ตอนที่ 162 เมา
เพราะเฮ่อชิงเซียวเห็นชิ่งอ๋องหาเรื่องซินโย่ว จึงอดก้าวเข้ามาไม่ได้
ตอนนี้เห็นซินโย่วดื่มลงไปอย่างไม่รอช้า เขาก็หยุดมองดูเหตุการณ์ต่อไป
ชิ่งอ๋องเห็นซินโย่วดื่มสุราฤทธิ์แรงลงไปอย่างไม่ลังเล แววตาก็พลันคาดไม่ถึง จากนั้นก็หยิบสุราจากถาดในมือสาวใช้มาอีกจอกหนึ่ง หัวเราะเอ่ยว่า “จอกเมื่อครู่เป็นการแสดงการขอบคุณคุณหนูโค่วที่ช่วยน้องสาวข้า จอกนี้เป็นการคารวะแทนน้องชายข้า”
ยังมีอีก?
ซินโย่วเลิกคิ้วเล็กน้อย
ปฏิกิริยานางทำให้ริมฝีปากกดรอยยิ้มยิ่งลึก “คุณหนูโค่ว ต้องให้โอกาสข้าได้แสดงการขอบคุณนี้”
เหลือบตามองเห็นเฮ่อชิงเซียวขมวดคิ้ว ซินโย่วก็สะดุ้งในใจ นางไม่อยากกลายเป็นชนวนเหตุปะทะระหว่างใต้เท้าเฮ่อกับชิ่งอ๋อง
นางยื่นมือออกไปหยิบจอกสุราบนถาดมาชนกับจอกสุราในมือชิ่งอ๋องเบาๆ “ชิ่งอ๋องให้เกียรติเกินไปแล้วเพคะ”
ชิ่งอ๋องจ้องมองซินโย่วค่อยๆ เงยหน้าเล็กน้อยดื่มสุราลงไป ดื่มสุราในมือแล้วก็ยกอีกจอกขึ้นมา “จอกนี้ข้าคารวะคุณหนูโค่ว ยังไม่ได้ขอบคุณคุณหนูโค่วที่มอบหนังสือให้”
มอบหนังสือ? มอบหนังสืออันใด
คนไม่น้อยได้ยิน แววตาอยากรู้แทบจะระงับไว้ไม่อยู่
ซินโย่วยิ้มดื่มสุราจอกที่สามลงไป
การที่นางดื่มอย่างไม่รั้งรอเช่นนี้ทำให้ชิ่งอ๋องสะอึกในใจ
ถึงตอนนี้ ทุกคนล้วนมองออกว่าชิ่งอ๋องต้องการทำให้คุณหนูโค่วลำบากใจ อย่างไรคุณหนูโค่วก็มิใช่ชายหนุ่ม มีอย่างที่ไหน คารวะสุราขอบคุณหญิงสาวไม่หยุด
และการแสดงออกของคุณหนูโค่วก็ทำให้ผู้คนตกใจ ดื่มติดกันสามจอก สีหน้าถึงกับไม่แปรเปลี่ยน
ขณะที่ในสมองชิ่งอ๋องกำลังคิดหาเหตุผลคารวะจอกที่สี่ ซินโย่วก็กวักมือเรียกสาวใช้ที่ประคองถาดอยู่
สาวใช้ประคองถาดเข้าใหม่ มีสุรารินไว้เต็มจอกถึงหกจอก
ซินโย่วยกจอกสุรา สีหน้ายิ้มละไมมองไปทางชิ่งอ๋อง “หม่อมฉันควรคารวะชิ่งอ๋องหนึ่งจอก ขอบคุณที่ไปเยือนร้านหนังสือหม่อมฉัน เป็นเกียรติแก่ร้านเล็กๆ ของเรา”
สีหน้าชิ่งอ๋องยิ่งตกใจหนัก
ถึงกับคารวะเขาก่อน?
สบตากับแววตาสงบดุจวารี ชิ๋งอ๋องเหมือนถูกยั่วให้เกิดโทสะ
“คุณหนูโค่วเกรงใจไปแล้ว”
จอกสุรากระทบกันเสียงดังกระจ่างใส
“คารวะชิ่งอ๋องอีก…”
จอกแล้วจอกเล่า ในฐานะเจ้าบ้าน จิ้งอันโหวที่เริ่มแรกคิดขวางไว้จนสุดท้ายรู้สึกตกใจ ยามนี้กำลังงุนงง
ส่วนเฮ่อชิงเซียวที่เตรียมจะเดินเข้ามาก็ถูกแววตาซินโย่วสกัดไว้ให้ยืนอยู่ที่เดิม ยามนี้ก็กำลังตกอยู่ในสภาวะงุนงงเช่นกัน
เหตุใดคุณหนูโค่วประลองสุรากับชิ่งอ๋อง
พอมาคิดดู คุณหนูโค่วบอกว่าในงานเลี้ยงเขาจะมีเคราะห์เลือดตกยางออก เฮ่อชิงเซียวก็นึกสงสัยว่าคงมิใช่คุณหนูโค่วดื่มเมาแล้วระงับตนเองไม่อยู่เข้าลงมือกับชิ่งอ๋อง เขาเข้าไปดึงไว้จึงได้เกิดเรื่องกระมัง
ส่วนคนอื่นๆ ต่างพากันตกใจใหญ่ไปแล้ว
พวกเขากำลังฝันอยู่หรือ ไม่เช่นนี้เหตุใดจึงเห็นองค์ชายรองชิ่งอ๋องประลองสุรากับคุณหนูโค่วเจ้าของร้านหนังสือชิงซง ภาพเหตุการณ์ที่ช่างเหลวไหลไม่น่าเชื่อ
สถานการณ์โดยรอบเริ่มเงียบลงเรื่อยๆ ไม่รู้ดื่มสุราไปกี่จอก เสียงสาวน้อยยังคงนิ่งสงบดังเดิม “หม่อมฉันคารวะอีกจอก”
“ได้…” ชิ่งอ๋องมือสั่น จอกสุราร่วงหล่นลงพื้นเสียงดังน่าตกใจ
หันไปดูอีกที ชิ่งอ๋องร่างโงนเงนล้มลงไปแล้ว โชคดีที่ข่งรุ่ยรับเอาไว้ทัน
“ขออภัย ข้าพาชิ่งอ๋องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ข่งรุ่ยลากชิ่งอ๋องที่เมาไม่ได้สติออกไป
ซินโย่วมองตามชิ่งอ๋องไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แววตาแอบซ่อนกลิ่นอายเยียบเย็น
ความสามารถดื่มสุราน้อยนิดเช่นนี้ ยังกล้ามามอมสุราผู้อื่น นางคิดไม่ถึงจริงๆ
ทุกคนในที่นั้นต่างพากันนิ่งอึ้งไปเป็นนาน ก่อนจะหันขวับไปมองซินโย่ว
ซินโย่วนั่งลงด้วยท่าทีสงบนิ่ง ใช้ตะเกียบคีบอาหารพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
พอนางขมวดคิ้ว สตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งประทับใจภาพสง่างามยามประลองสุราของนาง ก็ถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “คุณหนูโค่วเป็นอันใดไปหรือ”
ซินโย่วเหลือบตามองไปทางสตรีที่เอ่ยถาม ยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี “ไม่มีอันใด รู้สึกอาหารเย็นไปสักหน่อยแล้ว”
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าพูดไม่ออก
เจ้าเพิ่งจะล้มชิ่งอ๋องไป ตอนนี้สนใจเรื่องนี้?
หลังงานเลี้ยงเลิก องค์หญิงใหญ่เจาหยางเพิ่งได้รับรายงานจากข่งรุ่ยว่าชิ่งอ๋องประลองสุรากับคุณหนูโค่ว
“รุ่ยเอ๋อร์ แม่มีคำขอเจ้าเรื่องหนึ่ง”
“ท่านแม่ ท่านว่ามาเถิด”
“ข้าชอบนิสัยคุณหนูโค่วมาก เจ้าพยายามหาทางแต่งนางเข้าจวนเรามาเป็นสะใภ้แม่!”
ข่งรุ่ยนิ่งอึ้ง ใบหน้าแดงขึ้นมาทันที
หรือท่านแม่ดื่มมากไปแล้ว คำพูดเช่นนี้พูดเล่นได้หรือ
องค์หญิงใหญ่เจาหยางย่อมมิได้ดื่มมากไป แต่กลับมีอารมณ์ความรู้สึกหนึ่งเติมเต็มทั่วสรรพางค์กาย ทำให้นางตื่นเต้นเป็นพิเศษ “เผชิญหน้ากับองค์ชายสถานะสูงส่ง ไม่เพียงแต่ไม่ถูกรังแก แต่ยังโต้กลับฟาดหน้าอีกฝ่ายได้ ไม่มีคนใดเหมาะกับเป็นสะใภ้แม่มากไปกว่าคุณหนูโค่วอีกแล้ว รุ่ยเอ๋อร์ เจ้าจะต้องทำตัวให้ได้เรื่องหน่อยแล้ว!”
พอองค์หญิงใหญ่เจาหยางคิดถึงเจ้าลูกกระต่ายชิ่งอ๋องกระทำตัวหาเรื่องสะอิดสะเอียนใส่ผู้อื่น แต่ถูกคุณหนูโต้กลับจนถูกลากออกไปดังสุนัขตาย ก็รู้สึกสะใจยิ่ง
ข่งรุ่ยใบหน้าแดงก่ำ “ท่านแม่ ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะขอรับ”
“ข้าไม่เหนื่อย” องค์หญิงใหญ่เจาหยางเหล่มองบุตรชายทีหนึ่ง “คำพูดแม่ เจ้าได้ยินไหม”
ข่งรุ่ยลองเสนอขึ้น “หากท่านแม่ชอบคุณหนูโค่วมาก ก็รับนางเป็นบุตรสาวบุญธรรมไหมขอรับ”
“หืม?” องค์หญิงใหญ่เจาหยางเลิกคิ้ว
เจ้าลูกคนนี้ไม่สนใจคุณหนูโค่วหรือ
ข่งรุ่ยถือโอกาสแสดงท่าทีชัดเจน “ในสายตาบุตรชาย คุณหนูโค่วเหมือนกันฝูเอ๋อร์”
ไม่ว่าผู้ใดเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่ใบหน้าละม้ายคล้ายมารดาตนย่อมไม่มีทางคิดอันใดด้วยเป็นแน่
องค์หญิงใหญ่เจาหยางเคยผ่านประสบการณ์เกือบถูกบีบให้แต่งกับเจ้าของที่ดิน ก็ไม่คิดจะบีบบังคับบุตรชาย ได้แต่บ่นว่ามีตาแต่ไร้แวว
ส่วนเรื่องการรับคุณหนูโค่วเป็นบุตรสาวบุญธรรม นางยังไม่คิดในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นวันหน้าเกิดบุตรชายเกิดความคิดผลิบานขึ้นมาก็จะไปไม่ถูก
องค์หญิงใหญ่เจาหยางตัดสินใจว่าปล่อยให้เรื่องของบุตรชายกับคุณหนูโค่วเป็นไปตามธรรมชาติ นึกถึงเรื่องชิ่งอ๋องหาเรื่องคุณหนูโค่วแล้วก็เริ่มครุ่นคิด
หรือว่าก่อนหน้านี้นางคิดผิด หลานกู้ชางป๋อไปหาเรื่องคุณหนูโค่ว ความจริงมิใช่เพราะจวนกู้ชางป๋อ แต่เพราะ…พระสนมซูเฟย?
นางไม่คิดว่าคนแล้งน้ำใจเช่นชิ่งอ๋องผู้ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาจะหาเรื่องในวันคล้ายวันเกิดนางเพราะแก้แค้นแทนน้องชาย
คุณหนูโค่วไปล่วงเกินพระสนมซูเฟยได้อย่างไร
องค์หญิงใหญ่เจาหยางรู้สึกสงสัยขึ้นมาลึกๆ ในใจ
หลังงานเลี้ยงเลิก เฮ่อชิงเซียวไม่วางใจ ขี่ม้าตามหลังรถม้าซินโย่วอยู่ไกลๆ
ในรถม้า เสี่ยวเหลียนลองหยั่งเชิงถามขึ้นว่า “คุณหนู เกิดอันใดขึ้นในงานใช่หรือไม่เจ้าคะ”
บ่าวของผู้มาร่วมงานล้วนมีสถานที่จัดให้ไปรวมกัน ไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง
แววตาซินโย่วกำลังเลื่อนลอยเพราะดื่มไปไม่น้อย มองมาพลางถามว่า “ทำไมหรือ”
“ตอนออกมา บ่าวรู้สึกว่าคนไม่น้อยลอบมองท่าน แล้วก็…” เสี่ยวเหลียนหยุดไปครู่หนึ่ง สายตาห่วงใยเอ่ยว่า “ท่านคล้ายดื่มไปไม่น้อย”
กลิ่นสุรารุนแรงเช่นนี้ ไม่เหมือนสุราผลไม้
“เกิดเรื่องเล็กน้อยจริงๆ”
ซินโย่วหลับตาลง แม้ว่าไม่ได้มีปฏิกิริยาต่างๆ แบบคนเมาสุราทั่วไป แต่ก็มิได้สงบนิ่งดังภาพที่แสดงออก “เสี่ยวเหลียน เจ้าเลิกม่านรถขึ้นมองไปข้างหลังที”
เสี่ยวเหลียนนิ่งอึ้งไปทันที
สาวน้อยพิงผนังรถม้าหัวเราะเบาๆ สติล่องลอย “ข้ารู้สึกว่าใต้เท้าเฮ่อตามมาด้านหลัง ”
เสี่ยวเหลียน “!”