ตอนที่ 154 การพบกันครั้งแรกที่งดงาม
แพขนตาซินโย่วกระเพื่อมไหว พยักหน้าเอ่ยว่า “ใช่ น้าซินให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง พวกเราเติบโตมาด้วยกัน”
เห็นสายตาตกใจของเฮ่อชิงเซียว นางก็กระตุกมุมปาก “ใต้เท้าเฮ่อคงไม่คิดว่าข้าเรียกน้าซินว่าฮองเฮากระมัง มารดาข้าแม้เป็นสาวใช้น้าซิน น้าซินกลับไม่ได้วางตนสูงส่ง ข้าโตมาจึงพึ่งรู้สถานะแท้จริงของน้าซิน”
“องค์ชายท่านนั้น…”
ซินโย่วตัดบทเฮ่อชิงเซียว “ใต้เท้าเฮ่อเรียกเขาว่าคุณชายซินก็พอ น้าซินสละทิ้งตำแหน่งฮองเฮาไปแล้ว คุณชายซินรู้ชาติกำเนิดก็ไม่นึกเสียดายตำแหน่งองค์ชายอันใด”
เฮ่อชิงเซียวยอมคล้อยตาม เปลี่ยนคำเรียกขานว่า “ตอนเกิดเรื่อง คุณชายซินอยู่ในหุบเขาไหม”
“ไม่อยู่ คุณชายซินไปข้างนอกพอดี”
“แล้วเจ้า…”
เฮ่อชิงเซียวคิดถาม คุณชายซินรอดมาได้เพราะไม่อยู่ เจ้ารอดมาได้เพราะเหตุใด แต่เห็นสายตาเย็นเยียบของสาวน้อยคู่นั้นแล้ว ก็ได้แต่กลืนวาจากลับคืนไป
เดิมเรื่องที่เขาต้องการรู้ก็คือสถานะของผู้ประสบเหตุในหุบเขาว่าใช่องค์ชายหรือไม่ ส่วนเรื่องอื่นนั้นก็แค่เรื่องที่คนทั่วไปล้วนอยากรู้เท่านั้น
ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่า ต้องเป็นความเจ็บปวดที่สุดในใจนาง ไยเขาต้องบ่งบาดแผลของผู้อื่นกัน
“หลังเกิดเรื่อง เจ้าได้พบกับคุณชายซินไหม”
“ไม่เคยได้พบอีก ข้าเองก็ไม่อยากพบ หวังเพียงคุณชายซินจะมีชีวิตที่ดี อย่าได้เกิดเรื่องอันใด”
เอ่ยถึงตรงนี้ ซินโย่วมองชายตรงหน้าลุ่มลึก “คนของใต้เท้าเฮ่อกำลังหาตัวคุณชายซินหรือ”
เฮ่อชิงเซียวไม่คิดปิดบัง “ข้ามีคำสั่งให้ค้นหาตัวผู้รอดชีวิต”
จากพฤติกรรมของบรรดาคนจากจวนกู้ชางป๋อเหล่านั้น เขาคาดเดาว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นน่าจะโชคดีรอดไปได้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจรับรองได้
“หากหาตัวคุณชายซินพบ ใต้เท้าเฮ่อคิดจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”
เฮ่อชิงเซียวอดขมวดคิ้วไม่ได้ “คุณชายซินเป็นโอรสฮองเฮา เช่นนั้นเขาก็คือองค์ชายถือกำเนิดจากฮองเฮาผู้เป็นภรรยาเอกตามธรรมเนียมเพียงหนึ่งเดียวของราชวงศ์ต้าซย่า…”
“ดังนั้นใต้เท้าเฮ่อจะทูลรายงานฮ่องเต้หรือ”
“เมื่ออยู่ในตำแหน่ง ย่อมต้องทำตามหน้าที่”
“เช่นนั้นเหตุใดใต้เท้าเฮ่อยังไม่ทูลรายงานเรื่องที่สืบพบ”
“ไม่มีหลักฐานพิสูจน์สถานะผู้ประสบเหตุในหุบเขาได้ และไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเป็นจวนกู้ชางป๋อ เรื่องเกี่ยวพันถึงฮองเฮา พระสนมซูเฟยและชิ่งอ๋อง การไปกราบทูลโดยไม่สืบให้ดีนั้นไม่เหมาะสมไร้ขั้นตอน” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยตามตรง
อย่าได้เอ่ยว่า หากเขาส่งคนไปจับตาดูตระกูลฝ่ายมารดาของชิ่งอ๋องอย่างไร้เหตุผล ก็อาจถูกพระสนมซูเฟยเล่นงานคืนหนักเป็นแน่
แม้เขาเป็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ ชิ่งอ๋องกลับเป็นผู้สืบทอดที่ฮ่องเต้ทรงมองไว้ กอปรกับสถานะของเขาเป็นที่น่ากังขา หากไม่ทันระวังให้ดีก็อาจจะนำเปลวไฟมาเผาตนเองได้
“อีกอย่าง ข้าคิดอยากคุยกับคุณหนูโค่วก่อน อยากรู้ความคิดของคุณหนูโค่ว”
คำพูดสุดท้ายทำให้จิตใจที่ขมวดตึงของซินโย่วผ่อนคลายลง
“เมื่อครู่ใต้เท้าเฮ่อเอ่ยว่าไม่มีหลักฐานว่าจวนกู้ชางป๋อเป็นผู้ลงมือ ก็หมายความว่าความจริงใต้เท้าเฮ่อก็สงสัยพวกเขาใช่หรือไม่” ซินโย่วลองหยั่งเชิง
นางไม่แน่ใจว่าใต้เท้าเฮ่อจะเปิดเผยกับนางถึงขั้นใด
“คนจวนกู้ชางป๋อไปหว่านหยาง ปฏิบัติการอยู่ในขอบเขตที่มีหุบเขาเป็นศูนย์กลางมาตลอด”
“พวกเขากำลังหาตัวคุณชายซิน?” ซินโย่วหลุดถามออกมา
พวกที่ลงใต้ไปพร้อมกับฉางเหลียงยังไม่กลับมา กำลังควานหาตัวนางดังคาด
ดีที่นางไปไหนมาไหนข้างนอกล้วนแต่งกายเป็นชาย คนภายนอกที่รู้จักพวกท่านแม่ ก็คงคิดว่านางเป็นบุตรชายท่านแม่
หลังจากคนที่กู้ชางป๋อส่งมาลงมือแล้ว ผ่านไประยะหนึ่งจึงได้รู้ว่ามีการดำรงอยู่ของนาง ดังนั้นจึงอยู่ควานหาตัวนางต่อ และส่งฉางเหลียงกลับมารายงาน
การที่ซินโย่ววิเคราะห์เช่นนี้ก็เพราะตอนนางกลับถึงหุบเขาไม่มีคนซุ่มอยู่ นางจึงได้ฝังพวกมารดาได้อย่างราบรื่น
หากก่อนคนพวกนั้นลงมือแล้วรู้ว่ายังมีคุณชายซิน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำผิดพลาดเช่นนี้
“ใต้เท้าเฮ่อได้คุยกับข้าแล้ว จากนี้ไปคิดการอย่างไรต่อเจ้าคะ”
“คุณหนูโค่วมีแผนการอันใด”
เพราะเขาเปิดเผยก่อน ทำให้ซินโย่วเองก็เตรียมมอบความจริงใจให้เช่นกัน
ควรกล่าวว่า ถึงขั้นนี้แล้ว นางจำเป็นต้องให้เขาร่วมมือด้วย
“ใต้เท้าเฮ่อก็บอกว่าการรายงานตอนนี้ไม่เหมาะสมไร้ขั้นตอน อย่างไรคนเหล่านี้ก็เป็นคนสำคัญในพระทัยฝ่าบาท เช่นนั้นหากกลับกันเล่า”
“กลับกัน?”
ซินโย่วแอบถูนิ้วมือเย็นราวน้ำแข็งเบาๆ สะกดกระเพาะที่เริ่มปวดขึ้นมา เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หากฝ่าบาททรงคิดตรวจสอบเรื่องหว่านหยางเอง แล้วสั่งการใต้เท้าเฮ่อไปตรวจสอบ เช่นนั้นก็จะตรวจสอบได้ถูกจังหวะมีขั้นตอนใช่หรือไม่”
แววตาเฮ่อชิงเซียวตกใจ
ความหมายของคุณหนูโค่วก็คือมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ทรงสนพระทัยในเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง?
“หากเป็นเช่นนี้ ย่อมเหมาะสมเป็นขั้นเป็นตอน”
ถึงตอนนั้นแม้ยังไร้หลักฐานชัดเจน แต่เรื่องที่เขาสืบได้ในตอนนี้ก็ยังเป็นเบาะแสให้สืบต่อใหม่ มีเรื่องไปทูลต่อฮ่องเต้ได้
บางครั้งหลักฐานไม่สำคัญ แต่ฮ่องเต้จะทำอย่างไร ก็ต้องดูว่าฮองเฮากับชิ่งอ๋องในพระทัย ผู้ใดสำคัญกว่ากัน
“ข้ามีวิธี แต่ต้องการเวลาระยะหนึ่ง”
แม้ว่าคาดเดาเช่นนี้ แต่ได้ยินซินโย่วกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ เฮ่อชิงเซียวก็เลิกคิ้ว
ซินโย่วมองเขา แววตาใสกระจ่างเจือแววขอร้อง “ใต้เท้าเฮ่อ รออีกสักระยะได้หรือไม่เจ้าคะ”
“รอนานเท่าไร”
“ก่อนปีใหม่”
เฮ่อชิงเซียวอดกระตุกมุมปากไม่ได้
คล้ายว่านางชอบจัดการเรื่องราวทุกอย่างก่อนปีใหม่
และตอนนี้ก็เดือนสิบเอ็ดแล้ว เขาย่อมรอได้
“ตกลง”
ได้ยินเขารับปาก สีหน้าซินโย่วก็ผ่อนคลายลงมา “ใต้เท้าเฮ่อ ยังมีคำถามอีกหรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ยังมีอีก”
ซินโย่วรอให้เขาพูดต่อไป ในใจเริ่มคาดเดา ใต้เท้าเฮ่อคิดถามถึงคุณหนูโค่วตัวจริงกระมัง
ได้ยินเขาถามขึ้นดังคาดว่า “เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นโค่วชิงชิงได้ คุณหนูโค่วตัวจริง…ฝังอยู่ที่ใด”
ซินโย่วคาดเดาคำถามแรกได้แล้ว แต่รู้สึกแปลกใจกับคำถามที่สอง
ใต้เท้าเฮ่อคาดเดาว่าโค่วชิงชิงไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ก็มิได้แปลกใจ แต่เหตุใดเขารู้สึกว่านางรู้ว่ากระดูกโค่วชิงชิงฝังอยู่ที่ใด
ซินโย่วระงับความสงสัยลงก่อนจะตอบคำถามแรก “ไม่ใช่ว่าข้าอยากกลายเป็นโค่วชิงชิง แต่ตอนคนจวนรองเจ้ากรมมาเจอข้า ก็หาว่าข้าเป็นโค่วชิงชิงเอง”
สายตาอ่อนโยนของเขามองไปบนใบหน้านาง
ซินโย่วยกมือกุมแก้ม ยิ้มเอ่ยว่า “ยากจะเชื่อว่าเป็นความบังเอิญใช่หรือไม่ นี่คือใบหน้าข้าจริงๆ มิได้แปลงโฉมเป็นโค่วชิงชิง”
นางกับโค่วชิงชิงเหมือนกันอย่างน้อยแปดส่วน
ตอนนี้คิดดูแล้ว คนจวนรองเจ้ากรม น่าจะไม่ให้ความสนใจโค่วชิงชิงมากนัก ความเหมือนแปดส่วนก็มองเป็นสิบส่วนได้
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าไม่รู้ตัว
บังเอิญเกินไปจริงๆ เขาคิดว่านางแปลงโฉมเป็นโค่วชิงชิง เพราะคิดอาศัยสถานะนี้
ซินโย่วเองก็คิดถึงเรื่องนี้จึงถามขึ้นว่า“ใต้เท้าเฮ่อถามข้าว่าฝังกระดูกโค่วชิงชิงไว้ที่ใด เพราะคิดว่าข้าได้เห็นโค่วชิงชิงที่ตายไป จากนั้นก็แปลงโฉมให้เหมือนนางหรือเจ้าคะ?”
“คาดเดาเช่นนี้จริง”
ซินโย่วเม้มปากถามขึ้นว่า “ใต้เท้าเฮ่อคงมิได้สงสัยว่าข้าสังหารโค่วชิงชิงเพราะต้องการเข้ามาแทนที่นางกระมัง”
เฮ่อชิงเซียวรู้สึกขึ้นมาทันทีว่านางโมโหแล้ว
เขาหยุดไปครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า “ข้าไม่ได้สงสัยเช่นนั้น แต่ตอนข้าพบคุณหนูโค่วครั้งแรก ตอนเดินเข้าไปใกล้ได้กลิ่นศพ แสดงให้เห็นว่าคุณหนูโค่วใกล้ชิดศพที่ตายมาระยะหนึ่ง”
ซินโย่ว “…” เป็นการพบกันครั้งแรกที่งดงามจริง