ตอนที่ 149 สะกดรอยตาม
“ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อที่ช่วยข้ามากมายเพียงนี้”
ซินโย่วไม่ใช่คนขี้อาย ไม่ว่าในใจหวั่นไหวเพียงใด สีหน้ายังคงดูนิ่งสงบ
“สมควรแล้ว…” เฮ่อชิงเซียวชะงักไปครู่หนึ่ง “ข้ายังรับเงินทองคุณหนูโค่วมากมายเช่นนั้น”
ดังนั้นเมื่อครู่เขาคิดเหลวไหลอันใดกัน น้ากุ้ยตำหนิได้ถูกต้อง ช่วยคุณหนูโค่วเล็กน้อยก็รับเงินค่าตอบแทนมาหลายพันตำลึง ยังคาดหวังให้คุณหนูโค่วมีใจให้เขาอีกหรือ
ได้ยินคำพูดจริงจังของเขา ซินโย่วก็ยิ้มหวานกล่าวว่า “ใต้เท้าเฮ่อไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ ใช้เงินเล็กน้อยเชิญใต้เท้าเฮ่อมาช่วยคุมสถานการณ์ ข้าได้กำไรอยู่เจ้าค่ะ”
เงินเล็กน้อย…
เฮ่อชิงเซียวเองก็ยิ้ม “ช่วยคุณหนูโค่วได้ก็ดี”
สายตาเขามองผ่านไปที่ติ่งหูว่างเปล่าของสาวน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้ถามความสงสัยในใจออกไป
ซินโย่วไปส่งเฮ่อชิงเซียวที่ประตูร้านหนังสือ “ใต้เท้าเฮ่อค่อยๆ เดินนะเจ้าคะ”
หลิวโจวแอบลอบมองทั้งสองคนอยู่ข้างโต๊ะ
เกิดเรื่องอันใดขึ้น ก่อนเข้าไปในห้องรับรอง เขายังรู้สึกว่าใต้เท้าเฮ่อกับเจ้าของร้านคล้ายกับจะจูงมือกราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้เห็นท่าทางเจ้าของร้านเปิดเผยดังเดิมไม่ต่างอันใดกับการต้อนรับลูกค้าที่มาซื้อหนังสือทั่วไป
มันใช่ที่ไหนกัน
คนงานเช็ดโต๊ะแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ยังเช้าอยู่ ซินโย่วพาเสี่ยวเหลียนออกไปข้างนอก เริ่มเดินจากร้านที่ใกล้ที่สุด ไปจนร้านสุดท้ายในรายการ
บางทีจวนรองเจ้ากรมรู้สึกว่าร้านค้าเหล่านี้ช้าเร็วต้องได้คืนกลับไป ถึงกับไม่ขุดหลุมล่อนาง ทำให้ซินโย่วเบาใจได้ไม่น้อย
“คุณหนู ร้านแป้งชาดนี้เป็นของเราแล้วเจ้าค่ะ!” เสี่ยวเหลียนยิ่งเดินก็ยิ่งตื่นเต้น
เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว ทั้งสองคนจึงไปกินอาหารที่ร้านอาหารที่ค่อนข้างเงียบเหงาร้านนั้น
รสชาติย่ำแย่มาก!
เสี่ยวเหลียนเดินออกมาไกลแล้ว ยังทำท่าทางเหมือนสะเทือนใจรุนแรง “บ่าวไม่อยากกินอาหารเย็นแล้ว…คุณหนูจากนี้ไปเดินร้านไหนต่อหรือเจ้าคะ”
“กลับร้านหนังสือกัน ไม่ต้องรีบร้อนให้ครบในวันเดียว”
ตอนบ่ายยังมีงานที่ต้องทำอีก ต้องพักผ่อนเตรียมแรงไว้ก่อน
ตลอดทางขากลับ เสี่ยวเหลียนคิดถึงอาหารตอนเที่ยวแล้วก็ยังอยากอาเจียน “คุณหนู ปล่อยร้านอาหารไปเช่นนี้หรือ จะเปลี่ยนพ่อครัวหรือไม่เจ้าคะ”
“รักษาสภาพเดิมไปก่อน ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปค่อยว่ากัน”
ร้านค้าสิบกว่าร้าน มีใหญ่มีเล็ก มีทำกำไร มีขาดทุน ได้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ละเอียดจากเฮ่อชิงเซียวมา ซินโย่วคำนวณดูแล้ว สรุปยังพอกำไรอยู่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องทำกำไรก็ยังไม่รีบร้อนในตอนนี้
กลับถึงเรือนตะวันออก ซินโย่วส่งเสียงเรียกฟางหมัวมัว “แม่นม ไว้ท่านว่างลองมองดูคนที่พอใช้การได้ วันหน้าจะได้ส่งไปดูแลร้านค้าเหล่านี้”
ร้านค้าเหล่านี้ ซินโย่วคิดไว้ว่าจะค่อยๆ มอบให้ฟางหมัวมัวกับเสี่ยวเหลียน
พวกนางทั้งสองคน คนหนึ่งเป็นคนเลี้ยงดูโค่วชิงชิงมา อีกคนเติบโตมาพร้อมกับโค่วชิงชิง โค่วชิงชิงต้องหวังให้พวกนางมีชีวิตที่ดี
เพราะมีความคิดเช่นนี้ ทำให้ซินโย่วไม่คิดเข้าแทรกมือมากเกินไป และให้โอกาสทั้งสองคนได้ฝึกฝน
ฟางหมัวมัวไม่รู้ความคิดซินโย่ว รีบรับคำทันที
การค้าร้านหนังสือยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ รับคนงานมากยิ่งขึ้น วันหน้าคุณหนูยังมีร้านค้าอีกมากต้องดูแล แน่นอนว่าต้องมองหาคนใช้การได้ให้มากอีกหน่อย
ซินโย่วสั่งให้เสี่ยวเหลียนปลุกนาง ไม่นานก็หลับไป พอได้หลับไปตื่นหนึ่งก็รู้สึกเต็มอิ่ม แอบไปแถบบ้านพักหลังนั้นคนเดียว
บ้านพักนั้นมีเพียงลานเดียว เรือนกลางมีสามห้อง ข้างๆ มีเรือนตะวันออกและตะวันตก
เพราะต้องการเก็บเป็นความลับ ซินโย่วจึงไม่ได้ให้คนมาปัดกวาด ทุกมุมจับไปด้วยฝุ่นหนาชั้นหนึ่ง สถานที่สะอาดที่สุดก็คือห้องตะวันออกที่วางเสื้อผ้าและกระจก
ซินโย่วเดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งมีกระจก อดลูบคลำติ่งหูว่างเปล่าตนเองไม่ได้
ลืมใส่ต่างหู
ความละเลยในเรื่องนี้ ซินโย่วไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ตอนนี้ก็ไม่ต้องใส่พอดี
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หนุ่มน้อยใบหน้ากระจ่างก็ปรากฏบนบานกระจก มองดูสภาพเดิมไม่ออกแม้แต่น้อย
ซินโย่วยิ้มให้ชายหนุ่มในกระจกทีหนึ่ง ชายหนุ่มก็ยิ้มตอบ
ยามนี้ยังไม่มืด สิงโตหินกางกรงเล็บน่าเกรงขามหน้าประตูจวนกู้ชางป๋อ คอยจ้องมองคนที่เดินผ่านไปมา
ซินโย่วรออยู่ในมุมเร้นตา ในที่สุดก็เห็นคนทยอยออกจากจวนกู้ชางป๋อทางประตูข้าง
ในจำนวนคนเหล่านั้นมีฉางเหลียงรวมอยู่ด้วย สีหน้าพวกเขาล้วนผ่อนคลายสบายๆ อย่างมาก ยิ้มแย้มคุยกันเดินออกมา
ที่พักอยู่ด้านหลังจวนกู้ชางป๋อ มีบ่าวจวนกู้ชางป๋อพักอาศัย และยังมีเครือญาติครอบครัวอยู่ด้วย
ซินโย่วแอบตามหลังไป เห็นคนเหล่านั้นทยอยเดินข้าประตูบ้านตนเองไป คนเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
ยามนี้หากมีคนโผล่หน้าออกมา ก็จะเห็นว่าด้านหลังมีชายหนุ่มเดินตามอยู่
ดวงเหมือนไม่ค่อยดีนัก ด้านหน้าเหลือเพียงฉางเหลียงผู้เดียว
ไม่มีคนร่วมทางให้คุยเล่น ฉางเหลียงก็หันมามองก่อนจะหยุดลง
ยามนี้ฟ้ามืดเร็ว พอชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ ฉางเหลียงขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “น้องชายทำไมดูหน้าไม่คุ้น”
คนพักแถบนี้ส่วนใหญ่ล้วนรู้จักกัน ทำให้เขาอดระวังตัวขึ้นมาไม่ได้
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มเก้อเขิน “ข้าหลงทาง ไม่รู้เดินมาทางนี้ได้อย่างไร”
ฉางเหลียงสงสัยขอแก้ตัวนี้ มองประเมินชายหนุ่มจากบนลงล่างพลางถามขึ้นว่า “เจ้าจะไปไหน”
ชายหนุ่มบอกที่จะไป
ฉางเหลียงได้ยินก็คลายความสงสัยลงไม่น้อย น้ำเสียงนิ่งเรียบเอ่ยว่า “เจ้ามาผิดทางแล้ว เดินกลับตามทางเดิม ถึงปากทางก็เลี้ยวเข้าไปจึงจะถูกต้อง…”
“ขอบคุณพี่ชายที่บอกทาง” ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย คล้ายการชี้ทางของฉางเหลียงทำให้เขารู้สึกกล้าหาญขึ้น หยั่งเชิงถามขึ้นว่า “ข้าเดินมาตั้งนาน กระหายน้ำมาก ขอน้ำดื่มสักหน่อยได้หรือไม่”
ฉางเหลียงขมวดคิ้ว เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “มาสิ”
เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มร่างผอมบางจะทำอันใดเขาได้ กลับรู้สึกว่าเขางุ่มง่ามจนน่าขัน
ฟ้ามืดแล้ว คนคนหนึ่งมาเดินอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย ถึงกับมาขอดื่มน้ำที่บ้าน
เสียงประตูเปิด ประตูหน้าลานก็เปิดออก ฉางเหลียงก้าวเท้าเข้าไป
ซินโย่วยืนอยู่นอกประตูไม่ได้ก้าวตามเข้าไป กวาดตามองด้านในอย่างรวดเร็ว
เป็นลานบ้านที่ไม่กว้างมาก ไม่มีแสงไฟ อาศัยแสงจันทร์มองเห็นว่าในลานเก็บกวาดได้เรียบร้อยไม่เลว
ไม่นานฉางเหลียงก็ยกชามน้ำมา เอ่ยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่มีน้ำร้อน”
“ดื่มได้ก็พอ” ซินโย่วรับชามน้ำมาแล้วก็ดื่มกรอกลงคอไปอย่างกระหายมาก กล่าวขอบคุณไม่หยุด
ฉางเหลียงไม่เอ่ยตอบอันใด หยิบชามน้ำคืนมาแล้วก็ปิดประตู
ซินโย่วหันหลังเดินกลับไปตามทางเดิม
ประตูปิดสนิทด้านหลังแอบแง้มออกอีกครั้ง สองตามองตามแผ่นหลังชายหนุ่มไปเงียบๆ
ชายหนุ่มก้าวเท้าลังเล ปฏิกิริยาลังเลเหมือนคนหลงทาง ในที่สุดฉางเหลียงก็คลายความระแวงในใจลง
ซินโย่วเดินออกจากเขตบ้านพัก กดท้องที่กรอกน้ำเย็นลงไปไม่น้อย
เย็นจริง
ดวงจันทร์ต้นฤดูหนาวเดียวดายกลางนภา สาดส่องน้ำค้างแข็งบนพื้นดิน
ซินโย่วเดินวนหลายรอบ ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปทางร้านหนังสือชิงซง
ในลานไม่มีแสงไฟ ฉางเหลียงน่าจะพักอยู่เพียงผู้เดียว และดูจากการดูแลลานบ้านเรียบร้อย หากไม่ใช่ฉางเหลียงเป็นคนรักความสะอาดเป็นพิเศษ ก็ต้องมีคนมาทำความสะอาดตามเวลากำหนด
ซินโย่วหวนนึกถึงตอนรับชามน้ำจากมือฉางเหลียง ได้เห็นเล็บสกปรก เดาว่าเป็นประการหลัง
ค่อนข้างเหมาะกับสภาพของฉางเหลียง สามารถเป็นผู้คุ้มกันในจวนกู้ชางป๋อ รายได้น่าจะไม่เลว สถานะโสด จ้างคนมาทำความสะอาดซักเสื้อผ้าก็ปกติมาก
ซินโย่วหยุดฝีเท้าหันกลับไปมองทิศทางของจวนกู้ชางป๋อ
ในเมื่อพักคนเดียว จากนี้ก็สะดวกแล้ว