สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 155 ร่วมทาง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 155 ร่วมทาง

ซินโย่วหวนนึกถึงภาพตอนพบกันครั้งแรกของนางกับเขา นางนั่งอยู่ในรถม้าไร้ม่านปิดวิ่งทะยานไปบนท้องถนน ตอนลงจากรถผมเผ้ากระเจิงกลิ่นศพโชย เดินเข้าไปหาเขา…

“หากเจ้าสังหารโค่วชิงชิงและถูกนำกลับจวนรองเจ้ากรม คงไม่จำเป็นต้องพาสาวใช้กลับไปที่หน้าผานั่นอีก…”

ตอนพวกเขาพบกันครั้งแรก นางก็พักอาศัยอยู่จวนรองเจ้ากรมมาได้ระยะหนึ่งแล้ว นี่คือความระแวงนึกสงสัยของเขาหลังจากระถางดอกไม้ร่วงใส่ จึงได้สั่งการลูกน้องไปตรวจสอบสถานการณ์ของนาง

เฮ่อชิงเซียวเห็นซินโย่วสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เอ่ยทีละคำว่า “ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ การได้สนทนากันหลายครั้ง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนเช่นนี้”

ตอนนั้นนางเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนสังหารฮองเฮาซิน ยังตั้งใจสอบถามครั้งแล้วครั้งเล่า กลัวจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ นับประสาอันใดกับสาวน้อยโค่วชิงชิงผู้น่าสงสารเช่นนั้น

ซินโย่วไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังปลอบใจนางแม้แต่น้อย

กลิ่นศพ กลิ่นศพ กลิ่นศพ…

“คุณหนูโค่ว…” เฮ่อชิงเซียวงุนงง

ยังโกรธอยู่หรือ

ซินโย่วย่อมไม่ปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในอารมณ์นี้นานนัก แต่การเปิดเผยความลับที่เก็บไว้ออกไปอย่างเปิดเผย นางจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับใต้เท้าเฮ่ออย่างเป็นมิตร

“ข้ากลับไปที่หน้าผาอีกครั้งก็เพื่อค้นหาศพโค่วชิงชิง ไปกับเสี่ยวเหลียนสาวใช้นาง ร่วมกันซ่อนศพไว้”

บอกกล่าวเรื่องราวโค่วชิงชิงออกไปแล้ว ซินโย่วพลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

คนที่รู้ว่านางไม่ใช่โค่วชิงชิงมีเพียงเสี่ยวเหลียน เห็นนางก้าวเดินมาอย่างราบรื่น คิดสิ่งใดก็ได้ดังใจ ความจริงในใจนางเองมีความกดดัน เพียงแต่มีแค่นางเท่านั้นที่รู้

หากไม่ใช่ไร้หนทางอื่น ผู้ใดอยากหยิบยืมสถานะผู้อื่นดำรงอยู่กัน

ที่น่ารันทดไปกว่านั้นก็คือนางโชคดีที่มีสถานะนี้ รู้สึกขอบคุณที่มีสถานะนี้ ทำให้นางลงหลักปักฐานในเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็วและเริ่มลงมือค้นหาตัวคนร้ายได้

ตอนฤดูใบไม้ผลิยามหิมะเริ่มละลายที่เพิ่งผ่านพ้นไปตอนนั้น นางยังเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล เป็นเด็กน้อยในสายตามารดา

ตอนนี้เฮ่อชิงเซียวรู้ความลับครึ่งหนึ่งของนางแล้ว อย่างน้อยต่อหน้าเขา นางก็เป็นตัวของตัวเองได้บ้างแล้ว

“หากใต้เท้าเฮ่อถามจบแล้ว ข้าอยากกลับร้านหนังสือเจ้าค่ะ” ซินโย่วกล่าวจากใจและก็หยั่งเชิงในที

เขาจะถามจุดประสงค์ที่นางออกมาในคืนนี้หรือไม่ นางหวังว่าจากนี้ไปนางจะได้ร่วมมือกับเขาอย่างพอเหมาะ ไม่ใช่ตกอยู่ภายใต้การจับตาดูของเขาฝ่ายเดียว

“ข้าไปส่งเจ้า”

ซินโย่วเผยรอยยิ้มยาง “ขอบคุณเจ้าค่ะ”

พอดับตะเกียงลง ในห้องก็พลันมืดสนิท ทั้งสองคนสวมชุดดำ พริบตาก็มองไม่เห็นอีกฝ่าย เสียงลมหายใจพลันดังชัดเจนขึ้นท่ามกลางความมืดเงียบสงัด และที่กระจ่างชัดขึ้นมาพร้อมกันนั้น ยังมีกลิ่นอายจากร่างกายของนางและเขา

ซินโย่วพลันชะงักตัวแข็งทื่อ

เพื่อปลอมตัวเป็นท่านแม่ที่ตายอนาถ นางลบรอยที่ทาใบหน้าและตามตัวด้วยเลือดไก่ไปแล้ว แต่ชุดในเสื้อคลุมไม่ได้เปลี่ยน…

คนข้างกายคล้ายว่าความรู้สึกไวต่อกลิ่นล้มเหลว น้ำเสียงยังคงไม่แปรเปลี่ยน “คุณหนูโค่ว เดินระวัง”

“ที่นี่ข้าคุ้นเคยมาก ใต้เท้าเฮ่อควรระวังมากกว่า”

ทั้งสองคนเดินออกจากห้อง ท้องฟ้าเมฆดำลอยเคลื่อน รอบด้านสี่ทิศมืดสนิทไร้แสงไฟ เดินออกจากประตูบ้านมาก็พอมีแสงวับแวมอยู่บ้าง

ซินโย่วชะงักฝีเท้า มองไปทางประตูใหญ่ที่ถูกพังออก

เฮ่อชิงเซียวกระแอมไอทีหนึ่ง “ขออภัย”

“ใต้เท้าเฮ่อเกรงใจไปแล้วเจ้าค่ะ” ซินโย่วชี้ไปที่แม่กุญแจ “ข้าใส่กุญแจ?”

คุยเปิดเผยกับใต้เท้าเฮ่อแล้วย่อมมีข้อดี อย่างน้อยพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องส่งคนมาใส่กุญแจ

นางเอื้อมมือไปใส่กุญแจเรียบร้อย

เดินออกจากตรอกชุมชน ท้องถนนว่างเปล่า มีแสงโคมไฟวับแวมอยู่ไกลๆ ลมพัดยิ่งแรงขึ้น พัดจนเสื้อคลุมส่งเสียงกระพือดังปลิวสะบัดขึ้นมา

เฮ่อชิงเซียวมองสาวน้อยหนาวจนใบหน้าซีดขาว ก็แอบเดินมาบังลมด้านหนึ่งไว้

ประตูเรือนตะวันออกร้านหนังสืออยู่ตรงหน้า ซินโย่วก็หยุดลงเอ่ยว่า “ใต้เท้าเฮ่อควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วเจ้าค่ะ”

เฮ่อชิงเซียว พยักหน้าเล็กน้อย มองปลายจมูกนางที่หนาวจนแดงระเรื่อ ก็ยังอดเอ่ยอีกคำหนึ่งไม่ได้ “อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ แล้ว คุณหนูโค่วพยายามอย่าออกไปข้างนอกตอนกลางคืน”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”

“คุณหนูโค่วเข้าไปก่อนเถอะ”

ซินโย่วได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ก็ไม่ได้เอ่ยวาจามากความ เปิดประตูเข้าไปเงียบๆ

เฮ่อชิงเซียวมองตามไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเดินไปอีกทาง

เขาไม่ได้กลับจวนฉางเล่อโหว แต่ไปที่ทำการสำนักเจิ้นฝู่ซือ คืนนี้กำหนดให้เขาไม่อาจเข้านอนเร็วได้แล้ว

ซินโย่วกลับถึงห้องอบอุ่น ถอดชุดกลิ่นคาวโลหิตกำจายออก แช่น้ำอุ่นไอกรุ่นในถังอาบน้ำ มือเท้าค่อยๆ หายแข็ง

เสี่ยวเหลียนหยิบเสื้อผ้าสะอาดเข้ามา เติมน้ำร้อนลงไปอีก ไม่ถามอันใดทั้งนั้น

เวลาเพียงสั้นๆ ไม่กี่เดือน นางได้ผ่านประสบการณ์มากมายกว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมามาก ย่อมไม่ใช่สาวน้อยใสซื่อดังกระดาษขาวคนเดิมอีกแล้ว นางรู้สึกได้ว่าหลังจากนำสมบัติคุณหนูของนางกลับคืนมาแล้ว คุณหนูก็จะมุ่งมั่นกับเรื่องของตนเองแล้ว

“เสี่ยวเหลียน” ซินโย่วส่งเสียงเรียกเบาๆ

“คุณหนู ท่านว่ามาเจ้าค่ะ”

สาวน้อยในอ่างอาบน้ำเผยไล่ขาวดังหิมะ ผมยาวดำขลับ น้ำร้อนไอกรุ่นร้อนจนริมฝีปากซับสีโลหิต

“ร้านค้าเหล่านั้นต้องการคนของตนเองไปจัดการให้เรียบร้อย เจ้ากับฟางหมัวมัวย้ายออกจากร้านหนังสือไปคุมร้านเหล่านั้นให้ดีดีกว่า”

เสี่ยวเหลียนได้ยินสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน “คุณหนู ท่านต้องการขับไล่เสี่ยวเหลียนไปหรือเจ้าคะ”

ซินโย่วไม่คิดว่าปฏิกิริยาเสี่ยวเหลียนจะรุนแรงเช่นนี้ หยิบผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มข้างๆ ขึ้นมาเช็ดผมไปพลางกล่าวว่า “ร้านค้าเหล่านั้นล้วนเป็นของคุณหนูโค่ว วันหน้าก็เป็นเงินทุนตั้งตัวใช้ชีวิตของเจ้ากับฟางหมัวมัว เจ้าไปฝึกดูแลให้คล่องจึงจะได้”

“ไม่เจ้าค่ะ!” เสี่ยวเหลียนส่ายหน้าไปมา “คุณหนูอย่าขับไล่บ่าวไปเลยนะเจ้าคะ ร้านเหล่านั้นให้ฟาง หมัวมัวจัดการไปเถอะเจ้าค่ะ บ่าวต้องการติดตามคุณหนูเพียงอย่างเดียวเจ้าค่ะ!”

ซินโย่วลุกขึ้น เสี่ยวเหลียนรีบใช้ผ้าห่มผืนใหญ่ห่อนางไว้

พอสวมเสื้อผ้าเสร็จ นั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งหวีผม ซินโย่วจึงเอ่ยต่อจากเมื่อครู่ “มีร้านค้าพวกนี้อยู่ วันหน้าเจ้ากับฟางหมัวมัวก็ไม่ต้องกังวลแล้ว นี่คือสิ่งที่คุณหนูโค่วอยากเห็น”

เสี่ยวเหลียนรีบคุกเข่าลงทันที “บ่าวต้องการติดตามคุณหนู!”

“พื้นเย็น รีบลุกขึ้น” ซินโย่วรีบดึงนางขึ้นมาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี เผยแผนการที่คิดไว้บางส่วน “จากนี้ไปข้าจะทำงานของข้าแล้ว อาจจะมีภัยถึงแก่ชีวิต หากเจ้าอยู่ร้านหนังสือต่อเกรงว่าจะพลอย…”

เสี่ยวเหลียนกับฟางหมัวมัวไม่เหมือนพวกผู้ดูแลร้านหู พวกนางติดตามนางมาจากจวนรองเจ้ากรม หากนางต้องเกิดเรื่องในสถานะคุณหนูโค่ว พวกนางอาจพลอยเดือดร้อนไปด้วย

“บ่าวทราบเจ้าค่ะ แต่ได้ติดตามคุณหนูแล้ว บ่าวรู้สึกสบายใจ แม้ต้องเผชิญกับความเดือดร้อน บ่าวก็ไม่กลัว”

ซินโย่วยังคิดเอ่ยต่อ แต่เสี่ยวเหลียนกลับกุมข้อมือไว้

“เสี่ยวเหลียนเสียคุณหนูของเราไปแล้ว ไม่อยากเสียคุณหนูไปอีก ขอร้องคุณหนู…”

นางไม่ต้องการเงินทองร่ำรวยใด นางเพียงต้องการติดตามรับใช้คุณหนูทั้งสองเท่านั้น

ซินโย่วนิ่งเงียบครู่หนึ่งก็ถามน้ำเสียงจริงจังขึ้นว่า “ไม่เสียใจภายหลัง?”

เสี่ยวเหลียนพยักหน้าเต็มแรง “ไม่เจ้าค่ะ!”

ซินโย่วมองสาวน้อยงดงามในกระจกแล้วก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย “ตกลง”

ที่แท้เส้นทางจะยากลำบากเพียงใด นางมีผู้ร่วมเดินทางแล้ว

วันรุ่งขึ้นฟ้าเพิ่งสาง ฉางเหลียงผุดลุกขึ้นนั่ง หอบหายใจเฮือกใหญ่หลายเฮือก เขามองไปรอบๆ ด้วยสัญชาตญาณ ภาพที่เห็นก็คือภาพเครื่องเรือนที่คุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่เคยชิน

เมื่อคืนวานนี้เขาเห็นผี?

ตอนตั้งสติได้ เขาก็รีบลงจากเตียง ตรวจสอบทั้งในและนอกรอบหนึ่ง

เขายังจำน้ำตาเป็นสายโลหิตที่ไหลจากดวงตาของผีสาวตกลงพื้นได้ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่มีร่องรอยว่าผีสาวเคยมาเยือน

ฉางเหลียงไปล้างหน้าด้วยน้ำเย็นก่อนถ่มน้ำลายลงพื้น

ถึงกับถูกผีอำบนเตียงนอน อัปมงคลแท้!

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท