ตอนที่ 138 ไปเชิญใต้เท้าเฮ่อมา
สำหรับรองเจ้ากรมต้วน บุตรสาวคนใดแต่งเข้าจวนกู้ชางป๋อล้วนไม่แตกต่าง หากไม่แต่งบุตรสาวสามแล้วประหยัดได้สองแสนตำลึง คนโง่เท่านั้นที่จะไม่รับปาก
เขาคิดวางแผนว่าจะนำทรัพย์สมบัติที่เสียไปกลับคืนมา แต่โอกาสก็กล่าวได้ยาก เงินทองมากมายเช่นนี้ออกไปอยู่นอกบ้านวันหนึ่งก็ทำเอาเขาว้าวุ่นใจวันหนึ่ง ประหยัดสองแสนได้ย่อมดีมาก
นายหญิงผู้เฒ่าไม่คิดว่าบุตรชายจะรับปากรวดเร็วเช่นนี้ จึงถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง
รองเจ้ากรมต้วนขยิบตาให้นาง
แม้นายหญิงผู้เฒ่าไม่พอใจ แต่ก็ยอมอ่อนข้อ “เช่นนั้นก็ทำตามเจ้าว่า”
หลานคนนี้ยอมเสียสองแสนตำลึงให้หลานสาวสาม เห็นชัดว่าเป็นนิสัยไร้เดียงสาถือคุณธรรมแบบเด็กน้อย
นางคิดว่าหลานสาวกับหลานชายรองก็เหมือนความสัมพันธ์ไม่เลว วันหน้าได้แต่งงานกัน เงินเหล่านี้ก็ย่อมไม่รั่วไหลออกไป
นายหญิงผู้เฒ่าปลอบใจตนเอง แต่ความจริงก็ยังคงปวดใจไม่คลาย
“หกแสนตำลึง พรุ่งนี้มาเอาได้เลยไหมเจ้าคะ” ซินโย่วถามรองเจ้ากรมต้วน
แม้ว่ารองเจ้ากรมต้วนไม่แสดงออก แต่ซินโย่วคาดเดาความคิดของเขาได้
ก็แค่ต้องการใช้เงินทองสยบนางให้สงบลงก่อน แล้วค่อยหาโอกาสสังหารชิงเงินทองคืนกลับไป
อีกฝ่ายย่อมมีความคิดเช่นนี้ เขาให้นางรักษาเงินทองมหาศาลก้อนโตนี้ไว้ชั่วคราวก่อน ตอนนี้เขาได้แต่รับปากไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะคำข่มขู่เรื่องตำแหน่งขุนนางของเขา
รองเจ้ากรมต้วนกัดฟัน “จะพยายามรวบรวมมาให้เจ้า”
ซินโย่วย่อกายเล็กน้อย “ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านลุงเจ้าค่ะ”
นายหญิงผู้เฒ่ามีคำพูดมากมายอยากจะพูดกับรองเจ้ากรมต้วน เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน”
“ชิงชิงขอตัวเจ้าค่ะ”
พอซินโย่วออกไป นายหญิงผู้เฒ่าก็หน้าบึ้งตึง “เจ้ารีบร้อนรับปากเช่นนั้นทำไมกัน ฮูหยินกู้ชางป๋อถูกใจหลิงเอ๋อร์”
“อีกสองวันพาหวาเอ๋อร์ไปแล้วเกิดฮูหยินกู้ชางป๋อไม่พอใจเล่า”
“ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อนั่นเพิ่งมีเรื่องขายหน้ามา คิดจะเจรจาการแต่งงานที่เหมาะสมย่อมไม่ง่าย ไม่เช่นนั้นก็คงไม่คิดถึงจวนรองเจ้ากรมเราที่ปกติไม่เคยติดต่อกันหรอก ขอเพียงหวาเอ๋อร์ทำตัวได้ไม่เลว แม้ฮูหยินกู้ชางป๋อไม่พอใจที่ท่านแม่เปลี่ยนคน ก็จะไม่ทิ้งจวนรองเจ้ากรมง่ายๆ เป็นแน่”
นายหญิงผู้เฒ่าพยักหน้าเล็กน้อย
นั่นมันตั้งสองแสนตำลึงเลยนะ แม้เจรจาการแต่งงานกับจวนกู้ชางป๋อไม่สำเร็จ ก็ถือว่ายังคุ้มค่า
“ท่านแม่ ท่านเตรียมหกแสนตำลึงให้เรียบร้อยดีกว่า ชิงชิงจะได้ไม่เอะอะโวยวายอีก”
นายหญิงผู้เฒ่าน้ำเสียงไม่พอใจ “บอกแล้วว่าให้นางห้าแสนตำลึงก่อน เจ้าก็รีบรับปากเร็วเกินไป”
รองเจ้ากรมต้วนยิ้มเฝื่อน “หากไม่ทำให้นางพึงพอใจ นางก็จะเอาเรื่องจนข้าเสียตำแหน่งขุนนาง จวนรองเจ้ากรมถูกผู้คนตำหนิ เช่นนั้นตระกูลเราคงถูกทำลายจบสิ้นแล้ว”
อย่างไรไม่ว่าห้าแสนตำลึงหรือหกแสนตำลึง รอให้นางสิ้นลม ก็ยึดกลับคืนมาได้หมด
แต่ตอนนี้รองเจ้ากรมต้วนไม่อยากให้นายหญิงผู้เฒ่ารู้ว่าเขามีใจคิดสังหารหลานสาว
นายหญิงผู้เฒ่าได้ยินดังนี้ก็โมโหคุกรุ่น “ข้ามองไม่ออกว่านางจะมีนิสัยเย็นชาได้เช่นนี้”
“เพราะท่านแม่รักนางมากเกินไป”
นายหญิงผู้เฒ่าไม่พอใจ “ทำไม ข้ารักนางก็ผิดหรือ น้องสาวเจ้าจากไปเร็ว นางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของน้องสาวเจ้านะ”
“ท่านแม่รักนางไม่ผิด เพียงแต่นางรู้ความ รู้จักบุญคุณก็ยังดี หากนิสัยเย็นชาเห็นแก่เงินทองเช่นนี้ ความคิดเป็นใหญ่ก็ย่อมถูกปลดปล่อยออกมา” รองเจ้ากรมต้วนถือโอกาสปักเข็มเล่มหนึ่งไว้ในใจนายหญิงผู้เฒ่า
นายหญิงผู้เฒ่าขมวดคิ้วเหมือนครุ่นคิด
เดินออกจากเรือนหรูอี้ถัง เสี่ยวเหลียนรู้สึกถึงความผิดปกติของอีกฝ่าย “คุณหนูไม่กลับเรือนหว่านฉิงหรือเจ้าคะ”
นางเป็นเพื่อนคุณหนูไปพบนายท่านใหญ่ก่อน ค่อยมาพบนายหญิงผู้เฒ่าที่นี่ แต่ล้วนอยู่ข้างนอก ไม่รู้เหตุปะทะกันภายใน
คุณหนูอาศัยหนังสือเล่มเดียวชิงสมบัติคุณหนูของนางคืนมาได้จริงหรือ
เสี่ยวเหลียนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่กลับเรือนหว่านฉิง พวกเรากลับร้านหนังสือ”
“กลับร้านหนังสือ?” เสี่ยวเหลียนตกใจ เป็นห่วงผลการเจรจาของซินโย่วกับรองเจ้ากรมต้วนสองแม่ลูกขึ้นมา
ทุกครั้งที่กลับจวนรองเจ้ากรม คุณหนูก็จะพักคืนหนึ่งก่อนกลับร้านหนังสือ หรือว่ามีเรื่องผิดใจกันแล้ว
“เจรจาเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็จะได้หกแสนตำลึง” ซินโย่วไม่ปิดบังอันใดต่อเสี่ยวเหลียน เงินเหล่านี้เดิมก็เป็นของโค่วชิงชิง
เสี่ยวเหลียนหยุดชะงักทันที ทำเอาเกือบล้มคะมำ
ซินโย่วยื่นมือหนึ่งออกมาประคองนางเอาไว้ “ใจเย็น”
“คุณหนู!” เสี่ยวเหลียนอุดปากน้ำตาไหลพราก
หกแสนตำลึง คุณหนูถึงกับช่วยคุณหนูนางนำสมบัติกลับคืนมาได้ถึงหกแสน!
ซินโย่วตบแขนเสี่ยวเหลียนปลอบใจ “ระวังพวกจวนรองเจ้ากรมเห็นเข้า หากอยากร้องไห้จริงๆ รอให้ได้เงินมาก่อนค่อยร้อง”
เสี่ยวเหลียนรีบปาดน้ำตาทิ้ง “คุณหนู พวกเรากลับร้านหนังสือ…”
ซินโย่วหรี่เสียงเบาลง น้ำเสียงนิ่งเรียบ “ความคิดป้องกันตนเองไม่อาจขาดตก กลับร้านหนังสือปลอดภัยกว่า”
แม้ว่าพิจารณาดูแล้ว รองเจ้ากรมต้วนไม่น่าจะลงมือในตอนนี้ แต่เกิดเขาบ้าคลั่งไม่กระทำการตามที่ควรเป็นเล่า
หากยังเลือกได้ ย่อมไม่จำเป็นต้องนำพาตนเองไปอยู่ในอันตราย
เสี่ยวเหลียนสีหน้าซีด “คุณหนู หรือว่าพวกเขา…”
“กลับร้านหนังสือค่อยว่ากัน”
เสี่ยวเหลียนพยักหน้ารีบเร่งฝีเท้า
ทั้งสองคนเดินมาถึงประตู คนเฝ้าประตูยิ้มถามขึ้นว่า “คุณหนูนอกจะออกไปหรือ”
ซินโย่วหยุดยิ้มตอบว่า “พอดีนึกได้ว่ายังมีงานที่ร้านหนังสือ ต้องกลับไปก่อน รบกวนช่วยข้าบอกท่านยายสักคำ”
เสี่ยวเหลียนรีบควักเศษเงินก้อนออกจากถุงเงินยัดใส่มือคนเฝ้าประตู
“จะเอาเงินคุณหนูนอกได้อย่างไร เดิมก็เป็นหน้าที่ของบ่าว…” คนเฝ้าประตูปากก็ปฏิเสธ แต่ก็รีบเก็บเงินเข้าพกทันที
เดินออกจากประตูจวนรองเจ้ากรม เสี่ยวเหลียนลอบถอนหายใจเฮือก “ออกมาได้แล้ว”
ซินโย่วอดหัวเราะไม่ได้ “ไม่ต้องเคร่งเครียดไป จวนรองเจ้ากรมยังคงรักหน้าตา ไม่ถึงกับกระทำการโจ่งแจ้งเป็นแน่ กลับร้านหนังสือเป็นเพียงการป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น”
“คุณหนู พรุ่งนี้มาจวนรองเจ้ากรมจะได้เงินจริงหรือ” เสี่ยวเหลียนยังคงแทบไม่อยากจะเชื่อ เงินก้อนโตเพียงนี้ จวนรองเจ้ากรมยอมคายออกมาได้
ซินโย่วหันกลับไปมองจวนด้านหลัง ยิ้มเยาะกล่าวว่า “พวกเขามีสิ่งที่ใส่ใจยิ่งกว่า”
นับประสาอันใด หกแสนตำลึงในสายตารองเจ้ากรมต้วนก็เพียงแค่ให้นางดูแลชั่วคราวเท่านั้น
พอถึงร้านหนังสือ ซินโย่วไม่ได้ตรงกลับเรือนตะวันออก แต่เดินเข้าทางประตูใหญ่ร้านหนังสือ
“ลูกค้า…” หลิวโจวมองเห็นว่าเป็นซินโย่วก็นิ่งอึ้งไปทันที “ท่านเจ้าของร้าน วันนี้ท่านไม่กลับจวนรองเจ้ากรมหรือขอรับ”
“มีธุระเล็กน้อย” ซินโย่วมองไปรอบๆ ถามหลิวโจว “วันนี้ใต้เท้าเฮ่อได้มาไหม”
“ไม่ได้มา ระยะนี้ใต้เท้าเฮ่อคล้ายว่ามาน้อยมากขอรับ”
ความจริงซินโย่วก็รู้สึกได้
คล้ายว่าตั้งแต่วันนั้นที่คุยถึงน้ากุ้ย ใต้เท้าเฮ่อก็ไม่ได้มาหลายวัน มาอีกทีก็ตอนที่ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อทำหลักฐานคดีเสียหาย จึงไล่ตามมา จากนั้นก็ไม่ได้มาอีก
ซินโย่วรู้สึกโล่งอกอย่างน่าประหลาด แต่ก็เหมือนไม่ชินอยู่บ้าง
“หลิวโจว เจ้ารู้ไหมว่าจวนฉางเล่อโหวอยู่ที่ใด”
วันนี้วันหยุดขุนนาง ซินโย่วเดาว่าเฮ่อชิงเซียวน่าจะอยู่จวน
ใต้เท้าเฮ่อดูเหมือนไม่ได้ร่ำรวยมาก น่าจะไม่ไปกินดื่มที่ร้านน้ำชาร้านสุราอาหาร
“ท่านเจ้าของร้านต้องการพบใต้เท้าเฮ่อ?”
“อืม มีธุระกับเขา”
คนงานตื่นเต้น “แม้ว่าข้าน้อยไม่เคยไป แต่ถามทางได้! ท่านเจ้าของร้านโปรดวางใจ ข้าน้อยจะต้องเชิญใต้เท้าเฮ่อมาให้ได้ขอรับ!”
“ไปเถอะ” ซินโย่วยิ้ม
ผู้ดูแลร้านหูเห็นหลิวโจวรีบออกไป ก็ดีดลูกคิดด้วยสีหน้าบึ้งตึง