ตอนที่ 744 สัตว์อสูรตัวใหม่!
“ดังนั้น มันตัวนั้นเป็นใคร” นักพรตเฒ่าเกาคางอยู่ข้างๆ พลางถามทนายอันที่อยู่ข้างกาย
เวลานี้เมื่อเห็นเหตุการณ์พลิกผัน สถานการณ์โดยรวมถูกกำหนดแล้ว ทุกคนก็พากันโล่งใจ โดยเฉพาะการตื่นขึ้นและการแสดงตัวตนของคนผู้นั้น ยิ่งทำให้ทุกคนเหมือนได้กินยาที่ทำให้จิตใจสงบเข้าไปเยอะมากจนแทบจะท้องแตกตาย
ทนายอันส่ายหน้า “ผมจะไปรู้ได้ไง บรรพบุรุษขึ้นไปไม่รู้ตั้งกี่ชั่วอายุคนของปู่ของปู่ของผม ก็ไม่เกี่ยวข้องกับยุคสมัยของพวกเขาด้วยซ้ำ”
นักพรตเฒ่าถอนหายใจ “ดูท่าทางของเหล่าจางแล้วน่าจะตกใจมากทีเดียว”
“นั่นเรื่องจริง”
“ข้ามองออกมาตั้งนานแล้ว เจ้าฮวาหูเตียวตัวนั้นจะต้องมีที่มาไม่ธรรมดาแน่นอน!”
“คุณมั่วน่ะสิ นี่ยังต้องดูอีกหรือไง”
“เอ่อ…”
…
โจวเจ๋อไม่ตอบกลับความประหลาดใจระคนสงสัยของเซี่ยจื้อ แต่แค่โยนฮวาหูเตียวแบบขอไปทีจนฮวาหูเตียวกระแทกลงบนพื้นเสียงดัง ‘ตุ้บ’
“ตอนแรกไม่ใช่ว่าเจ้ากับนาง…”
‘เพียะ!’ โจวเจ๋อตบหน้าเซี่ยจื้อหนึ่งฉาด เซี่ยจื้อถูกตบจนหน้าหัน คำพูดต่อไปสะดุดลงเช่นกัน
…
“ดูเหมือนว่าคำว่านาง (她) นี้จะไม่ใช่ตัวอักษรคำว่ามัน (它)[1] ที่มีขีดหลังคานะ” นักพรตเฒ่าเข้าสู่สภาวะขามุงด้วยความเพลิดเพลิน
ปกติแล้วต้องรอดูเรื่องดราม่าในเวยป๋อว่า ดาราคนนี้นอกใจ ดาราคนดังคนนั้นนอกกายแล้ว ดราม่าพวกนั้นไม่เก่าแก่เท่าดราม่าที่อยู่ตรงนี้เลย นี่มันเป็นดราม่าเทพโบราณของแท้เลย!
“ไม่ใช่จริงๆ” ทนายอันก็มั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น
“นางที่ว่าคนนั้นเป็นใครกันแน่ล่ะเนี่ย”
“นางเป็นใคร ผมไม่รู้ แต่ผมรู้อยู่เรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร”
“อีกเดี๋ยวหลังจากเหล่าจางตื่นขึ้นมา เขาจะรู้สึกปวดหน้ามาก”
นักพรตเฒ่าอ้าปากค้าง และพูดด้วยความคาดไม่ถึงเล็กน้อย “ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผลมาก”
…
งานของปากกาพิฆาตได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้วในเวลานี้ ร่างกายและจิตวิญญาณของเซี่ยจื้อถูกปากกาพิฆาตทะลวงรุกรานอย่างสมบูรณ์ อวนจับปลาสีแดงผุดออกมาจากร่างของเซี่ยจื้อ
เซี่ยจื้อแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก ครึ่งหน้าของมันบวมเป่ง ดูจนตรอกมาก แต่อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่ร่างกายของมัน อีกทั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าชายตรงหน้าคนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีศักดิ์ศรีให้กล่าวถึง ดังนั้นมันกลับไม่รู้สึกโกรธเท่าไรนัก
“จริงๆ เจ้าสามารถไปขอร้องข้าได้นะ บางทีครั้งนี้ข้าอาจจะหยัดยืนกลับมาได้”
โจวเจ๋อวางฝ่ามือบนท้องของฮวาหูเตียวและกดลงไป นิ้วมือทั้งห้าทิ้งรอยประทับเอาไว้บนท้องของฮวาหูเตียว ร่างของฮวาหูเตียวแค่สั่นสะท้าน ไม่ได้เจ็บปวดจนร้องเสียงดังลั่นหรือแม้แต่ส่งเสียงร้องครวญครางด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็ยืนขึ้น
“ข้าพูดความจริงกับเจ้า ครั้งนี้ ข้าจะไม่…”
“เหตุใด…คน…ต้อง…ไป…ขอร้อง…อะ…ไร…กับ…สัตว์…”
“…” เซี่ยจื้อ
รอยยิ้มเย้ยหยันตัวเองเผยบนสีหน้าของเซี่ยจื้อ “ข้ารู้แล้ว แต่ไหนแต่ไรเจ้าไม่เคยให้เกียรติข้าเลย รวมไปถึงตอนแรกที่ข้าไปเยือนนรกก็ด้วย ขณะที่ข้าอ่านข้อกล้าวหาต่อหน้าเจ้า เจ้าก็ไม่เคยให้เกียรติข้าเลย”
ผู้คนในสมัยโบราณแตกต่างจากผู้คนในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
ทุกวันนี้การแบ่งเผ่าพันธุ์แยกออกเป็นผิวขาว ผิวดำ ผิวเหลือง แต่ในช่วงยุคนั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์อสูรปีศาจอื่นๆ ความรู้สึกยอมรับในตัวเองนั้นสูงกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้มาก
โจวเจ๋อไม่ตอบ
แสงในแววตาของเซี่ยจื้อเริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ แสงสีขาวปรากฏบนร่างกาย แสงสีขาวกำลังหลุดลอกออก จนชั้นบนสุดลอยล่องออกไปกลายเป็นขี้เถ้า ส่วนที่เหลือทั้งหมดกลับเข้าสู่ร่างกายนี้
ไม่นาน สายเลือดทั้งหมดที่ปากกาพิฆาตทิ้งไว้บนร่างกายของเหล่าจางก็ถูกลบออกเช่นกัน แต่ปากกาพิฆาตก็ยังคงอยู่ในร่างกายของเหล่าจาง
โจวเจ๋อหันกลับมาเตะฮวาหูเตียวที่นอนอยู่แทบเท้าของตัวเองลอยละลิ่ว
‘ตึง!’ ฮวาหูเตียวกระแทกบนเคาน์เตอร์และร่วงลงมา พลังชีวิตของเจ้าตัวเล็กช่างแข็งแกร่งจริงๆ วันนี้ถูกย่ำยีมาแล้วตั้งหลายครั้ง มาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่สิ้นใจไปอีก
โจวเจ๋อเดินไปหาคนในร้านหนังสือ จู่ๆ นักพรตเฒ่าและทนายอันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนหน้านี้พลันรู้สึกว่าพื้นที่คับแคบมาก จะเอามือของฉันวางไว้ตรงไหนดี ขาของฉันจะวางไว้อย่างไร หุบเข้าในหรืออ้าออกนอกดี รอยยิ้มบนใบหน้าฉันจะแสดงออกอย่างไรดี จะสงวนตัวมากกว่านี้หรือว่าจะประจบประแจงไปเลยดี ทุกคนต่างรู้ดีว่าคนที่กำลังเดินมาตรงหน้านี้เป็นใคร!
โจวเจ๋อเดินไปหยุดตรงหน้านักพรตเฒ่าก่อนและมองลงไปที่พรตเฒ่าครู่หนึ่ง นักพรตเฒ่ารู้สึกแค่ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงนิดหน่อย ยังดีที่ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะระทวยล้มตึงไปจริงๆ
ให้ตายเถอะ เมื่อก่อนคนผู้นี้ก็ออกมาบ่อยๆ เถ้าแก่มักจะปล่อยเขาออกมา แต่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แถมยังจงใจมาตรงหน้าตัวประกอบอย่างพวกเราเหล่านี้อีกต่างหาก
‘พึ่บ!’ จู่ๆ ทนายอันก็ผุดลุกขึ้นยืน พลางโน้มตัวลงเล็กน้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มชื่นชมจากใจจริง ดูเหมือนอยากจะพุ่งไปจับมือผู้นำด้วยมือทั้งสองข้าง และอยากจะรำพันว่ามือของผู้นำนั้นอบอุ่นมาก แต่มือคู่นั้นเพิ่งจะยกขึ้นก็วางลงไปอีกครั้งเสียแล้ว
เขาไม่กล้า!
คนตรงหน้านี้เป็นเจ้านายที่สูงที่สุดของนรกในสมัยก่อนของก่อนของก่อนเชียวนะ!
กลุ่มคนข้างๆ ยืนขึ้น ทันใดนั้นนักพรตเฒ่ารู้สึกว่าเขานั่งอยู่มันดูไม่เหมาะสมมาก จึงรีบโหย่งก้นอยากจะยืนขึ้น แต่เท้าดันสะดุดจนล้มลงกับพื้นคุกเข่าต่อหน้าโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อสูดลมหายใจ ดวงตาฉายแววผิดหวังแต่ก็พลันหายวับไป
คนผู้นี้ทำไมดูเหมือนว่าจะแย่ยิ่งกว่าเจ้าตัวเล็กทั้งเก้าในนรกตอนนี้เสียอีก…
นักพรตเฒ่ารีบปีนป่ายขึ้นมา จับเคาน์เตอร์แล้วค่อยๆ ยืนขึ้น รู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ยังมองโจวเจ๋ออย่างประจบสอพลอ “เถ้าแก่…ไม่สิ เถ้าแก่ใหญ่ ไม่สิ…”
“อ้อ เถ้าเถ้าแก่…!” นักพรตเฒ่าหันหน้าไปถลึงตาใส่ทนายอัน
เมื่อมองนักพรตเฒ่าตรงหน้า โจวเจ๋อก็ขี้เกียจพูดอีกต่อไป เดิมทีเขาอยากจะพูดอะไรสักหน่อย เพียงแต่รู้สึกว่าคนตรงหน้านี้ ทำให้เขา…หมดคำจะพูดจริงๆ
ตอนนั้นเอง โจวเจ๋อมองทนายอัน ทนายอันรู้สึกได้ทันทีว่าสปอตไลต์ทั้งโลกสาดส่องมาที่ตัวเขา อะดรีนาลีนของเขาเริ่มหลั่งอย่างรวดเร็ว จนคนทั้งคนถึงจุดสูงสุดของชีวิตทันที!
นับตั้งแต่โบราณจนมาถึงปัจจุบัน มีผู้ตรวจสอบของยมโลกกี่คนกันที่มีเกียรติได้ยืนอยู่ต่อหน้าบุคคลนี้ และสัมผัสกับการถูกคนตรงหน้าจ้องมองแต่เพียงผู้เดียว นอกจากเขาอันปู้ฉี่แล้วยังมีใครอีก!
“เจ้า…ฉลาด…มาก…”
“ผู้น้อยยอมตายเพื่อท่านผู้ยิ่งใหญ่!” ทนายอันคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าโจวเจ๋อในพริบตา วางฝ่ามือแนบหน้าอก น้ำตาอุ่นร้อนคลอเบ้า น้ำเสียงฮึกเหิม “ขอให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่กลับสู่ทะเลแห่งความตายโดยเร็วและสร้างนรกขึ้นมาใหม่!” น้ำเสียงดังกึกก้อง คนที่ไม่รู้ยังนึกว่าเขาอันปู้ฉี่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอิ๋งโกวมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
นักพรตเฒ่าดูฉากนี้อยู่ข้างๆ รู้สึกแค่ว่าความเย็นยะเยือกสวนเข้ามา ให้ตายเถอะ จำได้ว่าตอนเจอทนายอันครั้งแรก เจ้าหมอนี่ทั้งหยิ่งยโสทั้งอวดเก่งและชอบควบคุมขนาดไหน คิดไม่ถึงว่าจะประจบเก่งขนาดนี้!
ทันใดนั้นนักพรตเฒ่ารู้สึกว่าตำแหน่งในร้านหนังสือของเขาถูกคุกคามอย่างหนัก!
“ฉลาด…เช่น…นี้…ต่อ…ไป…”
ทนายอันเข้าใจความหมายที่อยู่นอกเหนือคำพูด รีบพยักหน้าทันที “ผู้น้อยรับทราบ ผู้น้อยจะรับใช้ด้วยความทุ่มเทเต็มที่ รับใช้ท่านผู้ยิ่งใหญ่หวนกลับคืนสู่บัลลังก์กระดูกอีกครั้ง!”
โจวเจ๋อหมุนตัวเดินไปทางสาวน้อยโลลิและเด็กชายที่ยืนอยู่อีกด้าน
ทนายอันที่คุกเข่าบนพื้นถอนหายใจโล่งอก เหงื่อเย็นๆ หยดโทรมกาย เขานับได้ว่าเป็นคนที่เห็นโลกมาทุกด้านแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคนบ้านนอกอยู่ดี
“หึ บัลลังก์กระดูก เจ้านี่เก่งจริงๆ ทำไม่บอกว่าบัลลังก์เหล็กล่ะ” นักพรตเฒ่ากลอกตาใส่ทนายอันอยู่ข้างๆ ในใจอัดอั้นไปด้วยความเสียใจและเสียดาย รู้สึกว่าตัวเองพลาดโอกาสที่ดีมากๆ ไปเสียแล้ว เพราะนายท่านคนนั้นพูดกับทนายอันแต่กลับไม่พูดกับตัวเองนี่สิ
สาวน้อยโลลิยืนอยู่หน้าเด็กชายนิดหน่อย แต่โจวเจ๋อกลับเดินผ่านสาวน้อยโลลิไป ไม่ชายตามองแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองไปที่เด็กชายโดยตรง
เด็กชายยกยิ้มมุมปากและโค้งตัวคำนับ “ท่านบรรพบุรุษ”
โจวเจ๋อวางมือบนไหล่ของเด็กชาย ปราณพิฆาตพุ่งเข้าไปในนั้น ร่างของเด็กชายเริ่มสั่นเทา แต่ในดวงตากลับสว่างวาววับ ทันใดนั้นเขาก็ชักมือกลับ ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว จากนั้นก็หันหลังกลับ โจวเจ๋อเดินไปตรงหน้าอิงอิง อิงอิงก้มหน้า มองเถ้าแก่แปลกหน้าตรงหน้า ไม่มีความหวาดกลัวใดๆ และไม่ได้เคารพมากเท่าไรนัก โจวเจ๋อก็ทำเพียงแค่มอง ไม่พูดอะไร และไม่ทำอะไรด้วย
ตอนนี้ดูเหมือนจะได้เวลาแล้ว โจวเจ๋อยืนหลับตาช้าๆ อยู่ตรงนั้น
“เถ้าแก่ใหญ่ ช้าก่อน!”
ไม่รู้ว่านักพรตเฒ่าไปเอาความกล้ามาจากไหน เมื่อเห็นโจวเจ๋อกำลังจะหลับตาก็รีบอุ้มเจ้าลิงน้อยไปอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อทันที
“เถ้าแก่ใหญ่ ดูมันหน่อย…ดูหน่อย”
สตรีอ่อนแอ แต่มารดากลับแข็งแกร่ง!
พ่อแม่น่าสงสารที่สุดในโลก!
ทันใดนั้นดวงตาของโจวเจ๋อที่กำลังจะปิดลงก็เปล่งแสงออกมา
“เจี๊ยกๆ เจี๊ยกๆ!!!!!!!!!” จู่ๆ เจ้าลิงก็วิ่งพล่านออกจากอ้อมแขนของนักพรตเฒ่าอย่างบ้าคลั่ง และปีนขึ้นไปบนเพดาน พลางกอดคานตัวสั่นหงึกๆ
นักพรตเฒ่าตะลึงงัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ในแววตาของโจวเจ๋อฉายแววดูถูกและผิดหวังในตอนท้ายกระทั่งปิดเปลือกตาลงในที่สุด ไม่นานนักโจวเจ๋อก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในแววตาอัดแน่นไปด้วยความอ่อนล้า ร่างกายโงนเงนจนเกือบจะล้มลงบนพื้น
“เถ้าแก่!” อิงอิงปรี่เข้ามาหาโจวเจ๋อก่อน
โจวเจ๋อส่ายหน้า “ผมเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทำไมตอนท้ายคุณไม่กลับไปเร็วกว่านี้ ผมเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงล้มไปแล้ว” แต่ทว่าที่ก้นบึ้งหัวใจนั้น เจ้าโง่นั่นไม่ตอบกลับใดๆ
จริงๆ แล้ว ทุกคนรู้ว่าเมื่อกี้เขากำลังทำอะไร การบ่นกระปอดกระแปดของเถ้าแก่โจว ยังถูกสงสัยว่าได้ประโยชน์แล้วยังทำเป็นขาดทุน หาได้ยากที่เจ้าโง่จะเต็มใจยืนหยัดเพื่อตัวเขาจริงๆ ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อนก็เป็นเรื่องที่ไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ
“เถ้าแก่ ท่านไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมเจ้าคะ” อิงอิงถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร คอแห้งนิดหน่อย”
“ซี้ด…” ตอนนี้เอง เหล่าจางตื่นแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งด้วยความมึนงง เขารู้สึกเหมือนตัวเองฝันอย่างยาวนาน ความฝันนี้ช่างคดเคี้ยวและน่าแปลกประหลาด ในความฝันเขายังท่องบทบัญญัติทางกฎหมายอยู่นานสองนาน แบบตัวอักษรซับซ้อนและออกเสียงได้เข้าใจยากมาก ทำเอาปวดสมองจนเกินจะทนได้
โชคดีที่ความฝันนี้นับว่าจบลงแล้ว แต่ช่วงเวลาต่อมา เขาก็รีบกุมหน้าด้านข้างของตัวเองทันที ตรงนั้นมันปวดมาก เป็นไปตามคาด หลังจากสัมผัสมันก็พบว่ามันบวมเป่งสุดๆ เหล่าจางมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน มองทุกคนที่อยู่ที่นี่พลางเอ่ยว่า “ออนอี๊อี่โองแอ๊ว (ตอนนี้กี่โมงแล้ว)”
ช่างใกล้เคียงกับความฝันมากแล้วจริงๆ
…………………………………………………………………………..
[1] คำว่านาง (她) หรือ มัน (它) ในภาษาจีนออกเสียงว่า ทา เหมือนกัน