สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 153 ข้าคือใคร

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 153 ข้าคือใคร

น้ำเสียงเขาเบามาก แต่กลับไม่มีความลังเลแม้แต่นิด

ซินโย่วยังคงสบตาเขาด้วยแววตาเย็นเยียบ

สายตาเขาสงบนิ่งไร้คลื่นลม ทำให้มิอาจคาดเดาความคิด

ซินโย่วดิ้นรนในใจอยู่ครู่หนึ่งก็นิ่งสงบลง “เหตุใดใต้เท้าเฮ่อกล่าวเช่นนี้ ข้ามิใช่โค่วชิงชิงแล้วจะเป็นผู้ใด”

เฮ่อชิงเซียวมองดูหญิงสาวที่สีหน้าภายนอกสงบนิ่ง แต่แม้แต่เส้นผมยังบ่งบอกถึงอาการต่อต้านกระจ่างชัด แววตาก็อ่อนลง คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้ซินโย่วราวกับตกลงสู่ธารน้ำแข็ง

“เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับฮองเฮาซิน?”

แสงเทียบวูบไหว ส่องใบหน้าซีดขาวของสาวน้อยให้กลายเป็นสีเหลืองทาบทับชั้นหนึ่ง

ปลายนิ้วซินโย่วสั่นเทา คิดจะออกแรงกำไว้ แต่กลับชาไร้ความรู้สึกเพราะความหนาวมากเกินไป

นางไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้มามากเพียงใด ระหว่างปากแข็งถึงตายก็ไม่ยอมรับกับกล่าวออกมาแบบเปิดเผย อันใดจะดีกว่า

แต่นางจำต้องยอมรับว่า ตอนนางได้สมาคมกับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เข้ามาอยู่ในสายตาเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินท่านนี้ เขาก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นหินก้อนใหญ่ที่ขวางเส้นทางแก้แค้นของนางแล้ว

ตั้งแต่ได้พบกันก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องยุ่งยาก

เฮ่อชิงเซียวรู้ดีว่าการทำความจริงในวันนี้ให้กระจ่าง จะต้องเผชิญกับการต่อต้านเย็นชาจากนาง ยามนี้สายตายังคงทิ่มแทงใจเขา

งานที่เขาทำ ต้องพบกับสายตาอาฆาตแค้นรังเกียจมานับไม่ถ้วน เขาเห็นจนชินชาและมองข้ามไปนานแล้ว แต่กับนางแล้วกลับแตกต่างกัน

แต่เขาจำต้องเอ่ยต่อ

“หว่านหยาง…คือที่พำนักซ่อนตัวของฮองเฮาซินหรือ”

ในใจซินโย่วสะดุ้ง แต่กลับมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก

เฮ่อชิงเซียวเอาแต่พูดต่อไม่หยุด “เดิมเพราะคุณหนูโค่วใส่ใจเรื่องหว่านหยางเป็นพิเศษ ข้าเดาว่าบางทีการตายของบิดาคุณหนูโค่วอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ ส่งคนลงใต้ไปตรวจสอบ ต่อมาพบว่าครอบครัวโจวทงที่คุณหนูโค่วเข้าตีสนิทก็มาจากหว่านหยาง…”

ซินโย่วนิ่งฟังเฮ่อชิงเซียว รู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้องนัก

ยามนี้ผู้ใดเอ่ยขึ้นก่อน ผู้ใดพูดมากกว่า ก็เท่ากับเปิดไพ่ใบสุดท้ายให้อีกฝ่ายได้เห็น

เป็นไปไม่ได้ที่เฮ่อชิงเซียวจะไม่รู้หลักการนี้

เหตุใดเขาทำเช่นนี้อีก

นางเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าเขา

เฮ่อชิงเซียวแววตาวูบไหวเล็กน้อย เอ่ยต่อว่า “คุณหนูโค่วสนใจจวนกู้ชางป๋อเป็นพิเศษ และโจวทงเองก็เคยไปจวนกู้ชางป๋อ โจวทงอยู่หว่านหยางมาหลายปี ตำแหน่งต่ำต้อย เดิมไม่ควรมีเรื่องติดต่อกับจวนกู้ชางป๋อคุณหนูโค่วเป็นเด็กกำพร้าที่พักอาศัยอยู่บ้านยาย ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะข้องเกี่ยวกับจวนกู้ชางป๋อ”

“มีอีกไหม” ซินโย่วถาม

ถึงตอนนี้ นางไม่คาดเดาเปะปะอีกแล้ว ปล่อยให้อีกฝ่ายเปิดโปงออกมาให้หมด

“อีกอย่าง…” เฮ่อชิงเซียวมองนาง “จวนกู้ชางป๋อมีคนไปหว่านหยางตอนต้นฤดูร้อนจริง”

ซินโย่วได้ยินสีหน้าก็มิได้แปรเปลี่ยน นิ่งฟังเขาพูดต่อไป

“ทุกอย่างนำมาประกอบกัน ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ เช่นนั้นหว่านหยางมีอันใด” เฮ่อชิงเซียวหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อว่า “คนที่ข้าส่งลงใต้สืบอยู่นานเพียงนี้ สืบไม่พบเรื่องของบิดาคุณหนูโค่ว แต่กลับพบโศกนาฏกรรมหนึ่งโดยบังเอิญ”

ซินโย่วแววตาหดเกร็ง ปลายนิ้วจิกแน่น

“จากคำบอกเล่าของคนในหมู่บ้านละแวกนั้น มีคนจำนวนหนึ่งพักอาศัยอยู่ในหุบเขา ออกมาภายนอกบ้างบางครั้ง ในบรรดาคนเหล่านี้เป็นผู้หญิงอยู่มาก รู้วิชาแพทย์ เคยช่วยเหลือคนไม่น้อย และตอนมีคนเข้าไปในหุบเขาเพื่อขอให้รักษา กลับหาร่องรอยพวกนางไม่พบ…” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยถึงเรื่องที่สืบมาได้ “ดูจากเวลาที่คนเหล่านั้นปรากฏตัวและพฤติกรรมต่างๆ คล้ายว่าเป็นฮองเฮาซินที่หายสาบสูญไปหลายปีแล้ว”

ซินโย่วหลุบตาลงเล็กน้อย

ที่แท้ ยังมีคนจำเรื่องราวความดีของมารดานางได้

เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้เวลาเปิดโปงความจริงแล้ว “คุณหนูโค่วเข้ามาเมืองหลวงตอนอายุสิบสอง ไม่ค่อยได้ก้าวออกจากจวนรองเจ้ากรม ตอนใช้ชีวิตอยู่นอกเมืองหลวง ก็เป็นเพียงคุณหนูดำรงธรรมเนียมตามปกติ แต่คุณหนูโค่วตรงหน้าข้ามีฝีมือการต่อสู้เหนือสามัญ ชำนาญการแปลงโฉม ถึงกับรู้วิชานรลักษณ์ ความไร้เหตุผลทั้งหมดนี้ แม้คำตอบจะอัศจรรย์ไม่น่าเชื่อก็ได้แต่ต้องยอมรับ คุณหนูโค่วตรงหน้าข้ามิใช่โค่วชิงชิง แต่เป็นไปได้มากว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมในหุบเขา”

ซินโย่วหลุบตาลง เข้าใจแล้ว

ยามนี้เฮ่อชิงเซียวมิได้พบหลักฐานว่าที่ฝังอยู่ในหุบเขาเป็นมารดานาง แค่คาดเดาว่านางคือผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรม

นางฝังมารดานางและคนอื่นด้วยมือตนเอง คิดหาหลักฐานพิสูจน์ว่าเป็นมารดานางก็ยากยิ่ง

และตอนผลการสืบความจริงชี้ไปที่ข้อสรุปหนึ่ง แม้ไร้หลักฐาน ก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดเขาได้

เรื่องที่ซินโย่วไม่เข้าใจก็คือ ไม่มีหลักฐานแน่ชัด เขาพูดถึงสาเหตุต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เขาตกเป็นผู้ตั้งรับแทนอย่างไม่ต้องสงสัย

ซินโย่วมองคนตรงหน้า แววตาเขาอ่อนโยนและใสสะอาด ในใจซินโย่ววูบไหว

บางที…นางเองก็คงมิต้องปิดบังจนถึงที่สุด

เฮ่อชิงเซียวเป็นเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน สืบเรื่องพวกนี้ย่อมนำไปรายงานต่อฮ่องเต้ เขามาเอ่ยเรื่องพวกนี้กับนางเอง ก็ถือว่าได้แสดงท่าทีตนเองแล้ว

แสดงท่าทีเอนเอียงมาทางนาง

ซินโย่วตัดสินใจทันที

นางต้องพนันสักตั้ง

บนโลกนี้ไม่มีแผนการสมบูรณ์แบบ บางแผนการก็ต้องเลือกตัดสินใจจากการพิจารณาสถานการณ์และประเมินการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์

“ดูท่าไม่อาจปิดบังใต้เท้าเฮ่อได้แล้ว ข้าคือผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมในหุบเขาจริง”

การยอมรับของซินโย่วทำให้แววตาเฮ่อชิงเซียวไหวหวั่นดังมีคลื่นลมโหม พลันมีคำถามมากมายคิดถามนาง

ซินโย่วตรงไปตรงมาอย่างมาก “ใต้เท้าเฮ่อมีอันใดคิดจะถามก็ถามมาได้เลยเจ้าค่ะ”

“คุณหนู ควรเรียกขานอย่างไร”

คำถามนี้ทำให้ซินโย่วจ้องมองเขาลุ่มลึก “ชื่อเล่นข้าคือ อาโย่ว”

อาโย่ว…เฮ่อชิงเซียวรู้สึกอึดอัดขึ้นมาไม่น้อย

การเรียกขานเช่นนี้สนิทสนมเกินไปแล้ว…

สาวน้อยตรงหน้าเห็นชัดว่าไม่ได้คิดเปิดเผยชื่อเต็มทั้งหมด

เฮ่อชิงเซียวไม่เคยรู้สึกลำบากใจเช่นนี้มาก่อน คิดแล้วคิดอีก ก่อนจะลองหยั่งเชิงถามว่า “เช่นนั้นวันหน้าข้าก็เรียกท่านว่าคุณหนูโย่ว?”

คุณหนูโย่ว?

ซินโย่วมุมปากขยับ

ยังดีที่ตอนนั้นมารดานางไม่ได้ตั้งชื่อแปลกประหลาดกว่านี้ให้นาง

“ใต้เท้าเฮ่อเรียกข้าว่าคุณหนูโค่วเหมือนเดิมดีกว่าเจ้าค่ะ อย่างน้อยก็เป็นสถานะข้าในตอนนี้”

เฮ่อชิงเซียวถอนหายใจโล่งอก ถามขึ้นอีกว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในหุบเขา คือฮองเฮาซินหรือ”

ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย

การคาดเดาได้รับการรับรองว่าเป็นเรื่องจริง เฮ่อชิงเซียวไม่รู้สึกดีใจแม้สักนิด

เขากำพร้ามาแต่เล็ก แม้จวนโหวมีข้ารับใช้มากมาย แต่คนที่เข้าให้ความสนิทสนมเพียงหนึ่งเดียว ก็คือน้ากุ้ย

น้ากุ้ยเป็นคนที่ตอนนั้นฮองเฮาซินสงสารเห็นว่าเขาโดดเดี่ยวตัวคนเดียว จึงส่งมาดูแลเขาเป็นพิเศษ

เขาได้ฟังน้ากุ้ยเล่าเรื่องราวของฮองเฮาซินมากมาย ในใจส่วนลึกให้ความเคารพฮองเฮาซินดังญาติผู้ใหญ่ของตนเอง

และเพราะเช่นนี้ ตอนที่เขาสืบพบโศกนาฏกรรมในหุบเขา และพบว่าอาจเป็นฮองเฮาซินที่เร้นกายปิดบังสถานะ เขาก็ไม่คิดรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ แต่มาคุยกับคุณหนูโค่วก่อน

แม้คืนนี้ไม่บังเอิญเกิดเรื่องนี้ พรุ่งนี้เขาก็เตรียมจะไปหานาง

ปฏิกิริยาเฮ่อชิงเซียวทำให้ซินโย่วนิ่งอึ้งไป

ใต้เท้าเฮ่อเสียใจกับการตายของท่านแม่หรือ

การค้นพบนี้ทำให้ใจที่เย็นเยียบของนางอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง นางคล้ายพนันถูกข้างแล้ว

“เช่นนั้นเจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับฮองเฮาซิน”

ซินโย่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ “มารดาข้าก็คือนางกำนัลของฮองเฮาซิน ฮองเฮาซินดูแลข้าดังบุตรสาวมาตลอด ข้าโชคดีพ้นภัยนี้มาได้ เข้ามาเมืองหลวงก็เพื่อคิดจะหาตัวฆาตกรสังหารฮองเฮาซินกับมารดาข้า”

เฮ่อชิงเซียวมองตานาง ถามคำถามสำคัญที่สุด “ตอนฮองเฮาซินไปจากวังหลวงทรงตั้งครรภ์ ให้กำเนิดพระโอรสใช่หรือไม่”

คนที่จวนกู้ชางป๋อส่งไปถึงตอนนี้ยังไม่กลับเมืองหลวง คล้ายว่ากำลังตามหาผู้ใดอยู่

คนของเขารู้โดยบังเอิญ บรรดาคนที่อยู่หุบเขานั้นมีหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง นับดูอายุแล้วสอดคล้องกัน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท