สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 150 ผิดหวัง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 150 ผิดหวัง

หลังจากได้รับบทเรียนที่ลอบสังหารเฮ่อชิงเซียวครั้งนั้น ซินโย่วจึงสืบความจริงอย่างรอบคอบมากขึ้น แน่ใจที่พักของฉางเหลียงแล้วก็มิได้มีการเคลื่อนไหวใดอีก แต่อดทนรอคอยต่อไป

เพราะเร่งเรื่องแต่งงานของบุตรสาว และมีเฮ่อชิงเซียวขวางทางอยู่ แม้ว่ารองเจ้ากรมต้วนแทบอยากจะสังหารหลานสาวเสียตอนนี้ แต่ก็ได้แต่อดทนรอไปก่อน

ผ่านไปไม่กี่วัน ก็ได้ข่าวงานแต่งงานเชื่อมไมตรีระหว่างจวนรองเจ้ากรมกับจวนกู้ชางป๋อ

ข่าวคุณชายเสเพลอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแต่งงานนี้ย่อมก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย พริบตาจวนรองเจ้ากรมก็อยู่ในกระแสขึ้นมาอีกครั้ง

ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อเป็นคนเช่นไร ทุกคนล้วนรู้ดี ตระกูลที่เห็นความสุขในชีวิตบุตรสาวสำคัญล้วนดูแคลนพฤติกรรมของจวนรองเจ้ากรม พวกที่มีใจคิดอาจเอื้อมคว้าหงส์มังกรก็อดปวดใจไม่ได้ ล้วนพูดจาไม่น่าฟัง

ต้วนอวิ๋นเฉินถูกนักเรียนในสำนักที่แต่ไรมาก็ไม่ถูกกันหัวเราะเยาะจึงได้รู้เรื่องนี้ รีบขอลากลับจวนรองเจ้ากรมทันที

รองเจ้ากรมต้วนไม่พอใจการขอลากลับบ้านของบุตรชายมาก “ปีหน้าเจ้าก็ต้องเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิ[1]แล้ว ตั้งใจเล่าเรียนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เรื่องที่บ้านไม่ต้องให้เจ้ามาคอยเป็นห่วง”

แต่ไรมาในสายตาคนในตระกูล ต้วนอวิ๋นเฉินเป็นคนรู้ความและวางใจได้ ยามนี้กลับอดโต้แย้งกับบิดาไม่ได้ “ท่านพ่อ ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อผู้นั้นไม่ศึกษาเล่าเรียน แม้แต่อักษรก็จำไม่ครบ พฤติกรรมก็ยิ่งแย่ จะเป็นคู่ครองที่ดีของน้องหวาได้อย่างไร!”

รองเจ้ากรมต้วนไม่คาดคิดว่าบุตรชายจะเอ่ยเช่นนี้ สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห “เฉินเอ๋อร์ การแต่งงานคือการร่วมวงศ์ของสองตระกูล ตระกูลเราย่อมไตร่ตรองดีแล้ว…”

ต้วนอวิ๋นเฉินขัดคำพูดรองเจ้ากรมต้วนด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นขึ้นทันที “ท่านพ่อรู้หรือไม่ ผู้อื่นพูดถึงจวนรองเจ้ากรมอย่างไร”

รองเจ้ากรมต้วนย่อมได้ยินคำพูดเหล่านี้มามากแล้ว แต่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจแม้สักนิด “ก็แค่วาจาริษยาปวดใจ พวกเขาพูดกันไปสองสามวันก็เลิก เจ้าคิดว่าพวกเขาไม่หวังแต่งกับซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อหรือ ก็แค่ไม่มีโอกาสเอื้อมถึง ปวดใจกันก็เท่านั้น”

ต้วนอวิ๋นเฉินมองรองเจ้ากรมต้วนอย่างแทบไม่อยากเชื่อ

กล่าวเช่นนี้ คำพูดเหล่านั้นล้วนกล่าวไม่ผิด ความจริงบิดาเขาเองก็คิดอาจเอื้อมสานสัมพันธ์ตระกูลสูงส่ง

จวนรองเจ้ากรมเป็นขุนนางบุ๋น เรียกได้ว่าเป็นตระกูลบัณฑิต ต้วนอวิ๋นเฉินตั้งใจศึกษาเล่าเรียนมาแต่เล็ก แต่ไรมาไม่เคยกลัดกลุ้มเรื่องชีวิตประจำวัน ดำรงตนหยิ่งทะนงสูงส่งอยู่ไม่น้อย

แต่ตั้งแต่มารดาถูกเขียนหนังสือหย่าเป็นต้นมา ความหยิ่งทะนงนี้ก็คล้ายว่าถูกทุบเต็มแรงไปทีหนึ่ง จนกระทั่งแหลกละเอียดลงในยามนี้

รองเจ้ากรมต้วนมองดูบุตรชายได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างแรงเช่นนี้ ก็ถอนหายใจหนักหน่วงเอ่ยว่า “เฉินเอ๋อร์ ตระกูลหนึ่งจะรุ่งเรืองต่อไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องอื่นไม่ว่า แค่เรื่องที่เจ้าเล่าเรียนหนังสืออย่างไร้กังวล หมึกกระดาษพู่กันล้วนชั้นเลิศ เจ้าคิดว่าร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าหรือ จวนรองเจ้ากรมเรารากฐานไม่แน่น ต้องหวังพึ่งเจ้าสอบได้ตำแหน่ง ต้องการความสัมพันธ์แต่งงานมาช่วยอีกแรง…”

รองเจ้ากรมต้วนเห็นว่าบุตรชายเติบใหญ่แล้ว ก่อนหน้านี้คิดว่าให้เขาสอบผ่าน ได้มีชื่อติดขึ้นประกาศก่อนค่อยว่ากัน แต่ในเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว ให้เขาเข้าใจเร็วสักหน่อยก็ไม่เลว

ต้วนอวิ๋นเฉินได้ยิน สีหน้าก็พลันซีดเผือด “เช่นนั้นน้องหวาเล่า น้องหวาควรเสียสละความสุขตนเองเพื่อเรื่องพวกนี้หรือขอรับ”

“เสียสละ?” รองเจ้ากรมต้วนรู้สึกน่าขัน “น้องหวาเจ้าไม่ได้คิดเช่นนี้”

ตอนนี้ดูท่าการให้เขามีชีวิตที่ไม่ต้องกังวลเรื่องใดนั้นไม่ใช่เรื่องดีแล้ว เฉินเอ๋อร์ไร้เดียงสาเกินไป

รองเจ้ากรมต้วนมาจากครอบครัวยากจน เคยลิ้มรสวันเวลาที่ต้องขาดแคลนเงินทองมาแล้ว และเพราะเหตุนี้ เขาจึงไม่คิดจะกลับไปใช้ชีวิตชักหน้าไม่ถึงหลังเช่นนั้นอีกแล้ว

เบี้ยหวัดขุนนางไม่มาก แม้แต่บางคนที่ตำแหน่งขุนนางสูงกว่าเขา หากไม่มีวงศ์ตระกูลคอยหนุน แม้คิดเป็นขุนนางมือสะอาด วันใดที่ครอบครัวเกิดเรื่องต้องใช้เงินทองก้อนโต เกรงว่าก็คงต้องหยิบยืมมารับมือแทน

ต้วนอวิ๋นเฉินไม่เชื่อคำพูดนี้ ออกจากเรือนรองเจ้ากรมต้วนมาก็ตรงไปหาต้วนอวิ๋นหวา

ต้วนอวิ๋นหวากำลังชื่นชมกำไลหยกเขียวมรกตคู่หนึ่งอยู่ นี่คือหนึ่งในของที่จวนกู้ชางป๋อนำมาในวันเจรจาหมั้นหมาย

แม้จวนรองเจ้ากรมมีชีวิตระดับดี ต้วนอวิ๋นหวาก็มีเสื้อผ้าเครื่องประดับชั้นดีมาแต่เล็ก แต่กำไลที่งามเลิศน้ำดีเช่นนี้ นางยิ่งดูก็ยิ่งชอบ

หมั้นหมายแล้ว นางก็นับว่าเป็นคนจวนกู้ชางป๋อแล้ว

“พี่ใหญ่เหตุใดกลับมายามนี้เจ้าคะ” พอเห็นต้วนอวิ๋นเฉิน ต้วนอวิ๋นหวาก็ตกใจ

“น้องหวา เรื่องหมั้นหมายเรื่องใหญ่เช่นนี้ ครั้งก่อนที่พี่กลับบ้าน เหตุใดน้องไม่เอ่ยถึง”

ในชีวิตต้วนอวิ๋นเฉิน สองบ้านรวมกันมีพี่น้องชายหญิงหกคน มีเพียงต้วนอวิ๋นหวาที่ร่วมอุทรมารดาเดียวกับเขา ย่อมคุยกับต้วนอวิ๋นเฉินตรงไปตรงมาได้

กระบวนการเจรจาหมั้นหมายจนถึงการมอบของหมั้นหมายอย่างเป็นทางการไม่ใช่เรื่องที่จะแล้วเสร็จได้ในวันสองวัน แต่วันที่ยี่สิบที่เขาได้หยุดกลับบ้านก็ไม่เห็นน้องสาวเอ่ยถึง ทำให้ต้วนอวิ๋นเฉินรู้สึกอัดอั้นตันใจอยู่ไม่น้อย

ต้วนอวิ๋นหวาก้มหน้าลงเล็กน้อย สองแก้มเริ่มแดง “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ล้วนผู้ใหญ่จัดการ ราบรื่นหรือไม่ข้าเองก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยกับพี่ใหญ่…”

ต้วนอวิ๋นเฉินขมวดคิ้ว “น้องหวาคิดอย่างไรกับการแต่งงานครั้งนี้ หากไม่ยินยอม พี่ใหญ่จะคิดหาวิธี…”

ต้วนอวิ๋นหวาผงะเงยหน้าขึ้นทันที หลุดปากออกไป “อย่านะเจ้าคะ!”

สบแววตาอึ้งตกใจของต้วนอวิ๋นเฉิน ต้วนอวิ๋นหวาก็เม้มปาก “ตกลงหมั้นหมายแล้ว ข้าไม่อยากแบกรับชื่อเสียงถูกถอนหมั้น พี่ใหญ่อย่าได้กังวลเรื่องของข้าเลย”

สายตาต้วนอวิ๋นเฉินมองไปที่กำไลข้อมือต้วนอวิ๋นหวา

“พี่ใหญ่?”

พอต้วนอวิ๋นเฉินตั้งสติได้ก็พยักหน้าเล็กน้อย “พี่รู้แล้ว เช่นนั้นน้องหวาก็พักผ่อนเถอะ”

เดินออกจากที่พักต้วนอวิ๋นหวา ต้วนอวิ๋นเฉินก็สูดอากาศเย็นเยียบเข้าไปในปอดเต็มที่ ก่อนจะพ่นออกมา

พอเข้าสู่เดือนสิบเอ็ด อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว

ในใจต้วนอวิ๋นเฉินกลับเย็นเยียบยิ่งกว่าอากาศด้านนอก

ดูลักษณะและความสูงค่าของกำไลคู่นั้นแล้ว เห็นชัดว่าไม่ใช่ของที่น้องสาวเขาสวมใส่ยามปกติ เช่นนั้นก็ย่อมเป็นของหมั้นหมาย

ยังมีอารมณ์มาชื่นชมของหมั้นหมาย เขาเลอะเลือนอย่างไรก็พอจะเข้าใจท่าทีน้องสาวเขาต่อการแต่งงานนี้แล้ว

ต้วนอวิ๋นเฉินพลันรู้สึกหนาวยะเยือกจับใจ ข้าวไม่ทันได้กินก็ออกจากจวนรองเจ้ากรม ตอนขามาใจร้อนจนต้องจ้างรถม้า ตอนขากลับค่อยๆ เดินกลับ

ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ท้องถนนจุดโคมไฟสว่าง หลายคนรีบเร่งเดินทาง ไม่อยากอยู่ท่ามกลางความหนาวนานนัก

ต้วนอวิ๋นเฉินไม่ใช่คนกำลังกายดี ยังเดินไม่ถึงสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็หนาวเหน็บจนแก้มแข็งดุจน้ำแข็ง ขาเริ่มหนักอึ้ง

เห็นแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากร้านหนังสือชิงซง เขาก็ชะงักฝีเท้า เดินเข้าไปราวกับภูติผีนำพา

ร้านหนังสือใกล้ได้เวลาปิดร้านแล้ว มีลูกค้าประปราย บ้างก็ซื้อหนังสือ บ้างก็ซื้อเครื่องเขียน มองคนที่เดินเข้ามาทีหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจอีก

หลิวโจวเห็นต้วนอวิ๋นเฉินก็ค้อนใส่เล็กน้อย

นี่มิใช่คุณชายใหญ่จวนรองเจ้ากรมหรือ เขายังจำได้ว่าคนผู้นี้เคยหน้าตาบึ้งตึงมาหาเรื่องเจ้าของร้าน

คนงานกำลังลังเลว่าจะเข้าไปต้อนรับดีหรือว่าแสร้งทำไม่เห็นดี ก็เห็นคนที่เข้ามาหันหลังเดินออกไป

สติไม่ดี!

หลิวโจวค้อนปะหลับปะเหลือกใส่ วันต่อมาพอซินโย่วมา ก็เล่าเรื่องต้วนอวิ๋นเฉินให้นางฟัง

ซินโย่วนึกถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับจวนรองเจ้ากรมระยะนี้ คาดเดาว่าต้วนอวิ๋นเฉินอาจจะอารมณ์ไม่ดี แต่มิใช่เรื่องที่นางต้องใส่ใจ

ซินโย่วอยู่ร้านหนังสือได้ครู่หนึ่งก็กลับเรือนตะวันออก ตอนอยู่ในห้องคนเดียว ก็นำของที่ต้องใช้ในวันนั้นออกมาตรวจอีกรอบ

รู้ที่พักของฉางเหลียงแล้ว ระยะนี้นางได้เก็บข้อมูลของฉางเหลียงมาไม่น้อย คืนนี้หากราบรื่นทุกอย่าง บางทีก็อาจแน่ใจได้ว่าคนจวนกู้ชางป๋อที่ไม่ลงบันทึกจุดหมายตอนลงใต้ไปพวกนั้นเกี่ยวข้องกับการตายของมารดานางหรือไม่

วันนี้ฉางเหลียงอยู่กะกลางวัน เปลี่ยนกะแล้วเดิมคิดจะไปกินอาหารมื้อใหญ่แต่รสชาติธรรมดาในจวนกู้ชางป๋อให้อิ่มหนำสักมื้อค่อยกลับบ้าน แต่กลับถูกคนสองคนมาลากเขาไปดื่มสุรา

ฉางเหลียงมีเงินทองใช้จ่ายคล่องมือ ย่อมตอบรับอย่างไม่ลังเล

[1] รอบการสอบในระดับมณฑลหรือเซี่ยงซื่อจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจึงเรียกว่า การสอบในฤดูใบไม้ร่วง ส่วนการสอบระดับเมืองหลวงหรือหุ้ยซื่อ จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจึงเรียกว่าการสอบในฤดูใบไม้ผลิ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท