญิงผู้เฒ่าได้รับเทียบเชิญจากฮูหยินกู้ชางป๋อก็รู้สึกเหนือความคาดหมายอย่างมาก

การหยั่งเชิงท่าทีของอีกฝ่ายในวันเทศกาลฉงหยางวันนั้น อีกฝ่ายมิใช่หลบเลี่ยงไปแล้วหรือ เหตุใดจึงส่งเทียบเชิญมาอีก

จวนรองเจ้ากรมกับจวนกู้ชางป๋อไม่มีการไปมาหาสู่ นายหญิงผู้เฒ่าไม่คิดว่าเทียบเชิญใบนี้จะเป็นเพียงเทียบเชิญดื่มน้ำชาธรรมดาโดยไร้เบื้องหลัง

ใช่แล้ว ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อเพิ่งก่อเรื่อง กลายเป็นเรื่องสนทนาหลังมื้ออาหารของบรรดาชาวเมืองหลวง เกรงว่าฮูหยินกู้ชางป๋อจะหาคู่หมายให้บุตรชายไม่ราบรื่น จึงได้คิดถึงจวนรองเจ้ากรม

นายหญิงผู้เฒ่าคิดประเด็นสำคัญในเรื่องนี้ได้แล้ว ในใจก็ไม่ค่อยพอใจนัก

ผู้ใดยินดีเก็บของที่ถูกผู้อื่นทิ้งแล้วมาเลือกต่อ

แต่คิดด้วยสติอีกที ก็ตัดใจปฏิเสธไม่ลง

ไต้เจ๋อเป็นทายาทเพียงคนเดียวของกู้ชางป๋อ หลานสาวแต่งไปก็เป็นฮูหยินซื่อจื่อ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือจวนกู้ชางป๋อเป็นญาติกับชิ่งอ๋อง หากวันหน้าก็ไม่แน่ว่าฮูหยินป๋ออาจกลายเป็นฮูหยินโหว ถึงกับอาจได้เป็นฮูหยินกั๋วกง

แม้ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อเสื่อมเสียชื่อเสียงเช่นนี้ จวนรองเจ้ากรมเชื่อมสัมพันธ์กับจวนกู้ชางป๋อ ชื่อเสียงอาจไม่น่าฟังนัก แต่ผู้คนย่อมชื่นชมเพียงอำนาจบารมีจนตาค้างลืมเรื่องอื่นไปหมดสิ้น

ก่อนได้พบฮูหยินกู้ชางป๋อ นายหญิงผู้เฒ่านำความกังวลนี้มาหารือกับรองเจ้ากรมต้วน

“ท่านแม่เลอะเลือนแล้ว รอให้พ้นระยะนี้ไป จวนกู้ชางป๋อจะตกต่ำหรือ”

“เกรงผู้คนนินทา? คำนินทาก็แค่ระยะเวลาหนึ่ง รอให้ถึงวันหน้า ผู้ใดยังกล้ากล่าววาจาไม่ดีอีกหรือ”

“อีกอย่าง เฉียวซื่อถูกเขียนหนังสือหย่าส่งผลต่อหวาเอ๋อร์และหลิงเอ๋อร์อย่างมาก ตระกูลที่เท่าเทียมกันก็เกรงว่าจะถือสาเรื่องเหล่านี้ แต่หากเชื่อมสัมพันธ์ต่ำกว่า ก็ไม่มีส่วนช่วยอันใดต่อตระกูลเรา”

รองเจ้ากรมต้วนกล่าวเช่นนี้ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าสบายใจ ไม่นานก็นัดพบกับฮูหยินกู้ชางป๋อที่ร้านน้ำชา

ในร้านน้ำชามีเวทีการแสดงตั้งอยู่ นั่งอยู่ในห้องรับรองชั้นสองชมการแสดงได้ชัดมาก เสียงร้องขับขานบทเพลงงิ้วดังกลบเสียงสนทนาของคนในห้องรับรอง

นายหญิงผู้เฒ่าแน่ใจว่าคาดเดาความคิดฮูหยินกู้ชางป๋อไม่ผิดจากคำพูดของฮูหยินกู้ชางป๋อ

ฮูหยินกู้ชางป๋อเองก็เข้าใจท่าทีของนายหญิงผู้เฒ่าจากรอยยิ้มของอีกฝ่าย

การพบกันอีกครั้งเป็นไปอย่างราบรื่น

เมืองหลวงอารามเต๋ามีมาก เดิมอารามชิงเฟิงก็เป็นหนึ่งในอารามที่ไม่โดดเด่นมากนัก ตั้งแต่เจ้าสำนักอารามนักพรตชิงเฟิงชื่อเสียงโด่งดัง พริบตาก็รุ่งเรืองขึ้นมา

ครั้งนี้นายหญิงผู้เฒ่าพาต้วนอวิ๋นหวากับต้วนอวิ๋นหลิงสองหลานสาวมาด้วย

ตอนสองฝ่าย ‘บังเอิญ’ พบกัน วันนี้มีท่าทีต่างจากท่าทีเย็นชาในวันเทศกาลฉงหยางวันนั้น ฮูหยินกู้ชางป๋อพิจารณาสาวน้อยทั้งสองอย่างละเอียดทีหนึ่ง พูดคุยกับพวกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เพราะซินโย่วเอ่ยเตือนไว้แล้ว ต้วนอวิ๋นหลิงไหนเลยจะไม่รู้ความคิดฮูหยินกู้ชางป๋อ ฮูหยินกู้ชางป๋อถามคำก็ตอบคำ ไม่พูดมากแม้สักคำ แต่ต้นจนจบก็ไม่แม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมอง เกรงว่าอีกฝ่ายจะประทับใจตนเอง

แม้ต้วนอวิ๋นหวาเอาแต่ใจ แต่มิได้โง่เขลา รับรู้ได้ถึงสถานการณ์ ‘บังเอิญ’ วันนี้ได้แล้ว ในใจก็เต้นแรงยิ่งขึ้น

ฮูหยินกู้ชางป๋อต้องการเลือกระหว่างนางกับน้องสามไปเป็นสะใภ้!

นางเคยพบซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อสองสามครั้ง หน้าตาดีน่าพิศ ส่วนนิสัยเจ้าชู้ซุกซนนั้นหรือ ตั้งแต่ท่านแม่ถูกเขียนหนังสือหย่า ครึ่งปีมานี้ได้รับรู้รสชาติแห่งความลำเอียงมาแล้ว นางไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีกแล้ว

ท่านพ่อรักใคร่ปรองดองกับท่านแม่ต่อหน้าผู้คนมาหลายปี ผลสุดท้ายเล่า? ก็แค่ลมพัดผ่านไป ท่านพ่อทอดทิ้งท่านแม่อย่างไม่ลังเล

ไม่มีท่านแม่คอยปกป้อง นางผู้เป็นบุตรีภรรยาเอกกับน้องสามในสายตาท่านย่ากับท่านพ่อก็ไม่มีความแตกต่าง ถึงกับเพราะน้องสามสนิทกับโค่วชิงชิง ทำให้นางยังสู้น้องสามไม่ได้!

หลายค่ำคืนผ่านมา ต้วนอวิ๋นหวานอนไม่หลับเพราะการตกจากสวรรค์ลงสู่บ่อน้ำเช่นนี้ นางเกลียดชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมชายคากับคนเหล่านี้ และเกลียดตนเองที่ไร้ความสามารถ

ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว

หากนางได้เป็นฮูหยินซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อ บรรดาหลังบ้านของขุนนางต่างๆ มากมายก็ต้องให้ความเคารพนาง วันหน้าชิ่งอ๋องได้เป็นฮ่องเต้ จวนกู้ชางป๋อก็จะเป็นพระญาติฮ่องเต้ สามีนางเจ้าชู้ไม่ได้ความแล้วอย่างไร นางต้องการเพียงดำรงตำแหน่งสะใภ้กู้ชางป๋อให้ดี วันหน้าล้วนไม่ขาดแคลนสิ่งใด

นางไม่อยากถูกโค่วชิงชิงลบหลู่แล้วได้แต่ยอมทนอีกต่อไปแล้ว ชีวิตที่แม้แต่ต้วนอวิ๋นหลิงบุตรีอนุเล็กก็ยังกล้าแค่นเยาะนาง

โอกาสนี้นางจะต้องไขว่คว้าไว้ให้ได้!

ต้วนอวิ๋นหวามีความอยากได้ย่อมแสดงท่าทีต่างจากต้วนอวิ๋นหลิง ตอบคำถามฮูหยินกู้ชางป๋อทุกคำถาม แทบจะแสดงท่าทีอ่อนน้อมว่านอนสอนง่ายให้อีกฝ่ายได้เห็น

ระหว่างทางกลับ ต้วนอวิ๋นหวานั่งรถคันเดียวกับต้วนอวิ๋นหลิง

ต้วนอวิ๋นหลิงนั่งมุมหนึ่ง หลุบตาลงไม่เอ่ยอันใด

ต้วนอวิ๋นหวาลอบมองมาหลายครั้ง สุดท้ายก็ไม่เอ่ยอันใด

หากเป็นเมื่อก่อน นำนางมาเทียบกับต้วนอวิ๋นหลิง ก็คงทำให้นางโมโหมาก แต่ตอนนี้นางรู้ว่าไม่เหมือนเดิมแล้ว ก่อนเรื่องราวจะแน่นอน จะต้องรักษาท่าทีสงบปากสงบคำไว้

ในใจวางแผนไปมา ต้วนอวิ๋นหวาตัดสินใจแน่วแน่

การแสดงออกของนางวันนี้เทียบกับน้องสามที่ราวกับท่อนไม้แล้ว นับว่าดีกว่ามาก นางจะต้องสมดังหวัง

หลังฮูหยินกู้ชางป๋อกลับไป ก็บอกกู้ชางป๋อว่า “ข้าจับตาดูแล้ว คุณหนูสามต้วนแม้เป็นบุตรีอนุ แต่นิสัยนิ่งสุขุมเรียบร้อย เหมาะกับคนเช่นเจ๋อเอ๋อร์”

ความจริงกู้ชางป๋อเองนึกภาพต้วนอวิ๋นหวากับต้วนอวิ๋นหลิงไม่ออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร จำได้เพียงว่าหน้าตาไม่เลว เลือกคนไหนเป็นสะใภ้สำหรับเขาก็ไม่ต่างกัน

“เช่นนั้นก็ตามฮูหยินว่า”

นายหญิงผู้เฒ่าได้รับเทียบจากฮูหยินกู้ชางป๋ออีกครั้ง เป็นเทียบเชิญนางกับต้วนอวิ๋นหลิง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท