บทที่ 1093 ตอนจบของฟ่านซู่ : ฉากสุดท้าย
บทที่ 1093 ตอนจบของฟ่านซู่ : ฉากสุดท้าย
ฟ่านซู่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองนกน้อยที่ร่อนลงตรงนั้นส่งเสียงร้องจิ๊บจิ๊บ ดูเริงร่าเป็นอย่างยิ่ง
เขาหยิบหมั่นโถวที่ยังไม่ได้กินขึ้นมา บิมันออกแล้วโปรยไปที่หน้าต่าง ดึงดูดให้นกน้อยโผเข้ามาใกล้
นกน้อยก็กระโดดเข้ามาแล้วจริง ๆ
ฟ่านซู่เอื้อมมือออกไปหมายจะคว้ามัน ทว่าดูเหมือนนกน้อยจะรู้สึกถึงอันตรายจึงกระพือปีกบินหนี
ฟ่านซู่เย้ยหยัน “ดูสิ ผู้ใดล้วนไม่ยินดีเป็นนกในกรงขัง แม้กระทั่งนกน้อยก็ไม่ยินดี”
ลู่จื่อชิงยืนอยู่นอกห้องขัง นางมองไปทางฟ่านซู่
“พวกเขาบอกว่าเจ้าหาข้าหรือ”
ฟ่านซู่อยู่ในชุดนักโทษ สีหน้าซีดเซียว ร่างกายผ่ายผอมจนเห็นกระดูก
ลู่จื่อชิงตกใจ มองเขาด้วยหัวสมองขาวโพลน
“เจ้า…”
กลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฟ่านซู่ยิ้มบาง ๆ “เจ้ามาแล้ว”
ไม่รอให้ลู่จื่อชิงได้เอ่ยสิ่งใด ฟ่านซู่ก็กล่าวต่อ “ที่นี่นั่งไม่ได้ ทำได้เพียงผิดต่อเจ้าแล้ว”
“ฟ่านซู่…”
ดวงตาของลู่จื่อชิงแดงเรื่อขึ้นมา
“เพราะเหตุใด? เจ้าเป็นถึงอี้อ๋องแล้ว ทั้งยังมีที่ศักดินาของตนเอง เจ้าสามารถใช้ชีวิตที่เหลือได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเครื่องนุ่งห่ม ไยต้องทำเรื่องเสี่ยงอันตรายจนเข้าตาจนเช่นนี้?”
“เพราะเหตุใดน่ะหรือ?” ฟ่านซู่มองไปทางหน้าต่าง “บางทีข้าอาจอยากบินให้สูงขึ้น ได้มองทิวทัศน์ที่งดงามยิ่งกว่านี้กระมัง! อย่างไรเสียข้าก็เป็นบุตรชายของคนผู้นั้น เลือดของเขาไหลเวียนอยู่ในตัวข้า ข้าต้องการอำนาจ มีความทะเยอทะยานไม่ใช่เรื่องธรรมดาหรอกหรือ?”
“ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ แม้กระทั่งผู้กระทำผิดโทษร้ายแรงก็จะได้รับการอภัยโทษ ทว่าสถานการณ์ของเจ้าพิเศษ การอภัยโทษนั้นเป็นไปไม่ได้ ฮ่องเต้องค์ใหม่จัดเตรียมให้เจ้าไปเฝ้าสุสานจักรพรรดิ”
“ฮ่องเต้องค์ใหม่ช่างเมตตากรุณาจริง ๆ เขาไม่กลัวว่าข้าจะก่อเรื่องอะไรอีกหรือ?”
“ใต้หล้าสงบสุข คนเหล่านั้นที่ติดตามเจ้า ที่ตายก็ตาย ที่เนรเทศก็เนรเทศ เจ้าอยากจะหาคนกลุ่มอื่นติดตามเจ้ายิ่งเป็นไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นหากฮ่องเต้องค์ใหม่กล้าจัดแจงให้เจ้าเฝ้าสุสานจักรพรรดิ ย่อมไม่มีทางให้เจ้าได้ก้าวออกจากที่นั่นแม้เพียงครึ่งก้าว… เจ้าก็รู้ ตั้งแต่ก้าวแรกพี่ชายข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าได้ออกมา” ลู่จื่อชิงกล่าว
“ชิงเอ๋อร์ ข้าอยากพบเจ้า เพียงเพราะอยากพบเจ้า” ฟ่านซู่เอ่ย “พูดคุยกับข้าหน่อยเถิด!”
“พูดอะไร?”
“บอกข้าทีว่ายามพวกเราพบกันคราแรก ไยเจ้าถึงได้ออกหน้าเพื่อข้า บอกข้าว่าเหตุใดเจ้าจึงพึงใจซ่งหานจือ เขามีดีอะไร…”
ลู่จื่อชิงควรไปจากที่นี่
อย่างไรก็ตาม ความนิ่งงันในแววตาของฟ่านซู่ทำให้นางใจอ่อน นางยังคงรั้งอยู่พูดคุยกับเขาเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม
ในหนึ่งชั่วยามนั้น พวกเขาพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วไป
ดูเหมือนพวกเขาจะพูดคุยกันอย่างเงียบสงบเช่นนี้เป็นครั้งแรก ไม่ได้มีหัวข้อใด ๆ นึกถึงสิ่งใดก็พูดถึงสิ่งนั้น
ยามจากมา ลู่จื่อชิงมองย้อนกลับไปหาเขา
เขาส่งยิ้มให้นางน้อย ๆ ราวกับในยามนี้เขาไม่ใช่นักโทษประหาร
ลู่จื่อชิงออกจากห้องขังสำหรับนักโทษประหาร ควบขี่ม้าไปตามถนน
ทันใดนั้น นางก็กำสายบังเหียนแน่นขึ้น ก่อนจะขี่ม้าวกกลับไป
เมื่อนางกลับไปถึงห้องขังอีกครั้ง นางเห็นเพียงฟ่านซู่นั่งหลับตาอยู่ตรงนั้น ใบหน้าประดับรอยยิ้มจาง ๆ
“ฟ่านซู่…”
ลู่จื่อชิงเรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ผู้คุม เปิดประตูห้องขัง”
ผู้คุมรีบเปิดประตูห้องขังออก
ลู่จื่อชิงนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าฟ่านซู่ ยกนิ้วอันสั่นเทาขึ้นสัมผัสลมหายใจของเขา
พริบตานั้น น้ำตาพลันไหลลงมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“คุณหนูรอง ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?” ผู้คุมเอ่ยถามตัวสั่นเทิ้ม
“รายงานเบื้องบนตามความจริง” ลู่จื่อชิงมองฟ่านซู่ “บางที… เขาคงเหนื่อยแล้วเช่นกัน”
วันฝังฟ่านซู่ ลู่จื่อชิงไปพบเขาเป็นครั้งสุดท้าย
ฟ่านซู่มีสถานะพิเศษ ไม่มีญาติคนอื่นอีกแล้ว ทั้งงานศพจึงว่างเปล่าไร้ผู้คน
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้องค์ใหม่มีเมตตา พระองค์ยังคงพระราชทานพิธีฝังศพให้กับเขา
หลังการฝังศพของฟ่านซู่ เรื่องราวนั้นก็ถูกกลบฝังไปพร้อมกัน น้อยนักที่จะมีคนกล่าวถึงขึ้นมาอีกครั้ง…