สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 160 องค์หญิงเสวียน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 160 องค์หญิงเสวียน

ชิ่งอ๋องคว้าจอกสุราเขวี้ยงใส่ เฮ่อชิงเซียวไม่ได้หลบ จอกสุรากระแทกหน้าผากเขา โลหิตสดไหลรินออกมา

“คุณหนูโค่ว?”

“อ้อ ใต้เท้าเฮ่อ เชิญรับประทานเจ้าค่ะ” ซินโย่ววางผ้าขี้ริ้ววัวพริกแดงที่คีบขึ้นมาใส่ชามเฮ่อชิงเซียว จากนั้นจึงเพิ่งตั้งสติได้ว่าการกระทำเช่นนี้สนิทสนมเกินไปสักหน่อย ดีที่นางเพิ่งเริ่มใช้ตะเกียบ

“ขอบคุณ” เฮ่อชิงเซียวกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเป็นปกติ แต่ในใจหวั่นไหวเล็กน้อย

ซินโย่วอาศัยจังหวะยกดื่มน้ำชาหวนระลึกภาพที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่

เหมือนว่าอยู่ในงานเลี้ยงที่ไม่เล็กนัก เพราะช่วงเวลาสั้นมาก ไม่มีภาพเหตุการณ์มากไปกว่านี้อีกแล้ว

ซินโย่วมองไปทางคนตรงหน้า บางทีเพราะมีเวลา ความเร็วในการกินอาหารเขาจึงไม่ต้องเร่งรีบ ทำให้แลดูท่วงท่าสง่างามเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง

เอ่อ คล้ายว่าไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินักแล้ว…

เฮ่อชิงเซียวรู้สึกเก้กังอยู่บ้างจริง

ไม่ว่าผู้ใด ตอนกินอาหารมีคนในดวงใจจ้องมองอยู่เช่นนี้ ก็ย่อมรู้สึกเก้กังอยู่บ้าง

“คุณหนูโค่ว ยังมีอันใดจะเอ่ยอีกใช่หรือไม่” เขาวางตะเกียบลงทันที มองนางด้วยสายตาอ่อนโยนกระจ่างใส

ซินโย่วลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อดเอ่ยไม่ได้ “ระยะนี้เกรงว่าใต้เท้าเฮ่ออาจมีเคราะห์เลือดตกยางออก”

ก่อนหน้านี้ได้เห็นภาพเขามีเคราะห์เลือดตกยางออก แม้ว่าไม่ได้เอ่ยเตือน แต่สุดท้ายเขาก็พ้นภัยมาได้ การเตือนของนางอาจไม่จำเป็น

แต่หากเกิดเหตุผิดคาดเล่า?

ซินโย่วไม่อยากหลอกตนเอง นางไม่อยากเห็นเขาได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะเหตุปะทะกับองค์ชาย

“เคราะห์เลือดตกยางออก…” เฮ่อชิงเซียวขอคำแนะนำจริงจัง “เช่นนั้นข้าต้องใส่ใจเรื่องใดบ้าง”

ท่าทีสุภาพของเขากลับทำให้ซินโย่วรู้สึกแปลกๆ

“ระยะนี้หากมีงานเลี้ยง ใต้เท้าเฮ่อควรหลบเลี่ยงจะดีที่สุด”

ซินโย่วเพิ่งเอ่ยเตือน พอกลับถึงร้านหนังสือก็ได้รับเทียบเชิญใบหนึ่ง

เทียบเชิญงดงามประณีต มาจากจวนองค์หญิงใหญ่

องค์หญิงใหญ่เจาหยางจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพครบสี่สิบพรรษา เชิญคุณหนูโค่วไปร่วมงาน

ซินโย่วมือหนึ่งวางบนเทียบเชิญพลางนึกถึงเฮ่อชิงเซียว

งานเฉลิมพระชนมพรรษาขององค์หญิงใหญ่เจาหยางจะส่งเทียบเชิญเขาหรือไม่ หากมี เช่นนั้นในภาพที่เห็นก็น่าจะเกิดขึ้นในงานเลี้ยงนี้กระมัง

เฮ่อชิงเซียวแยกกับซินโย่วก็กลับที่ทำการ พอจากที่ทำการกลับถึงจวนฉางเล่อโหวก็ได้รับเทียบเชิญจากจวนองค์หญิงใหญ่

ยามนี้ย่อมคิดถึงคำพูดซินโย่วขึ้นมา

คุณหนูโค่วพยากรณ์แม่นยำเสียจริง

ยามนี้เฮ่อชิงเซียวพลันอยากรู้มากว่านางเติบโตมาอย่างไร

อีกเรื่องก็คือ…สถานะแท้จริงของนาง…

เฮ่อชิงเซียวจ้องมองเทียบเชิญเขม็ง สั่งการคนงานเตรียมชุดไปร่วมงานเลี้ยงให้เขา

งานเลี้ยงบางงานไม่อาจเลี่ยงได้

วันนี้จวนที่ได้รับเทียบเชิญจากจวนองค์หญิงใหญ่มีกันไม่น้อย แต่ละจวนต่างให้ความสำคัญเตรียมไปร่วมงานกันแต่เนิ่นๆ

หลายวันต่อจากนั้นซินโย่วก็มิค่อยได้ออกจากบ้าน ขลุกอยู่แต่ในห้องอุ่นเขียนครึ่งหลังของ ‘บันทึกตะวันตก’ เงียบๆ ไม่นานก็ถึงวันจัดงานเลี้ยง

อากาศหนาวจัดมาก สายลมหนาวดังคมมีดพัดมาพร้อมเกล็ดหิมะ พัดเอาใบหน้าผู้คนทรมานอย่าได้เอ่ย

เสี่ยวเหลียนเลือกเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวหนาเป็นพิเศษคลุมให้ซินโย่วมิดชิด ยังยัดเตาอุ่นสำหรับถือใส่มือนางอีกใบหนึ่ง

“เจ้าเองก็สวมมากหน่อย” ซินโย่วกำชับ

“บ่าวไม่หนาวเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนกระทืบเท้าเหยียบพื้นน้ำค้างแข็งชั้นบางๆ เสริมพลังให้กระปรี้กระเปร่า

ในความคิดนาง การที่คุณหนูช่วยคุณหนูของนางนำสมบัติกลับคืนมา ทำให้นายท่านใหญ่เขียนหนังสือหย่านายหญิงใหญ่ ก็นับว่าได้แก้แค้นให้คุณหนูของนางที่ตายไปแล้ว ดังนั้นในใจก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก

ทั้งสองคนขึ้นรถม้าไปจวนองค์หญิงใหญ่

คนของจวนองค์หญิงใหญ่มารอต้อนรับแขกอยู่หน้าประตูกันก่อนเวลาแล้ว

พอซินโย่วลงจากรถม้า หลิวกูกูผู้ดูแลจวนองค์หญิงที่เคยไปจวนรองเจ้ากรมก็รีบเดินเข้ามา

“คุณหนูโค่วมาแล้ว”

ซินโย่วย่อกายเล็กน้อย “หลิวกูกู”

“คุณหนูโค่วรีบเข้ามาเถิด องค์หญิงใหญ่คิดถึงท่านมาตลอด”

แขกในที่นั้นทุกคนต่างได้ยินคำพูดนี้ของหลิวกูกู หลายคนมองไปทางซินโย่วด้วยสายตาสนอกสนใจ

นางผู้มีชาติกำเนิดตระกูลขุนนาง แม้บิดามารดาจากไปแล้ว แต่กลับได้รับการสนพระทัยจากองค์หญิงใหญ่และยังมีสมบัติติดตัวมากมายมหาศาล เงื่อนไขนี้ทำให้จิตใจผู้คนต่างรู้สึกหวั่นไหวอย่างมาก

แขกที่องค์หญิงใหญ่เชิญมามีบรรดาแขกสตรีเป็นส่วนใหญ่ หลายคนตัดสินใจทันทีว่าจะต้องหาโอกาสเข้าไปคุยกับคุณหนูโค่วสักหน่อย

ซินโย่วตามหลิวกูกูไปเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่เจาหยาง

“ถวายพระพรองค์หญิงใหญ่เพคะ”

ไม่ได้รอให้องค์หญิงใหญ่เจาหยางเอ่ยอันใด เด็กหญิงข้างกายองค์หญิงก็พุ่งเข้ามาคว้ามือซินโย่วไปกุม อย่างสนิทสนม “พี่โค่ว ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย”

คุณหนูน้อยที่ตื่นตกใจหวาดกลัวก่อนหน้านี้ ดูแล้วกลับมาเป็นคุณหนูร่าเริงสดใสคนเดิมแล้ว

“คุณหนูข่ง ระยะนี้สบายดีหรือ” ซินโย่วยิ้มถาม

นางไม่ได้จงใจเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นพิเศษ ท่าทีต่อข่งฝูก็เหมือนท่าทีของคนในวัยเดียวกัน ทำให้ข่งฝูรู้สึกแปลกใหม่และสบายใจ รู้สึกสนิทสนมกับพี่สาวตรงหน้า

“ท่านแม่ ข้าพาพี่โค่วไปดูหมูป่าน้อยได้หรือไม่เจ้าคะ”

องค์หญิงใหญ่เจาหยางกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “เจ้าพาคุณหนูโค่วไปเดินเล่นในสวนต้นเหมยได้”

กว่างานเลี้ยงจะเริ่มก็อีกระยะเวลาหนึ่ง แขกที่มาก่อนก็จะร่วมดื่มน้ำชาและสนทนาสานสัมพันธ์ หรือไม่ก็ไปเดินเล่นในพื้นที่เปิดในจวนองค์หญิงใหญ่ที่เปิดให้แขกเหรื่อได้เดินเล่นกันเป็นพิเศษ

“แต่สวนต้นเหมยไม่น่าสนใจเท่ากับไปดูลูกหมูนี่เพคะ” ข่งฝูเงยหน้าถามซินโย่ว “พี่โค่ว พี่อยากไปที่ไหน”

ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ข้าเองก็อยากไปดูลูกหมูป่า”

ดูท่าทางคุณหนูข่งสลัดเงามืดของหมูป่าได้แล้ว ทำให้นางรู้สึกดีใจมาก

องค์หญิงใหญ่เจาหยางเห็นว่าซินโย่วยินดี ก็ย่อมไม่ห้ามปรามอีก

ข่งฝูจับมือซินโย่วเดินตรงไปสวนตะวันตก

ลูกหมูป่ามีทั้งหมดสี่ตัว บอกว่าเป็น ‘ลูก’ หมูป่า แต่ดูแล้วห่างไกลจากคำว่าน่ารักมาก

ข่งฝูเองก็มิได้เข้าใกล้ แนะนำชื่อลูกหมูป่าสี่ตัวให้ซินโย่วผ่านรั้วกั้น “ตัวนั้นชื่อไป๋ต้า ตัวนั้นชื่อไป๋เอ้อร์…”

“เพราะมาจากเขาไป๋ลู่ซานหรือ”

ข่งฝูยิ้มตาหยี “พี่โค่วฉลาดจริง!”

ดูหมูป่าได้ครู่หนึ่ง ข่งฝูก็พาซินโย่วไปเที่ยวสวนต้นเหมย

สวนต้นเหมยในจวนองค์หญิงใหญ่พื้นที่ไม่เล็ก ยามนี้ยังไม่ถึงเวลาดอกเหมยบาน แต่กลับมีต้นล่าเหมยผลัดใบสีเหลืองทองทั้งต้น ใบสีทองอร่ามราวกับผีเสื้อสยายปีก

ซินโย่วกับข่งฝูมาจากสวนตะวันตก จึงตรงเข้าจากอีกด้านหนึ่ง ต่างจากแขกที่ตรงไปสวนต้นเหมย

ทั้งสองคนเดินไปได้ไม่นานก็เห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินมา

หนุ่มน้อยผู้นั้นก็คือองค์ชายใหญ่ซิ่วอ๋อง สาวน้อยที่เดินอยู่ข้างกายเขาร่างอรชรดังต้นหลิ่ว รูปโฉมงดงาม

ซิ่วอ๋องเองก็เห็นพวกซินโย่วทั้งสองคน จึงรีบเดินเข้ามาหาพลางเอ่ยทักทายข่งฝูก่อน “ฝูเอ๋อร์มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

จากนั้นก็มองไปที่ใบหน้าของซินโย่ว พร้อมกับอมยิ้มพยักหน้า

ซินโย่วย่อกายคำนับ “ถวายบังคมซิ่วอ๋อง”

“คุณหนูโค่วไม่ต้องมากพิธี”

“พี่ใหญ่ พี่เสวียน พวกท่านมาด้วยกันหรือ”

ซินโย่วมองไปทางสาวน้อยที่ข่งฝูเรียกว่า “พี่เสวียน”

ดูแล้วอายุนางใกล้เคียงกัน ท่านนี้น่าจะเป็นองค์หญิงใหญ่

ก่อนหน้านี้เฮ่อชิงเซียวเตือนนางว่าอย่าได้ล่วงเกินชิ่งอ๋อง และได้เล่าเรื่ององค์ชายในวัง แต่ไม่เคยเล่าถึงองค์หญิง

“พวกเราพบกันโดยบังเอิญ” ซิ่วอ๋องแนะนำซินโย่วให้สาวน้อยรู้จัก “ท่านนี้คือคุณหนูโค่ว ไม่ทราบว่าน้องพี่เคยได้ยินชื่อมาก่อนหรือไม่ ฝูเอ๋อร์ประสบเหตุก่อนหน้านี้ โชคดีได้คุณหนูโค่วช่วยเอาไว้ นิยายที่ขายดีในเมืองหลวงเรื่อง ‘วาดหนัง’ ก็เป็นของร้านหนังสือคุณหนูโค่ว…”

สาวน้อยมองไปทางซินโย่วด้วยสีหน้านึกสนใจขึ้นมา

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท