สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 132 ขอความช่วยเหลือ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 132 ขอความช่วยเหลือ

ขณะที่ต้วนอวิ๋นหลิงกำลังเศร้าสลดสิ้นหวังกับการแต่งงานที่ดังร่วงใส่ศีรษะ ต้วนอวิ๋นหวากลับกำลังโมโห

“วันนี้ท่านย่าเรียกต้วนอวิ๋นหลิงไปพบจริงหรือ”

สาวใช้ที่ออกไปสืบข่าวตอบอย่างระมัดระวัง “เจ้าค่ะ…”

“ท่านย่าเรียกต้วนอวิ๋นหลิงไปทำไมกัน” ต้วนอวิ๋นหวาผุดลุกขึ้นมาถาม ความจริงในใจนางก็มีคำตอบแล้ว เพียงแต่ไม่ยอมรับความจริง

สาวใช้ผงะถอยหลังก้าวหนึ่งด้วยสัญชาตญาณ ยืนยันหนักแน่น “บ่าวไม่ได้ข่าวอันใดเจ้าค่ะ”

ในฐานะสาวใช้ประจำตัวต้วนอวิ๋นหวา นางรู้เรื่องอารามชิงเฟิง ยามนี้นายหญิงผู้เฒ่าเรียกคุณหนูสามไปพบ ยังจะมีเรื่องอันใดอีก

คำตอบสาวใช้ทำให้ต้วนอวิ๋นหวาหาที่ระบายโทสะที่อัดแน่นในใจได้ทันที

“ถือสิทธิ์อันใด เหตุใดเป็นต้วนอวิ๋นหลิง!”

“นางเป็นเพียงแค่บุตรีอนุ ท่าทางดังท่อนไม้ พบเจอคนนอกก็ไม่กล้าพูดจา เหตุใดฮูหยินกู้ชางป๋อจึงได้เลือกนาง”

ต้วนอวิ๋นหวาอารมณ์พลุ่งพล่าน สองมือบีบแขนสาวใช้แน่น “เจ้าว่าคุยอันใดกันแน่”

“บ่าว บ่าวไม่ทราบ…” สาวใช้เสียงสั่น

นางเป็นแค่สาวใช้ จะไปรู้เรื่องได้อย่างไร

“ข้าไม่เชื่อ ข้าจะไปถามท่านย่า!” ต้วนอวิ๋นหวาก้าวเท้าจะออกไป

สาวใช้ตกใจสีหน้าซีดขาว รีบรั้งนางไว้ “คุณหนู ท่านอย่าได้วู่วาม! นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายหญิงผู้เฒ่าตัดสินใจได้ ท่านไปถามนายหญิงผู้เฒ่าก็ไร้ประโยชน์”

“ไร้ประโยชน์…” ต้วนอวิ๋นหวาล้มลงนั่งบนเก้าอี้นอน สีหน้าว่างเปล่า “ไร้ประโยชน์…”

หรือเพราะท่านแม่ถูกเขียนหนังสือหย่า นางจึงไร้ค่าเช่นนี้?

ต้วนอวิ๋นหวาซบลงบนเก้าอี้นอนร่ำไห้อย่างสิ้นหวัง

รองเจ้ากรมต้วนกลับจากที่ทำการได้ยินจากนายหญิงผู้เฒ่าว่าจวนกู้ชางป๋อถูกใจต้วนอวิ๋นหลิงก็พึงพอใจผลนี้อย่างมาก

“หลิงเอ๋อร์รอบคอบและเชื่อฟัง ไปถึงจวนกู้ชางป๋อย่อมไม่ก่อเรื่องผิดพลาด”

บุตรีภรรยาเอกเขามีนิสัยไม่ยอมคน วู่วามและมุทะลุ เกิดปะทะกับแม่สามีหรือสามีเข้า ถึงตอนนั้นจวนรองเจ้ากรมก็จะพลอยปวดหัวไปด้วย

“ข้าเองก็คิดเช่นนี้” นายหญิงผู้เฒ่าหัวเราะเหอะๆ

ค่ำคืนนี้จวนรองเจ้ากรมมีคนดีใจและคนกลัดกลุ้มใจ เช้าวันต่อมา ต้วนอวิ๋นเฉินกลับมาก่อน

นายหญิงผู้เฒ่าใส่ใจการเรียนของหลานชายคนโต ก็ยิ้มถามขึ้นว่า “วันนี้น้องรองเจ้ากลับมากับเจ้าด้วยหรือไม่”

“กลับขอรับ น้องรองบอกว่าจะกลับมากับน้องชิง” ต้วนอวิ๋นเฉินตอบท่านย่าด้วยท่าทางสงบนิ่ง แต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายดังที่แสดงออก

เขามองออกแล้วว่าท่านย่าพึงพอใจที่น้องรองไปสนิทกับน้องชิง แม้ว่าเขาไม่มีใจต่อน้องชิง แต่พอคิดว่าคนที่เคยมีใจให้เขาวันหน้าจะกลายเป็นภรรยาน้องชายลูกพี่ลูกน้องของเขา เขาก็รู้สึกอึดอัด

ไม่มีคุณหนูตระกูลอื่นให้เลือกแล้วหรือ เหตุใดท่านย่าต้องรั้งน้องชิงให้อยู่ในตระกูลเราด้วย

ต้วนอวิ๋นเฉินคิดถึงก่อนหน้านี้เขาแอบไปบ้านท่านยายเยี่ยมท่านแม่ มองเห็นน้องจู๋อยู่ไกลๆ น้องจู๋รีบหันหลังทันที ในใจก็รู้สึกเฝื่อนขม

หากตอนนั้นมิใช่ท่านย่าต้องการจับคู่เขากับน้องชิง ท่านแม่ก็คงไม่เลือกทางเดินสุดโต่งเช่นนี้ เขากับน้องจู๋ก็คงไม่เป็นเช่นนี้…

“เฉินเอ๋อร์?”

ต้วนอวิ๋นเฉินตั้งสติได้ “ท่านย่าเรียกข้าหรือขอรับ”

นายหญิงผู้เฒ่ายิ้ม “เจ้าหลานคนนี้ กำลังคิดอันใดอยู่”

“ไม่มีอันใดขอรับ ท่านย่า หลายวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

“ดีมาก สองวันก่อนไปอารามชิงเฟิงมา ออกกำลังสักหน่อย”

สองย่าหลานคุยกันสักพัก ต้วนอวิ๋นเฉินถามขึ้นว่า “ท่านพ่อไม่ได้ออกไปข้างนอกกระมัง”

วันที่สิบของทุกเดือน พอดีตรงกับวันหยุดของขุนนาง รองเจ้ากรมต้วนไม่ออกไปสังสรรค์กับสหาย ก็จะพักผ่อนอยู่บ้าน

“ไม่ได้ออกไป”

“เช่นนั้นหลานขอไปคำนับท่านพ่อนะขอรับ”

“ไปเถอะ” นายหญิงผู้เฒ่าชื่นชมหลานชายคนนี้อย่างมาก

ต้วนอวิ๋นเฉินกล่าวขอตัวจากนายหญิงผู้เฒ่าไปหารองเจ้ากรมต้วน หลังสองพ่อลูกคุยกันเสร็จแล้ว เขาก็ไปเยี่ยมต้วนอวิ๋นหวา

ปกติทุกวันหยุดสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ต้วนอวิ๋นหวาก็จะมารอพี่ชายอยู่ที่เรือนหรูอี้ถังแต่เช้า แต่วันนี้กลับมาไม่เห็นน้องสาว ต้วนอวิ๋นเฉินพลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

“คุณหนู คุณชายใหญ่มาเจ้าค่ะ”

“เชิญเข้ามา” ต้วนอวิ๋นหวาสีหน้าไร้ชีวิตชีวา กำชับสาวใช้ “ห้ามเอ่ยถึงเรื่องอารามชิงเฟิงกับคุณชาย”

ต้วนอวิ๋นเฉินก้าวเข้ามารวดเร็ว พอเห็นต้วนอวิ๋นหวาตาบวม แววตาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“น้องหวาเป็นอันใดไปหรือ”

“เมื่อวานนอนไม่ค่อยหลับเท่าไร” ต้วนอวิ๋นหวาสะกดกลั้นความอัดอั้นในใจลงไป “พี่ใหญ่นั่งสิเจ้าคะ”

“เพียงแค่นอนไม่ค่อยหลับหรือ” ต้วนอวิ๋นเฉินลงนั่ง แววตาเป็นห่วง “น้องหวาร้องไห้ใช่หรือไม่ เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

ต้วนอวิ๋นหวาตาแดง “ข้าคิดถึงท่านแม่”

ปกตินางเป็นคนคิดเช่นไรก็เอ่ยออกมาเช่นนั้น แต่เรื่องนี้เสียหน้ามาก นางสู้น้องสามไม่ได้ เรื่องพวกนี้จะให้พี่ใหญ่รู้ได้อย่างไร

ต้วนอวิ๋นเฉินไม่ได้รู้สึกสงสัย เขาเองก็มักทรมานใจยามคิดถึงท่านแม่ นับประสาอันใดกับน้องสาวเขาที่ยังเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง

“น้องหวาใช้น้ำเย็นประคบดวงตาเถอะ ตอนตอนออกไปร่วมรับประทานอาหาร คนอื่นจะได้มองไม่ออก”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” ต้วนอวิ๋นหวาก้มหน้าเอ่ยรับคำเบาๆ

หากเป็นไปได้ นางไม่อยากออกไปเผชิญหน้ากับต้วนอวิ๋นหลิง แต่วันนี้หากนางไม่ออกไป ก็คงเป็นที่หัวเราะเยาะของอีกฝ่ายเอาได้

ตอนทุกคนในครอบครัวมานั่งล้อมวงอยู่ในเรือนหรูอี้ถังกินอาหารเที่ยง ซินโย่วก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของต้วนอวิ๋นหวากับต้วนอวิ๋นหลิงทันที

ทั้งสองคนดูแล้วเหมือนไม่เบิกบานใจ เกิดเรื่องอันใดขึ้น

ซินโย่วไม่ได้รู้สนใจอารมณ์ต้วนอวิ๋นหวาแม้สักนิด แต่สนใจอารมณ์ต้วนอวิ๋นหลิง

ก่อนหน้านี้ที่นางออกไปจากจวนรองเจ้ากรมได้ราบรื่น เพราะต้วนอวิ๋นหลิงให้ความช่วยเหลือ สำหรับซินโย่วแล้ว น้ำใจนี้ต้องตอบแทน

“ชิงชิง หนังสือใหม่ของท่านซงหลิงจะออกเมื่อไร”

ซินโย่วมองไปทางรองเจ้ากรมต้วนที่ถามขึ้น

รองเจ้ากรมต้วนอธิบายด้วยท่าทางเก้กัง “ลุงได้อ่าน ‘วาดหนัง’ ของท่านซงหลิง เขียนได้ดีจริง”

สหายร่วมงานบางคนเข้ามาคุยกับเขาเพราะหลานสาวเขาเปิดร้านหนังสือกำลังโด่งดัง พวกเขามาสอบถามเรื่องท่านซงหลิง เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง

“ใกล้แล้วเจ้าค่ะ” ซินโย่วยิ้มให้รองเจ้ากรมต้วน

“ท่านซงหลิงออกหนังสือใหม่ อย่าลืมบอกลุงด้วยนะ”

ซินโย่วยิ้มเอ่ย “ถึงตอนนั้นจะมอบให้ท่านลุงสักสองสามเล่มเจ้าค่ะ”

ก็ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นจะมีกะจิตกะใจอ่านหรือไม่

“ข้าด้วย น้องชิงอย่าลืมให้ข้าด้วย” ต้วนอวิ๋นหลางรีบเอ่ย

ครั้งนี้รอยยิ้มซินโย่วจริงใจกว่ามาก “ได้สิ”

เห็นหลานสาวคุยไปยิ้มไป นายหญิงผู้เฒ่าก็ยิ่งเผยรอยยิ้มเมตตาอารี

หากไม่เหนือความคาดหมาย หลานชายกับหลานสาวได้ครองคู่กัน และหลานสาวอีกคนก็จะได้เกี่ยวดองกับจวนกู้ชางป๋อ จวนรองเจ้ากรมก็นับว่าได้ปัดกวาดกลิ่นอายอัปมงคลที่เกิดในระยะนี้ทิ้งไปได้แล้ว

อาหารเที่ยงมื้อหนึ่ง ผู้อาวุโสต่างอารมณ์ดีไม่เลว ผู้เยาวก์กลับมีความคิดแตกต่าง

ซินโย่วกลับถึงเรือนหว่านฉิง กำลังจะให้เสี่ยวเหลียนไปเชิญต้วนอวิ๋นหลิงมาคุย ต้วนอวิ๋นหลิงก็มาด้วยตนเอง

“น้องหลิงมีความในใจใช่หรือไม่” ซินโย่วเอ่ยถามขึ้นตรงๆ

ต้วนอวิ๋นหลิงขอบตาแดง มองเสี่ยวเหลียนทีหนึ่ง

ซินโย่วแสดงท่าทางบอกให้เสี่ยวเหลียนออกไปก่อน

ตอนที่ในห้องไม่มีคนอื่น ต้วนอวิ๋นหลิงอดหลั่งน้ำตาไม่ได้ “พี่ชิง ข้าควรทำอย่างไรดี ท่านย่าต้องการให้ข้าหมั้นหมายกับซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อ!”

ซินโย่วนิ่งอึ้งไปทันที

หลายวันนี้นางคาดหวังมาตลอดว่าไต้เจ๋อจะนำข่าวที่เป็นประโยชน์มาให้นาง ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องจวนกู้ชางป๋อเช่นนี้

“น้องหลิงค่อยๆ เล่า”

ต้วนอวิ๋นหลิงปาดน้ำตา เล่าเรื่องพบกันโดย ‘บังเอิญ’ ที่อารามชิงเฟิง

“อีกสองวันท่านย่าก็จะพาข้าไปพบฮูหยินกู้ชางป๋อ จากนั้นเกรงว่าก็คงกำหนดแล้ว…ข้าอยากแกล้งป่วย แต่แม้หลบครั้งนี้ไปได้ ก็อาจทำให้ท่านย่าไม่พอใจ ชีวิตวันหน้าก็คงไม่ดี…”

ต้วนอวิ๋นหลิงบอกเล่าด้วยท่าทีสิ้นหวังไร้หนทาง แววตาที่มองซินโย่วมีความหวังอยู่เล็กน้อย

พี่ชิง…มีวิธีไหม

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท