สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 152 เจ้าเป็นใคร

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 152 เจ้าเป็นใคร

เสียงดังขึ้นพร้อมกับประตูถูกพังออก

ที่หลบของซินโย่วมองไม่เห็นภาพด้านนอก อาศัยเพียงเสียงคาดเดาว่ามีคนเดินเข้ามาเท่าไร

คนเหล่านั้นพุ่งเข้าไปที่เรือนกลางก่อน ยกโคมไฟส่องดูห้องตะวันตกและตะวันออกรวมทั้งโถงกลางรอบหนึ่ง

เสียงคุ้นเคยดังขึ้น “น่าจะไม่อยู่ที่นี่ ไปกันเถอะ”

แววตาซินโย่วสว่างวาบ

เป็นใต้เท้าเฮ่อ

พอรู้ว่าเป็นเฮ่อชิงเซียวนำกำลังมา ความตึงเครียดในใจซินโย่วก็ผ่อนลงอย่างน่าประหลาด

ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขาล้วนไม่ค่อยราบรื่น ชินเสียแล้ว

ได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ ไกลออกไป ซินโย่วผ่อนคลายลง ฝ่ามือที่กำแน่นเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ

ประตูบ้านถูกพังออก ซินโย่วไม่มีความคิดจะนอนสักตื่นแล้ว ทนความหิวและความหนาวรออีกหนึ่งชั่วยาม จึงได้เดินออกจากที่ซ่อน ค่อยๆ เดินย่องออกไป

ประตูใหญ่เปิดกว้าง ไม่ต้องปีนกำแพง ซินโย่วกระชับเสื้อคุลม เดินไปท่ามกลางค่ำคืนมืดมิด

ส่วนประตูบ้าน เพื่อป้องกันคนพบเห็นเรื่องนี้ จึงปล่อยแบบเดิมไปก่อน รอให้ฟ้าสางค่อยส่งคนมาใส่กุญแจ

ค่ำคืนดึกดื่นแล้ว ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก่อนหน้านี้ได้สงบลงแล้ว รอบด้านเงียบเชียบไร้สำเนียง

ซินโย่วเดินไปสองก้าวพลันรู้สึกผิดปกติ มือกุมมีดสั้นยื่นออกจากเสื้อคลุม แทงใส่คนที่เข้ามาใกล้

หลังได้ประมือกันช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นข้างใบหูเบาๆ “ข้าเอง”

ซินโย่วชะงักงัน มองไปทางคนที่เข้ามาใกล้นาง

ท่ามกลางความมืด นางมองเห็นใบหน้าคนผู้นี้ไม่ชัด น้ำเสียงคุ้นเคยอย่างยิ่ง

“ใต้เท้าเฮ่อ?”

“ตามข้ามา”

ข้อมือเย็นเยียบดุจน้ำแข็งถูกมือใหญ่มือหนึ่งกุมไว้ ไม่นานซินโย่วก็พบว่าสถานที่เฮ่อชิงเซียวพานางไปก็คือบ้านที่นางเพิ่งเดินออกมา

เสียงปิดประตูดัง มือหนึ่งของซินโย่วกดลงไปบนข้อมือที่ถูกเขากุมมาเมื่อครู่ มองเขาเดินไปลงกลอนเงียบๆ ก่อนจะเดินมาทางนาง

ดึกมากแล้ว แม้ใกล้เพียงคืบ ใบหน้าเขาก็ยังคงเลือนราง

ขนตาซินโย่วกะพริบไหว เอ่ยขึ้นเบาๆ “ใต้เท้าเฮ่อเข้ามาคุยข้างในเถอะ”

ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ นางก็เดินเข้าไปในห้อง อาศัยความคุ้นเคยในการจัดวางของในห้องควานหาไฟมาจุด

ไฟตะเกียงส่องสว่างในห้องไม่ใหญ่นัก ใบหน้าคนผู้นั้นในที่สุดก็กระจ่างชัดขึ้น

เขาสวมชุดสีดำทั้งตัว แขนเสื้อสอบมีลวดลายสีแดงเข้ม แลดูปราดเปรียวเจือกระแสเย็นเยียบ

ซินโย่วคลุมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าขาวเนียนซ่อนอยู่ภายใต้หมวกเสื้อคลุมกำลังฉายแววสงสัยอย่างมาก

อย่าว่าแต่ความมืดด้านนอก แม้แต่ใต้แสงจันทราและดารา นางแต่งกายเช่นนี้ไม่ควรมีคนจำได้ในแวบแรกที่ได้เห็น

แต่เฮ่อชิงเซียวมองดูสาวน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ในเสื้อคลุมดำดังสีหมึก กลับรู้สึกมั่นใจอย่างมาก

ตอนนางปรากฏตัวขึ้น เขาก็แน่ใจว่าเป็นนาง และยามนี้ได้เห็นใบหน้ากระจ่างของนาง จึงได้รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง

ซินโย่วดึงหมวกคลุมลง เอ่ยขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าเฮ่อสะกดรอยตามข้าหรือเจ้าคะ”

ในใจนางรู้กระจ่างดีว่า นางโชคร้ายมาเจอเขาเข้าพอดี ถามเช่นนี้เพื่อทำให้การคาดเดานี้ได้รับความกระจ่าง

ดังคาด เฮ่อชิงเซียวส่ายหน้าเล็กน้อย “คุณหนูโค่วเข้าใจผิดแล้ว คืนนี้เป็นการปฏิบัติงาน”

ขณะที่เขากล่าว แววตากระจ่างใสก็จ้องมองไม่กะพริบ

ซินโย่วรู้สึกว่าความลับนางถูกมองทะลุอย่างน่าประหลาด อดกำมือแน่นไม่ได้ ถามความขัดข้องในใจ “ใต้เท้าเฮ่อรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า”

พอถามออกไปเช่นนี้ ทำให้สถานการณ์นิ่งเงียบไปชั่วขณะ

เสียงลมพัดด้านนอกพัดหวีดหวิว เฮ่อชิงเซียวเอ่ยขึ้นว่า “ตอนเข้ามาตรวจสอบเมื่อครู่ ได้เห็นกระจกแต่งหน้าในห้อง ข้าพลันรู้สึกว่าอาจเป็นสถานที่พักชั่วคราวของคุณหนูโค่ว”

เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็หยุดไป เอ่ยตามตรงว่า “คงเป็นจิตใต้สำนึกกระมัง”

อาจเพราะวันนั้นสังเกตเห็นติ่งหูคุณหนูโค่วว่างเปล่า และบางทีก็อาจเพราะ ‘เด็กหนุ่ม’ ที่เมื่อก่อนลงมือเหี้ยมโหดคิดปลิดชีพเขา ตอนเขาเห็นการตกแต่งในห้องอย่างเรียบง่าย ไม่มีสิ่งใดนอกจากโต๊ะเครื่องแป้ง ก็พลันคาดเดาเช่นนี้ขึ้นมาทันที

พอคาดเดาเช่นนี้ เขาจึงไม่ได้ปล่อยให้ลูกน้องค้นต่อ และไม่ได้จากไป

ความจริงได้พิสูจน์แล้ว จิตใต้สำนึกเขาถูกต้อง

“จิตใต้สำนึก?” ซินโย่วพึมพำย้ำคำเดิมอีกครั้ง ในใจรู้สึกสับสนอย่างมาก

เดิมเขาก็สังเกตเห็นนางเข้าใกล้จวนกู้ชางป๋อ คืนนี้บังเอิญพบนางแต่งกายเช่นนี้ เกรงว่าจะยิ่งสงสัยขึ้นมาแล้ว

เลือกวันปฏิบัติการผิดจริงๆ

ซินโย่วถอนหายใจในใจ พลันไม่อยากเอ่ยอันใด

จากนี้ไป เกรงว่ายากจะหลบเลี่ยงการสอบปากคำจากเขาแล้ว

“คุณหนูโค่วดึกดื่นเช่นนี้แล้วไปไหนมาหรือ”

ซินโย่วเม้มริมฝีปาก ถามกลับขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “นี่อยู่ในขอบเขตการปฏิบัติงานของใต้เท้าเฮ่อด้วยหรือเจ้าคะ”

เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบอีกครั้ง

ครั้งนี้เขานิ่งเงียบไปนานสักหน่อย นานจนซินโย่วยืนจนขาชา กระชับเสื้อคลุมแน่นก็ยังไม่อาจทานลมหนาวเสียดลึกถึงกระดูก

ในที่สุดเสียงชายหนุ่มก็เข้มขึ้นเล็กน้อย “เดิมไม่ใช่”

ซินโย่วสะดุ้งในใจ เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี

คำพูดของเขาหมายความว่าอย่างไร

ขณะที่กำลังระแวง ก็เห็นเฮ่อชิงเซียวก้าวเข้ามาก้าวหนึ่ง

ซินโย่วผงะถอยหลังครึ่งก้าว แน่ใจว่าการได้พบใต้เท้าเฮ่อในคืนนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ

นางขยับริมฝีปาก คิดเอ่ยว่าดึกแล้ว มีอันใดไว้คุยกันพรุ่งนี้

ร้านหนังสือเป็นสถานที่คุ้นเคยและสบายใจของนาง ไม่เหมือนกับห้องที่ไร้กลิ่นอายการดำรงชีวิตเช่นนี้ เหมือนถูกกดดันอยู่ฝ่ายเดียว

นางไม่สงสัยในศีลธรรมของเขา แต่จิตใต้สำนึกรู้สึกได้ถึงอันตราย

นางมีลางสังหรณ์ในใจว่าคำพูดของอีกฝ่ายที่จะกล่าวออกมาจะทำให้นางยากรับมือ

เขาตรวจสอบพบเรื่องใด รู้เรื่องใดมา

ท่ามกลางแสงตะเกียงสลัว แววตาสาวน้อยเย็นเยียบสุกสกาว เฮ่อชิงเซียวเห็นแววตาต่อต้านได้อย่างชัดเจน

แต่ครั้งนี้ เขากลับไม่อาจทำเป็นไม่รู้ได้อีก

มีบางคำ เขาจำเป็นต้องถาม

“คุณหนูโค่ว”

เสียงชายหนุ่มดังขึ้น ไม่รู้เพราะคนละสภาพการณ์หรืออย่างไร ได้ยินแล้วคล้ายว่าแตกต่างจากเดิม

ซินโย่วตั้งสติ เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ใต้เท้าเฮ่อมีคำพูดใด เชิญเอ่ย”

นางใช่ว่าไม่เคยผ่านเหตุการณ์น่ากลัวใดๆ มาก่อน ยังจะกลัวเขาหรือ

ความเฝื่อนขมล้นทะลักขึ้นมาในหัวใจ

ที่นางกลัว ความจริงไม่ใช่เขา แต่เป็นเพราะหากสภาวะสงบนิ่งภายนอกถูกกระชากออก นางและเขาจะกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามอย่างแท้จริง

ดังคาด อาการจิตใจหวั่นไหวของนางเป็นเรื่องไม่ฉลาดอย่างยิ่ง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

“คุณหนูโค่ว” เฮ่อชิงเซียวเรียกอีกครั้ง

ซินโย่วหลุบตาลง น้ำเสียงยิ่งนิ่งเรียบ “ข้าฟังอยู่”

หลังจากนิ่งเงียบไประยะหนึ่ง เฮ่อชิงเซียวยังคงถามออกมา “เจ้าคือใคร”

เจ้าคือใคร

คำถามสั้นๆ เพียงหนึ่งคำถาม คล้ายดังสาดน้ำแข็งใส่นางกะละมังหนึ่ง ทำให้ซินโย่วตัวแข็งทื่อ

ในใจนางตกต่ำลงสุดขีด ตกลงสู่ก้นธารน้ำแข็งลึกสุด

เฮ่อชิงเซียวรู้สถานะนางแล้ว

นี่คือปฏิกิริยาแรกของซินโย่ว

ไม่ เห็นชัดว่านางในสายตาผู้คนก็คือโค่วชิงชิง แม้แต่คนในจวนรองเจ้ากรมไม่เคยนึกสงสัยโค่วชิงชิงว่าไม่ใช่คนเดิม เฮ่อชิงเซียวรู้ได้อย่างไร

เขากำลังหลอกถามนาง?

ซินโย่วกัดลิ้น บังคับให้จิตใจตนเองสงบลง

“ใต้เท้าเฮ่อ เหตุใดถามคำถามประหลาดเช่นนี้”

“ประหลาด?”

พอซินโย่วยิ้ม ใบหน้าเย็นเยียบและชาอยู่พลันมีกระแสไหลเวียนขึ้นมาท่ามกลางความกดดัน “ไม่ประหลาดหรือ ใต้เท้าเฮ่อก็มิใช่รู้จักข้าวันแรก ข้าก็คือเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซง โค่วชิงชิง คุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรม”

เฮ่อชิงเซียวมองสาวน้อยยิ้มละไมตรงหน้าพลางส่ายหน้า

ซินโย่วร้อนใจขึ้นมา สีหน้าไม่เข้าใจอยู่ไม่น้อย

เฮ่อชิงเซียวยื่นมือออกไป ชะงักอยู่บริเวณข้างแก้มนาง ไม่ได้แตะต้องโดนผิวเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ก่อนจะปล่อยมือลง

“เจ้าไม่ใช่โค่วชิงชิง”

ซินโย่วได้ยินเขาเอ่ยขึ้นเบาๆ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท